สภาพอากาศของเดือนมิถุนายน ใน Fort McPherson แคนาดา

อุณหภูมิสูงรายวัน เพิ่มขึ้น ไป 6°C จาก 16°C เป็น 22°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า 9°C หรือสูงกว่า 28°C

อุณหภูมิต่ำรายวัน เพิ่มขึ้น ไป 6°C จาก 6°C เป็น 12°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า 0°C หรือสูงกว่า 17°C

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 4 กรกฎาคม วันที่ร้อนที่สุด ของปี อุณหภูมิ ใน Fort McPherson โดยทั่วไปอยู่ในช่วงตั้งแต่ 12°C ถึง 23°C ส่วน 20 มกราคม วันที่หนาวที่สุด ของปีนั้น อุณหภูมิอยู่ในช่วงตั้งแต่ -27°C ถึง -21°C

ตัวเลขข้างล่างแสดงให้คุณเห็นลักษณะโดยรวมของอุณหภูมิเฉลี่ยรายชั่วโมงในช่วงไตรมาสที่เริ่มจากเดือน มิถุนายน ของปี แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน โดยมีสีแสดงอุณหภูมิเฉลี่ยสำหรับชั่วโมงและวันดังกล่าว

Pangody, รัสเซีย (ห่างออกไป 5,021 กิโลเมตร) เป็นสถานที่ที่อยู่ไกลในต่างประเทศ โดยมีอุณหภูมิที่คล้ายคลึงกับ Fort McPherson มากที่สุด (ดูข้อมูลเปรียบเทียบ)

© OpenStreetMap contributors

เปรียบเทียบ Fort McPherson กับอีกเมืองหนึ่ง :

เปรียบเทียบแผนที่

เดือน มิถุนายน ใน Fort McPherson มีเมฆปกคลุม อยู่ในระดับคงที่เป็นสำคัญ โดยที่ร้อยละของเวลาที่ท้องฟ้า มืดครึ้ม หรือ มีเมฆเป็นส่วนมาก ยังคงอยู่ที่ประมาณ 54% ตลอดทั้งเดือน โอกาสต่ำสุดที่ท้องฟ้าจะ มืดครึ้ม หรือ มีเมฆเป็นส่วนมาก ในวันที่ 23 มิถุนายน คือ 52%

วันที่ท้องฟ้าแจ่มใสมากที่สุดของเดือนคือ 23 มิถุนายน โดยที่ท้องฟ้า แจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือ มีเมฆบางส่วน ในอัตรา 48% ของเวลา

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 5 เมษายน ซึ่งเป็นวันที่มีเมฆมากที่สุดของปี สภาพอากาศมีโอกาส 75% ที่จะมืดครึ้มหรือมีเมฆเป็นส่วนมาก ส่วนในวันที่ 23 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่แจ่มใสมากที่สุดของปี ท้องฟ้ามีโอกาส 48% ที่จะแจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือมีเมฆบางส่วน

วันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก หมายถึงวันที่มีหยาดน้ำฟ้าเป็นของเหลวหรือเทียบเท่าของเหลว ในปริมาณอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร ใน Fort McPherson วันที่หยาดน้ำฟ้าจะตกมากในช่วงเดือน มิถุนายน มีโอกาส อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ โดยยังคงอยู่ที่ 17% ตลอดเดือน

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง โอกาสที่จะมีตกรายวันสูงสุดของปีคือ 21% ในวันที่ 17 กรกฎาคม และโอกาสน้อยที่สุดคือ 3% ในวันที่ 8 มีนาคม

ปริมาณน้ำฝน

เพื่อแสดงให้เห็นความแตกต่างภายในเดือน ไม่ใช่แค่ปริมาณทั้งหมดในแต่ละเดือน เราแสดงปริมาณน้ำฝนที่สะสมภายในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลังแต่ละวัน

ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลัง ระหว่างเดือน มิถุนายน ใน Fort McPherson เพิ่มขึ้นช้า ๆ โดยในช่วงต้นเดือนอยู่ที่ 24 มิลลิเมตร น้อยมากที่เกิน 50 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า 4 มิลลิเมตร ส่วนในช่วงปลายเดือนอยู่ที่ 35 มิลลิเมตร น้อยมากที่เกิน 64 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า 8 มิลลิเมตร

เนื่องจากอยู่ที่ละติจูดสูง Fort McPherson จึงประสบกับวันพระอาทิตย์เที่ยงคืนในช่วงฤดูร้อน และรัตติกาลขั้วโลกในช่วงฤดูหนาว มีบางช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์อยู่เหนือหรือใต้เส้นขอบฟ้าอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานกว่าหนึ่งวัน วันเริ่มต้นและวันสิ้นสุดที่แน่นอนของวันพระอาทิตย์เที่ยงคืนและรัตติกาลขั้วโลกจะแตกต่างกันไปในแต่ละปีและขึ้นอยู่กับตำแหน่งและระดับความสูงที่แน่นอนของผู้สังเกตและภูมิประเทศเฉพาะแห่ง

ใน ฤดูร้อน ใน Fort McPherson ระหว่างปี พ.ศ. 2567 ดวงอาทิตย์ลอยอยู่เหนือเส้นขอบฟ้าอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 1.5 เดือน โดยจะขึ้นในเวลา 02:59 ของวันที่ 29 พฤษภาคม และจะไม่ตกอีกจนถึงเวลา 03:04 ของวันที่ 13 กรกฎาคม ดังนั้น ดวงอาทิตย์จะอยู่เหนือเส้นขอบฟ้าอย่างต่อเนื่องตลอดเดือน มิถุนายน

มีการใช้เวลาออมแสง ใน Fort McPherson ระหว่างปี พ.ศ. 2567 แต่ไม่เริ่มต้นหรือสิ้นสุดลงในเดือน มิถุนายน ดังนั้นจึงมีการใช้เวลามาตรฐานตลอดทั้งเดือน

รูปด้านล่างแสดงภาพระดับความสูงของดวงอาทิตย์แบบย่อ (มุมของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า) และมุมทิศ (มุมที่ดวงอาทิตย์มุ่งหน้าไปบนเข็มทิศ) ในแต่ละชั่วโมงของแต่ละวันตลอดช่วงเวลาที่มีการรายงาน แกนนอนเป็นวันของปี ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ในวันใด ๆ และชั่วโมงของวันนั้น สีพื้นหลังแสดงถึงมุมทิศของดวงอาทิตย์ในขณะนั้น เส้นเท่าสีดำเป็นเส้นชั้นความสูงของระดับความสูงคงที่ของดวงอาทิตย์

ตัวเลขข้างล่างแสดงภาพรวมโดยย่อของข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับดวงจันทร์สำหรับเดือน มิถุนายน 2567 แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ส่วนพื้นที่สีระบุเวลาที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า แถบแนวตั้งสีเทา (จันทร์ดับ) และแถบสีน้ำเงิน (จันทร์เต็มดวง) ระบุดิถีสำคัญของดวงจันทร์ ข้อมูลที่สัมพันธ์กับแต่ละแถบแสดงให้เห็นวันที่และเวลาที่ได้รับข้อมูลข้างขึ้นข้างแรม ส่วนข้อมูลเวลาที่อยู่ด้วยกันระบุเวลาที่ดวงจันทร์ขึ้นและตกสำหรับช่วงเวลาที่ใกล้ที่สุดที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า

เราตั้งค่าระดับความสบายต่อความชื้นที่จุดน้ำค้างเนื่องจากเป็นตัวกำหนดว่า เหงื่อจะระเหยออกจากผิวหนังเพื่อให้ร่างกายเย็นลงหรือไม่ จุดน้ำค้างที่ต่ำทำให้รู้สึกว่าแห้งกว่า ส่วนจุดน้ำค้างที่สูงขึ้นจะทำให้รู้สึกว่าชื้นมากกว่า สิ่งที่แตกต่างจากอุณหภูมิคือ โดยทั่วไปอุณหภูมิในตอนกลางคืนและกลางวันจะมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ จุดน้ำค้างมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงได้ช้ากว่า ดังนั้นขณะที่อุณหภูมิอาจลดลงในตอนกลางคืน แต่โดยทั่วไปแล้ว ช่วงกลางวันที่อบอ้าวจะตามด้วยช่วงกลางคืนที่อบอ้าวเช่นกัน

โอกาสที่วันใดวันหนึ่งจะ ร้อนอบอ้าว ใน Fort McPherson is อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ ระหว่างเดือน มิถุนายน โดยคงอยู่ที่ประมาณ 0% ตลอดเดือน

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 20 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวมากที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 0% ของเวลาทั้งหมด ส่วนในวันที่ 1 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวน้อยที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 0% ของเวลาทั้งหมด

เนื้อหาในส่วนนี้จะกล่าวถึงเวกเตอร์ (ความเร็วและทิศทาง) ลมเฉลี่ยรายชั่วโมงในพื้นที่กว้าง ที่ระดับ 10 เมตรเหนือพื้นดิน ลมที่ประสบในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งจะขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศเฉพาะแห่งและปัจจัยอื่น ๆ เป็นสำคัญ โดยที่ความเร็วและทิศทางลมเฉพาะขณะจะแตกต่างกันมากมากกว่าค่าเฉลี่ยรายชั่วโมง

ความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมง ใน Fort McPherson is อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ ระหว่างเดือน มิถุนายน โดยคงอยู่ภายในช่วง 0.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ของ 12.9 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตลอดเดือน

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 2 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่ลมแรงที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 13.2 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนในวันที่ 17 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันที่ลมสงบมากที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 11.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ความเร็วลมเฉลี่ยสูงสุดรายวันระหว่างเดือน มิถุนายน คือ 13.2 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในวันที่ 2 มิถุนายน

ทิศทางลมเฉลี่ยรายชั่วโมง ใน Fort McPherson ตลอดเดือน มิถุนายน ส่วนใหญ่คือจาก ทิศเหนือ โดยมีสัดส่วนสูงสุดเท่ากับ 42% ในวันที่ 3 มิถุนายน

คำจำกัดความของฤดูเพาะปลูกจะแตกต่างกันไปทั่วโลก แต่เพื่อวัตถุประสงค์ของรายงานนี้ เราให้นิยามไว้ว่า เป็นช่วงเวลาต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุดที่อุณหภูมิไม่ใช่จุดเยือกแข็ง (≥ 0°C) ในปีนั้น (ปีปฏิทินในซีกโลกเหนือ หรือตั้งแต่ 1 กรกฎาคม จนถึง 30 มิถุนายน ในซีกโลกใต้)

โดยทั่วไป ฤดูเพาะปลูก ใน Fort McPherson จะมีเวลานาน 3.4 เดือน (105 วัน) โดยเริ่มตั้งแต่ประมาณวันที่ 26 พฤษภาคม ถึงประมาณวันที่ 8 กันยายน น้อยครั้งมากที่จะเริ่มต้นก่อนวันที่ 10 พฤษภาคม หรือหลังวันที่ 10 มิถุนายน และน้อยครั้งมากที่จะสิ้นสุดก่อนวันที่ 18 สิงหาคม หรือหลังวันที่ 28 กันยายน

เดือน มิถุนายน ใน Fort McPherson มีโอกาสมากกว่าครึ่งที่จะอยู่ภายในช่วงฤดูกาลเพาะปลูก โดยที่วันใดวันหนึ่งมีโอกาสจะอยู่ในฤดูกาลเพาะปลูกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จาก 69% เป็น 100% ตลอดช่วงเวลาทั้งเดือน

ค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกเป็นค่าการสะสมความร้อนรายปี ซึ่งใช้เพื่อทำนายพัฒนาการของพืชและสัตว์ และหมายถึงค่าอินทิกรัลความอุ่นเหนืออุณหภูมิพื้นฐาน โดยไม่คำนึงถึงส่วนเกินใด ๆ ที่สูงกว่าอุณหภูมิสูงสุด ในรายงานนี้ เราใช้ค่าพื้นฐานเท่ากับ 10°C และค่าสูงสุดเท่ากับ 30°C

จำนวนวันที่มีค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกโดยเฉลี่ย ใน Fort McPherson เพิ่มขึ้น ระหว่างเดือน มิถุนายน โดยเพิ่มขึ้น 152°C จาก 39°C เป็น 191°C ตลอดระยะเวลาทั้งเดือน

หัวข้อนี้จะอธิบายเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบรายวันทั้งหมดที่ตกกระทบพื้นผิวดินเป็นบริเวณกว้าง โดยพิจารณาถึงความผันแปรตามฤดูกาลในด้านช่วงแสงในแต่ละวัน ระดับความสูงของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า และการดูดกลืนแสงโดยเมฆและองค์ประกอบอื่นในชั้นบรรยากาศ รังสีคลื่นสั้นครอบคลุมถึงแสงที่มองเห็นได้และรังสีอัลตราไวโอเลต

พลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวัน ใน Fort McPherson is อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ ระหว่างเดือน มิถุนายน โดยคงอยู่ภายในช่วง 0.1 กว.-ชม. ของ 5.9 กว.-ชม. ตลอดเดือน

พลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยสูงสุดรายวันระหว่างเดือนเดือน มิถุนายน คือ 6.1 กว.-ชม. ในวันที่ 20 มิถุนายน

เพื่อให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ของรายงานฉบับนี้ พิกัดภูมิศาสตร์ของ Fort McPherson คือละติจูดที่ 67.439° ลองจิจูดที่ -134.885° และระดับความสูง 21 ม.

ภูมิประเทศภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ Fort McPherson มีระดับความสูงที่แตกต่างกันเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น โดยที่ระดับความสูงมีการเปลี่ยนแปลงสูงสุด 33 เมตร และความสูงเหนือระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยเท่ากับ 12 เมตร ภายในรัศมี 16 กิโลเมตร มีระดับความสูงที่แตกต่างกันเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น (401 เมตร) ภายในรัศมี 80 กิโลเมตร มีระดับความสูงที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญมาก (1,676 เมตร)

พื้นที่ภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ Fort McPherson ปกคลุมไปด้วย ต้นไม้ (66%)และน้ำ (10%) ส่วนภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย ต้นไม้ (56%)และพุ่มไม้ (29%) และภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย ต้นไม้ (35%)และพุ่มไม้ (27%)