สภาพอากาศในฤดูใบไม้ผลิใน Vallenar ชิลี

อุณหภูมิสูงรายวัน เพิ่มขึ้น ไป 5°C จาก 13°C เป็น 18°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า 8°C หรือสูงกว่า 20°C

อุณหภูมิต่ำรายวัน เพิ่มขึ้น ไป 5°C จาก 2°C เป็น 7°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า -2°C หรือสูงกว่า 9°C

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 21 มกราคม วันที่ร้อนที่สุด ของปี อุณหภูมิ ใน Vallenar โดยทั่วไปอยู่ในช่วงตั้งแต่ 9°C ถึง 20°C ส่วน 19 กรกฎาคม วันที่หนาวที่สุด ของปีนั้น อุณหภูมิอยู่ในช่วงตั้งแต่ 0°C ถึง 11°C

ตัวเลขข้างล่างแสดงให้คุณเห็นลักษณะโดยสรุปของอุณหภูมิเฉลี่ยรายชั่วโมงในฤดูใบไม้ผลิ แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน โดยมีสีแสดงอุณหภูมิเฉลี่ยสำหรับชั่วโมงและวันดังกล่าว

Methven, นิวซีแลนด์ (ห่างออกไป 9,828 กิโลเมตร) เป็นสถานที่ที่อยู่ไกลในต่างประเทศ โดยมีอุณหภูมิที่คล้ายคลึงกับ Vallenar มากที่สุด (ดูข้อมูลเปรียบเทียบ)

© OpenStreetMap contributors

เปรียบเทียบ Vallenar กับอีกเมืองหนึ่ง :

เปรียบเทียบแผนที่

ฤดูใบไม้ผลิใน Vallenar มีเมฆปกคลุม ลดลง โดยที่ร้อยละของเวลาที่ท้องฟ้ามืดครึ้ม หรือมีเมฆเป็นส่วนมากลดลงจาก 24% เป็น 14%

วันที่ท้องฟ้าแจ่มใสมากที่สุดในฤดูใบไม้ผลิ คือ 29 พฤศจิกายน โดยที่ท้องฟ้า แจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือ มีเมฆบางส่วน ในอัตรา 86% ของเวลา

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 9 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่มีเมฆมากที่สุดของปี สภาพอากาศมีโอกาส 40% ที่จะมืดครึ้มหรือมีเมฆเป็นส่วนมาก ส่วนในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันที่แจ่มใสมากที่สุดของปี ท้องฟ้ามีโอกาส 91% ที่จะแจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือมีเมฆบางส่วน

วันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก หมายถึงวันที่มีหยาดน้ำฟ้าเป็นของเหลวหรือเทียบเท่าของเหลว ในปริมาณอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร ใน Vallenar วันที่ฝนจะตกในฤดูใบไม้ผลิ มีโอกาส อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ โดยยังคงอยู่ที่ 1% ตลอดฤดู

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง โอกาสที่จะมีตกรายวันสูงสุดของปีคือ 4% ในวันที่ 18 กรกฎาคม และโอกาสน้อยที่สุดคือ -0% ในวันที่ 29 พฤศจิกายน

ปริมาณน้ำฝน

เพื่อแสดงให้เห็นความแตกต่างภายในฤดูนั้น ๆ ไม่ใช่แค่ปริมาณทั้งหมดในแต่ละเดือน เราแสดงปริมาณน้ำฝนที่สะสมภายในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลังแต่ละวัน

ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลัง ระหว่างฤดูใบไม้ผลิใน Vallenar อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ โดยคงอยู่ที่ประมาณ 1 มิลลิเมตร ตลอดฤดู น้อยมากที่เกิน 8 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า -0 มิลลิเมตร

ปริมาณสะสมใน 31 วันโดยเฉลี่ยต่ำสุด เท่ากับ 0 มิลลิเมตร ในวันที่ 30 พฤศจิกายน

ตลอดระยะเวลาของฤดูใบไม้ผลิใน Vallenar ความยาวของเวลากลางวันจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาก ตั้งแต่ต้นฤดูถึงสิ้นฤดู ความยาวของเวลากลางวันจะเพิ่มขึ้นไป 2 ชั่วโมง และ 16 นาที ซึ่งชี้ให้เห็นว่ามีการเพิ่มขึ้นรายวันโดยเฉลี่ยเท่ากับ 1 นาที และ 31 วินาที และมีการเพิ่มขึ้นรายสัปดาห์เท่ากับ 10 นาที และ 35 วินาที

วันที่สั้นที่สุดของฤดูใบไม้ผลิคือวันที่ 1 กันยายน โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 11 ชั่วโมง และ 33 นาที ส่วนวันที่ยาวที่สุดคือวันที่ 30 พฤศจิกายน โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 13 ชั่วโมง และ 49 นาที

เวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นช้าที่สุดในฤดูใบไม้ผลิใน Vallenar คือ 07:46 ในวันที่ 8 กันยายน และพระอาทิตย์ขึ้นเร็วที่สุดคือ หลังจากนั้นอีก 1 ชั่วโมง และ 11 นาที ในเวลา 06:35 เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน

เวลาที่พระอาทิตย์ตกเร็วที่สุดคือ 18:27 เมื่อวันที่ 1 กันยายน และเวลาที่พระอาทิตย์ตกช้าที่สุดคือ หลังจากนั้นอีก 1 ชั่วโมง และ 57 นาที ในเวลา 20:24 เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน

เวลาออมแสง (DST) สิ้นสุดลงในเวลา 01:00 ของวันที่ 8 กันยายน 2567 ซึ่งปรับเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกให้เร็วขึ้นหนึ่งชั่วโมง

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 21 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันยาวนานที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 06:40 และตกในเวลาอีก 13 ชั่วโมง และ 58 นาที ต่อมาที่เวลา 20:38 ส่วนในวันที่ 20 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันสั้นที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 07:32 และตกในเวลาอีก 10 ชั่วโมง และ 20 นาที ต่อมาที่ 17:52

รูปด้านล่างแสดงภาพระดับความสูงของดวงอาทิตย์แบบย่อ (มุมของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า) และมุมทิศ (มุมที่ดวงอาทิตย์มุ่งหน้าไปบนเข็มทิศ) ในแต่ละชั่วโมงของแต่ละวันตลอดช่วงเวลาที่มีการรายงาน แกนนอนเป็นวันของปี ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ในวันใด ๆ และชั่วโมงของวันนั้น สีพื้นหลังแสดงถึงมุมทิศของดวงอาทิตย์ในขณะนั้น เส้นเท่าสีดำเป็นเส้นชั้นความสูงของระดับความสูงคงที่ของดวงอาทิตย์

ตัวเลขข้างล่างแสดงภาพรวมโดยย่อของข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับดวงจันทร์สำหรับฤดูใบไม้ผลิ ปี พ.ศ. 2567 แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ส่วนพื้นที่สีระบุเวลาที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า แถบแนวตั้งสีเทา (จันทร์ดับ) และแถบสีน้ำเงิน (จันทร์เต็มดวง) ระบุดิถีสำคัญของดวงจันทร์ ข้อมูลที่สัมพันธ์กับแต่ละแถบแสดงให้เห็นวันที่และเวลาที่ได้รับข้อมูลข้างขึ้นข้างแรม ส่วนข้อมูลเวลาที่อยู่ด้วยกันระบุเวลาที่ดวงจันทร์ขึ้นและตกสำหรับช่วงเวลาที่ใกล้ที่สุดที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า

เราตั้งค่าระดับความสบายต่อความชื้นที่จุดน้ำค้างเนื่องจากเป็นตัวกำหนดว่า เหงื่อจะระเหยออกจากผิวหนังเพื่อให้ร่างกายเย็นลงหรือไม่ จุดน้ำค้างที่ต่ำทำให้รู้สึกว่าแห้งกว่า ส่วนจุดน้ำค้างที่สูงขึ้นจะทำให้รู้สึกว่าชื้นมากกว่า สิ่งที่แตกต่างจากอุณหภูมิคือ โดยทั่วไปอุณหภูมิในตอนกลางคืนและกลางวันจะมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ จุดน้ำค้างมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงได้ช้ากว่า ดังนั้นขณะที่อุณหภูมิอาจลดลงในตอนกลางคืน แต่โดยทั่วไปแล้ว ช่วงกลางวันที่อบอ้าวจะตามด้วยช่วงกลางคืนที่อบอ้าวเช่นกัน

ใน Vallenar โอกาสที่วันใดวันหนึ่งจะมีอากาศร้อนอบอ้าวนั้นอยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญในช่วงฤดูใบไม้ผลิ โดยคงอยู่ที่ประมาณ 0% ตลอดทั้งฤดู

เนื้อหาในส่วนนี้จะกล่าวถึงเวกเตอร์ (ความเร็วและทิศทาง) ลมเฉลี่ยรายชั่วโมงในพื้นที่กว้าง ที่ระดับ 10 เมตรเหนือพื้นดิน ลมที่ประสบในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งจะขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศเฉพาะแห่งและปัจจัยอื่น ๆ เป็นสำคัญ โดยที่ความเร็วและทิศทางลมเฉพาะขณะจะแตกต่างกันมากมากกว่าค่าเฉลี่ยรายชั่วโมง

ความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมงใน Vallenar จะอยู่ในระดับคงที่เป็นสำคัญ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ โดยคงอยู่ภายใน 0.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ของ 12.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตลอดฤดู

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 9 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันที่ลมแรงที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 13.0 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนในวันที่ 31 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันที่ลมสงบมากที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 10.4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ความเร็วลมเฉลี่ยสูงสุดรายวันในฤดูใบไม้ผลิ คือ 13.0 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในวันที่ 9 ตุลาคม

ทิศทางลมใน Vallenar ในช่วงฤดูใบไม้ผลิส่วนใหญ่มาจาก ทิศเหนือ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน ถึงวันที่ 29 ตุลาคมและทิศตะวันตก ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน

Vallenar ตั้งอยู่ใกล้แหล่งน้ำขนาดใหญ่ (เช่น มหาสมุทร ทะเล หรือทะเลสาบขนาดใหญ่) เนื้อหาในส่วนนี้จะรายงานเกี่ยวกับอุณหภูมิน้ำผิวดินในพื้นที่กว้างโดยเฉลี่ยของแหล่งน้ำนั้น

อุณหภูมิน้ำผิวดินเฉลี่ยใน Vallenar เพิ่มขึ้นช้า ๆในช่วงฤดูใบไม้ผลิ โดยเพิ่มขึ้น 2°C จาก 14°C เป็น 16°C ภายในช่วงฤดูนั้น

คำจำกัดความของฤดูเพาะปลูกจะแตกต่างกันไปทั่วโลก แต่เพื่อวัตถุประสงค์ของรายงานนี้ เราให้นิยามไว้ว่า เป็นช่วงเวลาต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุดที่อุณหภูมิไม่ใช่จุดเยือกแข็ง (≥ 0°C) ในปีนั้น (ปีปฏิทินในซีกโลกเหนือ หรือตั้งแต่ 1 กรกฎาคม จนถึง 30 มิถุนายน ในซีกโลกใต้)

โดยทั่วไป ฤดูเพาะปลูก ใน Vallenar จะมีเวลานาน 7.3 เดือน (222 วัน) โดยเริ่มตั้งแต่ประมาณวันที่ 1 ตุลาคม ถึงประมาณวันที่ 11 พฤษภาคม น้อยครั้งมากที่จะเริ่มต้นก่อนวันที่ 8 กันยายน หรือหลังวันที่ 25 ตุลาคม และน้อยครั้งมากที่จะสิ้นสุดก่อนวันที่ 19 เมษายน หรือหลังวันที่ 8 มิถุนายน

ฤดูใบไม้ผลิใน Vallenar มีโอกาสมากที่จะอยู่ภายนอกช่วงฤดูกาลเพาะปลูก โดยที่วันใดวันหนึ่งมีโอกาสจะอยู่ในฤดูกาลเพาะปลูกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาก จาก 5% เป็น 100% ตลอดช่วงฤดู

ค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกเป็นค่าการสะสมความร้อนรายปี ซึ่งใช้เพื่อทำนายพัฒนาการของพืชและสัตว์ และหมายถึงค่าอินทิกรัลความอุ่นเหนืออุณหภูมิพื้นฐาน โดยไม่คำนึงถึงส่วนเกินใด ๆ ที่สูงกว่าอุณหภูมิสูงสุด ในรายงานนี้ เราใช้ค่าพื้นฐานเท่ากับ 10°C และค่าสูงสุดเท่ากับ 30°C

จำนวนวันที่มีค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกโดยเฉลี่ยใน Vallenar จะเพิ่มขึ้นระหว่างฤดูใบไม้ผลิ โดยเพิ่มขึ้น 141°C จาก 28°C เป็น 169°C ภายในช่วงฤดูนั้น

หัวข้อนี้จะอธิบายเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบรายวันทั้งหมดที่ตกกระทบพื้นผิวดินเป็นบริเวณกว้าง โดยพิจารณาถึงความผันแปรตามฤดูกาลในด้านช่วงแสงในแต่ละวัน ระดับความสูงของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า และการดูดกลืนแสงโดยเมฆและองค์ประกอบอื่นในชั้นบรรยากาศ รังสีคลื่นสั้นครอบคลุมถึงแสงที่มองเห็นได้และรังสีอัลตราไวโอเลต

พลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวันใน Vallenar จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมากในช่วงฤดูใบไม้ผลิ โดยเพิ่มขึ้น 3.5 กว.-ชม. จาก 6.1 กว.-ชม. เป็น 9.6 กว.-ชม. ภายในฤดูนั้น

เพื่อให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ของรายงานฉบับนี้ พิกัดภูมิศาสตร์ของ Vallenar คือละติจูดที่ -28.516° ลองจิจูดที่ -70.256° และระดับความสูง 1,990 ม.

ภูมิประเทศภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ Vallenar มีระดับความสูงที่แตกต่างกัน มาก โดยที่ระดับความสูงมีการเปลี่ยนแปลงสูงสุด 843 เมตร และความสูงเหนือระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยเท่ากับ 2,120 เมตร ภายในรัศมี 16 กิโลเมตร มีระดับความสูงที่แตกต่างกันมาก (2,699 เมตร) ภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ยังมีระดับความสูงที่แตกต่างกันมากอย่างยิ่งเช่นกัน (5,941 เมตร)

พื้นที่ภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ Vallenar ปกคลุมไปด้วย ผืนดินว่างเปล่า (100%) ส่วนภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย ผืนดินว่างเปล่า (69%)และต้นไม้ (15%) และภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย ผืนดินว่างเปล่า (63%)และต้นไม้ (14%)