สภาพอากาศในฤดูใบไม้ร่วงใน San Pedro อาร์เจนตินา

อุณหภูมิสูงรายวัน ลดลง ไป 8°C จาก 29°C เป็น 21°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า 14°C หรือสูงกว่า 33°C

อุณหภูมิต่ำรายวัน ลดลง ไป 9°C จาก 20°C เป็น 11°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า 6°C หรือสูงกว่า 23°C

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 24 ธันวาคม วันที่ร้อนที่สุด ของปี อุณหภูมิ ใน San Pedro โดยทั่วไปอยู่ในช่วงตั้งแต่ 21°C ถึง 32°C ส่วน 12 กรกฎาคม วันที่หนาวที่สุด ของปีนั้น อุณหภูมิอยู่ในช่วงตั้งแต่ 8°C ถึง 21°C

ตัวเลขข้างล่างแสดงให้คุณเห็นลักษณะโดยสรุปของอุณหภูมิเฉลี่ยรายชั่วโมงในฤดูใบไม้ร่วง แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน โดยมีสีแสดงอุณหภูมิเฉลี่ยสำหรับชั่วโมงและวันดังกล่าว

วินด์ฮุก, นามิเบีย (ห่างออกไป 8,239 กิโลเมตร) Thohoyandou, แอฟริกาใต้ (9,497 กิโลเมตร) และBiloela, ออสเตรเลีย (13,414 กิโลเมตร) เป็นสถานที่ที่อยู่ไกลในต่างประเทศ โดยมีอุณหภูมิที่คล้ายคลึงกับ San Pedro มากที่สุด (ดูข้อมูลเปรียบเทียบ)

© OpenStreetMap contributors

เปรียบเทียบ San Pedro กับอีกเมืองหนึ่ง :

เปรียบเทียบแผนที่

ฤดูใบไม้ร่วงใน San Pedro มีเมฆปกคลุม ลดลงช้า ๆ โดยที่ร้อยละของเวลาที่ท้องฟ้ามืดครึ้ม หรือมีเมฆเป็นส่วนมากลดลงจาก 41% เป็น 33% โอกาสต่ำสุดที่ท้องฟ้าจะ มืดครึ้ม หรือ มีเมฆเป็นส่วนมาก ในวันที่ 22 เมษายน คือ 27%

วันที่ท้องฟ้าแจ่มใสมากที่สุดในฤดูใบไม้ร่วง คือ 22 เมษายน โดยที่ท้องฟ้า แจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือ มีเมฆบางส่วน ในอัตรา 73% ของเวลา

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 10 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่มีเมฆมากที่สุดของปี สภาพอากาศมีโอกาส 50% ที่จะมืดครึ้มหรือมีเมฆเป็นส่วนมาก ส่วนในวันที่ 30 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่แจ่มใสมากที่สุดของปี ท้องฟ้ามีโอกาส 79% ที่จะแจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือมีเมฆบางส่วน

วันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก หมายถึงวันที่มีหยาดน้ำฟ้าเป็นของเหลวหรือเทียบเท่าของเหลว ในปริมาณอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร ใน San Pedro วันที่ฝนจะตกในฤดูใบไม้ร่วง มีโอกาส ลดลงอย่างรวดเร็วมาก โดยในช่วงต้นฤดูมีโอกาส 48% ส่วนช่วงปลายฤดูมีโอกาส 5%

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง โอกาสที่จะมีตกรายวันสูงสุดของปีคือ 53% ในวันที่ 10 มกราคม และโอกาสน้อยที่สุดคือ 2% ในวันที่ 25 สิงหาคม

ปริมาณน้ำฝน

เพื่อแสดงให้เห็นความแตกต่างภายในฤดูนั้น ๆ ไม่ใช่แค่ปริมาณทั้งหมดในแต่ละเดือน เราแสดงปริมาณน้ำฝนที่สะสมภายในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลังแต่ละวัน

ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลัง ระหว่างฤดูใบไม้ร่วงใน San Pedro ลดลงอย่างรวดเร็วมาก โดยในช่วงต้นฤดูอยู่ที่ 140 มิลลิเมตร ซึ่งมีน้อยมากที่เกิน 225 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า 66 มิลลิเมตร ส่วนในช่วงปลายฤดูอยู่ที่ 5 มิลลิเมตร ซึ่งมีน้อยมากที่เกิน 12 มิลลิเมตร

ตลอดระยะเวลาของฤดูใบไม้ร่วงใน San Pedro ความยาวของเวลากลางวันจะลดลงอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ต้นฤดูถึงสิ้นฤดู ความยาวของเวลากลางวันจะลดลงไป 1 ชั่วโมง และ 49 นาที ซึ่งชี้ให้เห็นว่ามีการลดลงรายวันโดยเฉลี่ยเท่ากับ 1 นาที และ 12 วินาที และมีการลดลงรายสัปดาห์เท่ากับ 8 นาที และ 25 วินาที

วันที่สั้นที่สุดของฤดูใบไม้ร่วงคือวันที่ 31 พฤษภาคม โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 10 ชั่วโมง และ 44 นาที ส่วนวันที่ยาวที่สุดคือวันที่ 1 มีนาคม โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 12 ชั่วโมง และ 33 นาที

เวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นเร็วที่สุดของฤดูใบไม้ร่วงใน San Pedro คือเวลา 07:14 ในวันที่ 1 มีนาคม และพระอาทิตย์ขึ้นช้าที่สุดคือหลังจากนั้นอีก 40 นาที ในเวลา 07:55 ของวันที่ 31 พฤษภาคม

เวลาที่พระอาทิตย์ตกช้าที่สุดคือ 19:48 เมื่อวันที่ 1 มีนาคม และเวลาที่พระอาทิตย์ตกเร็วที่สุดคือ หลังจากนั้นอีก 1 ชั่วโมง และ 9 นาที ในเวลา 18:39 เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม

ไม่มีการใช้เวลาออมแสง ใน San Pedro ระหว่างปี พ.ศ. 2567

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 21 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันยาวนานที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 06:28 และตกในเวลาอีก 13 ชั่วโมง และ 38 นาที ต่อมาที่เวลา 20:07 ส่วนในวันที่ 20 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันสั้นที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 08:02 และตกในเวลาอีก 10 ชั่วโมง และ 38 นาที ต่อมาที่ 18:40

รูปด้านล่างแสดงภาพระดับความสูงของดวงอาทิตย์แบบย่อ (มุมของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า) และมุมทิศ (มุมที่ดวงอาทิตย์มุ่งหน้าไปบนเข็มทิศ) ในแต่ละชั่วโมงของแต่ละวันตลอดช่วงเวลาที่มีการรายงาน แกนนอนเป็นวันของปี ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ในวันใด ๆ และชั่วโมงของวันนั้น สีพื้นหลังแสดงถึงมุมทิศของดวงอาทิตย์ในขณะนั้น เส้นเท่าสีดำเป็นเส้นชั้นความสูงของระดับความสูงคงที่ของดวงอาทิตย์

ตัวเลขข้างล่างแสดงภาพรวมโดยย่อของข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับดวงจันทร์สำหรับฤดูใบไม้ร่วง ปี พ.ศ. 2567 แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ส่วนพื้นที่สีระบุเวลาที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า แถบแนวตั้งสีเทา (จันทร์ดับ) และแถบสีน้ำเงิน (จันทร์เต็มดวง) ระบุดิถีสำคัญของดวงจันทร์ ข้อมูลที่สัมพันธ์กับแต่ละแถบแสดงให้เห็นวันที่และเวลาที่ได้รับข้อมูลข้างขึ้นข้างแรม ส่วนข้อมูลเวลาที่อยู่ด้วยกันระบุเวลาที่ดวงจันทร์ขึ้นและตกสำหรับช่วงเวลาที่ใกล้ที่สุดที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า

เราตั้งค่าระดับความสบายต่อความชื้นที่จุดน้ำค้างเนื่องจากเป็นตัวกำหนดว่า เหงื่อจะระเหยออกจากผิวหนังเพื่อให้ร่างกายเย็นลงหรือไม่ จุดน้ำค้างที่ต่ำทำให้รู้สึกว่าแห้งกว่า ส่วนจุดน้ำค้างที่สูงขึ้นจะทำให้รู้สึกว่าชื้นมากกว่า สิ่งที่แตกต่างจากอุณหภูมิคือ โดยทั่วไปอุณหภูมิในตอนกลางคืนและกลางวันจะมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ จุดน้ำค้างมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงได้ช้ากว่า ดังนั้นขณะที่อุณหภูมิอาจลดลงในตอนกลางคืน แต่โดยทั่วไปแล้ว ช่วงกลางวันที่อบอ้าวจะตามด้วยช่วงกลางคืนที่อบอ้าวเช่นกัน

ใน San Pedro โอกาสที่วันใดวันหนึ่งจะมีอากาศร้อนอบอ้าวนั้นลดลงอย่างรวดเร็วมากในช่วงฤดูใบไม้ร่วง โดยจะลดลงจาก 74% เป็น 3% ภายในฤดูนั้น

โอกาสสูงสุดที่จะมีวันร้อนอบอ้าวในช่วงฤดูใบไม้ร่วงคือ 74% ในวันที่ 1 มีนาคม

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 22 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวมากที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 74% ของเวลาทั้งหมด ส่วนในวันที่ 18 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวน้อยที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 0% ของเวลาทั้งหมด

เนื้อหาในส่วนนี้จะกล่าวถึงเวกเตอร์ (ความเร็วและทิศทาง) ลมเฉลี่ยรายชั่วโมงในพื้นที่กว้าง ที่ระดับ 10 เมตรเหนือพื้นดิน ลมที่ประสบในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งจะขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศเฉพาะแห่งและปัจจัยอื่น ๆ เป็นสำคัญ โดยที่ความเร็วและทิศทางลมเฉพาะขณะจะแตกต่างกันมากมากกว่าค่าเฉลี่ยรายชั่วโมง

ความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมงใน San Pedro จะอยู่ในระดับคงที่เป็นสำคัญ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง โดยคงอยู่ภายใน 0.2 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ของ 10.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตลอดฤดู

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 29 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันที่ลมแรงที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 13.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนในวันที่ 2 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันที่ลมสงบมากที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 10.1 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ความเร็วลมเฉลี่ยต่ำสุดรายวันในฤดูใบไม้ร่วง คือ 10.1 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในวันที่ 2 พฤษภาคม

ทิศทางลมเฉลี่ยรายชั่วโมงใน San Pedro ตลอดฤดูใบไม้ร่วงส่วนใหญ่คือ จากทิศตะวันออก โดยมีสัดส่วนสูงสุดเท่ากับ 67% ในวันที่ 24 มีนาคม

คำจำกัดความของฤดูเพาะปลูกจะแตกต่างกันไปทั่วโลก แต่เพื่อวัตถุประสงค์ของรายงานนี้ เราให้นิยามไว้ว่า เป็นช่วงเวลาต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุดที่อุณหภูมิไม่ใช่จุดเยือกแข็ง (≥ 0°C) ในปีนั้น (ปีปฏิทินในซีกโลกเหนือ หรือตั้งแต่ 1 กรกฎาคม จนถึง 30 มิถุนายน ในซีกโลกใต้)

แม้ว่าไม่เป็นเช่นนั้นทุกปี แต่ฤดูหนาวบางปี ใน San Pedro จะมีอุณหภูมิเยือกแข็งบ้าง วันที่ที่มีแนวโน้มน้อยที่สุดที่จะอยู่ในฤดูเพาะปลูกคือ 15 กรกฎาคม โดยมีโอกาส 65%

ค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกเป็นค่าการสะสมความร้อนรายปี ซึ่งใช้เพื่อทำนายพัฒนาการของพืชและสัตว์ และหมายถึงค่าอินทิกรัลความอุ่นเหนืออุณหภูมิพื้นฐาน โดยไม่คำนึงถึงส่วนเกินใด ๆ ที่สูงกว่าอุณหภูมิสูงสุด ในรายงานนี้ เราใช้ค่าพื้นฐานเท่ากับ 10°C และค่าสูงสุดเท่ากับ 30°C

จำนวนวันที่มีค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกโดยเฉลี่ยใน San Pedro จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมากระหว่างฤดูใบไม้ร่วง โดยเพิ่มขึ้น 898°C จาก 2,830°C เป็น 3,728°C ภายในช่วงฤดูนั้น

หัวข้อนี้จะอธิบายเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบรายวันทั้งหมดที่ตกกระทบพื้นผิวดินเป็นบริเวณกว้าง โดยพิจารณาถึงความผันแปรตามฤดูกาลในด้านช่วงแสงในแต่ละวัน ระดับความสูงของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า และการดูดกลืนแสงโดยเมฆและองค์ประกอบอื่นในชั้นบรรยากาศ รังสีคลื่นสั้นครอบคลุมถึงแสงที่มองเห็นได้และรังสีอัลตราไวโอเลต

พลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวันใน San Pedro จะลดลงอย่างรวดเร็วมากในช่วงฤดูใบไม้ร่วง โดยลดลง 2.1 กว.-ชม. จาก 6.5 กว.-ชม. เป็น 4.4 กว.-ชม. ภายในฤดูนั้น

เพื่อให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ของรายงานฉบับนี้ พิกัดภูมิศาสตร์ของ San Pedro คือละติจูดที่ -24.231° ลองจิจูดที่ -64.866° และระดับความสูง 587 ม.

ภูมิประเทศภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ San Pedro มีระดับความสูงที่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญ โดยที่ระดับความสูงมีการเปลี่ยนแปลงสูงสุด 169 เมตร และความสูงเหนือระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยเท่ากับ 601 เมตร ภายในรัศมี 16 กิโลเมตร มีระดับความสูงที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ (1,022 เมตร) ภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ยังมีระดับความสูงที่แตกต่างกันมากอย่างยิ่งเช่นกัน (5,058 เมตร)

พื้นที่ภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ San Pedro ปกคลุมไปด้วย พื้นที่เพาะปลูก (43%) ต้นไม้ (30%) ทุ่งหญ้า (14%) และพุ่มไม้ (14%) ส่วนภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย ต้นไม้ (56%)และพื้นที่เพาะปลูก (26%) และภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย ต้นไม้ (69%)และพุ่มไม้ (12%)