สภาพอากาศในฤดูใบไม้ร่วงใน Mount Barker ออสเตรเลีย

อุณหภูมิสูงรายวัน ลดลง ไป 12°C จาก 26°C เป็น 14°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า 12°C หรือสูงกว่า 35°C

อุณหภูมิต่ำรายวัน ลดลง ไป 8°C จาก 14°C เป็น 6°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า 1°C หรือสูงกว่า 20°C

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ วันที่ร้อนที่สุด ของปี อุณหภูมิ ใน Mount Barker โดยทั่วไปอยู่ในช่วงตั้งแต่ 15°C ถึง 27°C ส่วน 19 กรกฎาคม วันที่หนาวที่สุด ของปีนั้น อุณหภูมิอยู่ในช่วงตั้งแต่ 5°C ถึง 12°C

ตัวเลขข้างล่างแสดงให้คุณเห็นลักษณะโดยสรุปของอุณหภูมิเฉลี่ยรายชั่วโมงในฤดูใบไม้ร่วง แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน โดยมีสีแสดงอุณหภูมิเฉลี่ยสำหรับชั่วโมงและวันดังกล่าว

Rawson, อาร์เจนตินา (ห่างออกไป 10,981 กิโลเมตร) Tres Arroyos, อาร์เจนตินา (11,627 กิโลเมตร) และSanta Catarina da Serra, โปรตุเกส (17,137 กิโลเมตร) เป็นสถานที่ที่อยู่ไกลในต่างประเทศ โดยมีอุณหภูมิที่คล้ายคลึงกับ Mount Barker มากที่สุด (ดูข้อมูลเปรียบเทียบ)

© OpenStreetMap contributors

เปรียบเทียบ Mount Barker กับอีกเมืองหนึ่ง :

เปรียบเทียบแผนที่

ฤดูใบไม้ร่วงใน Mount Barker มีเมฆปกคลุม เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยที่ร้อยละของเวลาที่ท้องฟ้ามืดครึ้ม หรือมีเมฆเป็นส่วนมากเพิ่มขึ้นจาก 28% เป็น 43% โอกาสสูงสุดที่ท้องฟ้าจะ มืดครึ้ม หรือ มีเมฆเป็นส่วนมาก ในวันที่ 31 พฤษภาคม คือ 43%

วันที่ท้องฟ้าแจ่มใสมากที่สุดในฤดูใบไม้ร่วง คือ 1 มีนาคม โดยที่ท้องฟ้า แจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือ มีเมฆบางส่วน ในอัตรา 73% ของเวลา

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 31 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันที่มีเมฆมากที่สุดของปี สภาพอากาศมีโอกาส 43% ที่จะมืดครึ้มหรือมีเมฆเป็นส่วนมาก ส่วนในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันที่แจ่มใสมากที่สุดของปี ท้องฟ้ามีโอกาส 75% ที่จะแจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือมีเมฆบางส่วน

วันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก หมายถึงวันที่มีหยาดน้ำฟ้าเป็นของเหลวหรือเทียบเท่าของเหลว ในปริมาณอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร ใน Mount Barker วันที่ฝนจะตกในฤดูใบไม้ร่วง มีโอกาส เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาก โดยในช่วงต้นฤดูมีโอกาส 6% ส่วนช่วงปลายฤดูมีโอกาส 25%

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง โอกาสที่จะมีตกรายวันสูงสุดของปีคือ 30% ในวันที่ 1 กรกฎาคม และโอกาสน้อยที่สุดคือ 5% ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์

ปริมาณน้ำฝน

เพื่อแสดงให้เห็นความแตกต่างภายในฤดูนั้น ๆ ไม่ใช่แค่ปริมาณทั้งหมดในแต่ละเดือน เราแสดงปริมาณน้ำฝนที่สะสมภายในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลังแต่ละวัน

ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลัง ระหว่างฤดูใบไม้ร่วงใน Mount Barker เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในช่วงต้นฤดูอยู่ที่ 16 มิลลิเมตร ซึ่งมีน้อยมากที่เกิน 43 มิลลิเมตร ส่วนในช่วงปลายฤดูอยู่ที่ 45 มิลลิเมตร ซึ่งมีน้อยมากที่เกิน 74 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า 19 มิลลิเมตร

ตลอดระยะเวลาของฤดูใบไม้ร่วงใน Mount Barker ความยาวของเวลากลางวันจะลดลงอย่างรวดเร็วมาก ตั้งแต่ต้นฤดูถึงสิ้นฤดู ความยาวของเวลากลางวันจะลดลงไป 2 ชั่วโมง และ 53 นาที ซึ่งชี้ให้เห็นว่ามีการลดลงรายวันโดยเฉลี่ยเท่ากับ 1 นาที และ 54 วินาที และมีการลดลงรายสัปดาห์เท่ากับ 13 นาที และ 17 วินาที

วันที่สั้นที่สุดของฤดูใบไม้ร่วงคือวันที่ 31 พฤษภาคม โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 9 ชั่วโมง และ 58 นาที ส่วนวันที่ยาวที่สุดคือวันที่ 1 มีนาคม โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 12 ชั่วโมง และ 50 นาที

เวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นช้าที่สุดในฤดูใบไม้ร่วงใน Mount Barker คือ 07:31 ในวันที่ 6 เมษายน และพระอาทิตย์ขึ้นเร็วที่สุดคือ หลังจากนั้นอีก 59 นาที ในเวลา 06:32 เมื่อวันที่ 7 เมษายน

เวลาที่พระอาทิตย์ตกช้าที่สุดคือ 19:51 เมื่อวันที่ 1 มีนาคม และเวลาที่พระอาทิตย์ตกเร็วที่สุดคือ หลังจากนั้นอีก 2 ชั่วโมง และ 41 นาที ในเวลา 17:10 เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม

เวลาออมแสง (DST) เริ่มต้นที่เวลา 02:00 ของวันที่ 7 เมษายน 2567 ซึ่งปรับเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกให้ช้าลงหนึ่งชั่วโมง

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 21 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันยาวนานที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 05:56 และตกในเวลาอีก 14 ชั่วโมง และ 31 นาที ต่อมาที่เวลา 20:28 ส่วนในวันที่ 20 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันสั้นที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 07:22 และตกในเวลาอีก 9 ชั่วโมง และ 48 นาที ต่อมาที่ 17:09

รูปด้านล่างแสดงภาพระดับความสูงของดวงอาทิตย์แบบย่อ (มุมของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า) และมุมทิศ (มุมที่ดวงอาทิตย์มุ่งหน้าไปบนเข็มทิศ) ในแต่ละชั่วโมงของแต่ละวันตลอดช่วงเวลาที่มีการรายงาน แกนนอนเป็นวันของปี ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ในวันใด ๆ และชั่วโมงของวันนั้น สีพื้นหลังแสดงถึงมุมทิศของดวงอาทิตย์ในขณะนั้น เส้นเท่าสีดำเป็นเส้นชั้นความสูงของระดับความสูงคงที่ของดวงอาทิตย์

ตัวเลขข้างล่างแสดงภาพรวมโดยย่อของข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับดวงจันทร์สำหรับฤดูใบไม้ร่วง ปี พ.ศ. 2567 แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ส่วนพื้นที่สีระบุเวลาที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า แถบแนวตั้งสีเทา (จันทร์ดับ) และแถบสีน้ำเงิน (จันทร์เต็มดวง) ระบุดิถีสำคัญของดวงจันทร์ ข้อมูลที่สัมพันธ์กับแต่ละแถบแสดงให้เห็นวันที่และเวลาที่ได้รับข้อมูลข้างขึ้นข้างแรม ส่วนข้อมูลเวลาที่อยู่ด้วยกันระบุเวลาที่ดวงจันทร์ขึ้นและตกสำหรับช่วงเวลาที่ใกล้ที่สุดที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า

เราตั้งค่าระดับความสบายต่อความชื้นที่จุดน้ำค้างเนื่องจากเป็นตัวกำหนดว่า เหงื่อจะระเหยออกจากผิวหนังเพื่อให้ร่างกายเย็นลงหรือไม่ จุดน้ำค้างที่ต่ำทำให้รู้สึกว่าแห้งกว่า ส่วนจุดน้ำค้างที่สูงขึ้นจะทำให้รู้สึกว่าชื้นมากกว่า สิ่งที่แตกต่างจากอุณหภูมิคือ โดยทั่วไปอุณหภูมิในตอนกลางคืนและกลางวันจะมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ จุดน้ำค้างมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงได้ช้ากว่า ดังนั้นขณะที่อุณหภูมิอาจลดลงในตอนกลางคืน แต่โดยทั่วไปแล้ว ช่วงกลางวันที่อบอ้าวจะตามด้วยช่วงกลางคืนที่อบอ้าวเช่นกัน

ใน Mount Barker โอกาสที่วันใดวันหนึ่งจะมีอากาศร้อนอบอ้าวนั้นอยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญในช่วงฤดูใบไม้ร่วง โดยคงอยู่ที่ประมาณ 0% ตลอดทั้งฤดู

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 23 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวมากที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 1% ของเวลาทั้งหมด ส่วนในวันที่ 23 เมษายน ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวน้อยที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 0% ของเวลาทั้งหมด

เนื้อหาในส่วนนี้จะกล่าวถึงเวกเตอร์ (ความเร็วและทิศทาง) ลมเฉลี่ยรายชั่วโมงในพื้นที่กว้าง ที่ระดับ 10 เมตรเหนือพื้นดิน ลมที่ประสบในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งจะขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศเฉพาะแห่งและปัจจัยอื่น ๆ เป็นสำคัญ โดยที่ความเร็วและทิศทางลมเฉพาะขณะจะแตกต่างกันมากมากกว่าค่าเฉลี่ยรายชั่วโมง

ความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมงใน Mount Barker จะลดลง ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง โดยลดลงจาก 17.1 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 14.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในช่วงฤดูกาลนั้น

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 17 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่ลมแรงที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 18.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนในวันที่ 18 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันที่ลมสงบมากที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 14.1 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ความเร็วลมเฉลี่ยต่ำสุดรายวันในฤดูใบไม้ร่วง คือ 14.1 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในวันที่ 19 พฤษภาคม

ทิศทางลมใน Mount Barker ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงส่วนใหญ่มาจาก ทิศใต้ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ถึงวันที่ 1 พฤษภาคม ทิศตะวันตก ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ถึงวันที่ 9 พฤษภาคม และทิศเหนือ ตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม

Mount Barker ตั้งอยู่ใกล้แหล่งน้ำขนาดใหญ่ (เช่น มหาสมุทร ทะเล หรือทะเลสาบขนาดใหญ่) เนื้อหาในส่วนนี้จะรายงานเกี่ยวกับอุณหภูมิน้ำผิวดินในพื้นที่กว้างโดยเฉลี่ยของแหล่งน้ำนั้น

อุณหภูมิน้ำผิวดินเฉลี่ยใน Mount Barker ลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงฤดูใบไม้ร่วง โดยลดลง 5°C จาก 21°C เป็น 16°C ภายในช่วงฤดูนั้น

คำจำกัดความของฤดูเพาะปลูกจะแตกต่างกันไปทั่วโลก แต่เพื่อวัตถุประสงค์ของรายงานนี้ เราให้นิยามไว้ว่า เป็นช่วงเวลาต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุดที่อุณหภูมิไม่ใช่จุดเยือกแข็ง (≥ 0°C) ในปีนั้น (ปีปฏิทินในซีกโลกเหนือ หรือตั้งแต่ 1 กรกฎาคม จนถึง 30 มิถุนายน ในซีกโลกใต้)

โดยทั่วไป ฤดูเพาะปลูก ใน Mount Barker จะมีเวลานาน 10 เดือน (307 วัน) โดยเริ่มตั้งแต่ประมาณวันที่ 5 สิงหาคม ถึงประมาณวันที่ 8 มิถุนายน น้อยครั้งมากที่จะเริ่มต้นหลังวันที่ 7 กันยายน หรือสิ้นสุดก่อนวันที่ 10 พฤษภาคม

ฤดูใบไม้ร่วงใน Mount Barker มีโอกาสมากกว่าครึ่งที่จะอยู่ภายในช่วงฤดูกาลเพาะปลูก โดยที่วันใดวันหนึ่งมีโอกาสจะอยู่ในฤดูกาลเพาะปลูกลดลงอย่างรวดเร็ว จาก 100% เป็น 63% ตลอดช่วงฤดู

ค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกเป็นค่าการสะสมความร้อนรายปี ซึ่งใช้เพื่อทำนายพัฒนาการของพืชและสัตว์ และหมายถึงค่าอินทิกรัลความอุ่นเหนืออุณหภูมิพื้นฐาน โดยไม่คำนึงถึงส่วนเกินใด ๆ ที่สูงกว่าอุณหภูมิสูงสุด ในรายงานนี้ เราใช้ค่าพื้นฐานเท่ากับ 10°C และค่าสูงสุดเท่ากับ 30°C

จำนวนวันที่มีค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกโดยเฉลี่ยใน Mount Barker จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วระหว่างฤดูใบไม้ร่วง โดยเพิ่มขึ้น 441°C จาก 1,333°C เป็น 1,774°C ภายในช่วงฤดูนั้น

หัวข้อนี้จะอธิบายเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบรายวันทั้งหมดที่ตกกระทบพื้นผิวดินเป็นบริเวณกว้าง โดยพิจารณาถึงความผันแปรตามฤดูกาลในด้านช่วงแสงในแต่ละวัน ระดับความสูงของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า และการดูดกลืนแสงโดยเมฆและองค์ประกอบอื่นในชั้นบรรยากาศ รังสีคลื่นสั้นครอบคลุมถึงแสงที่มองเห็นได้และรังสีอัลตราไวโอเลต

พลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวันใน Mount Barker จะลดลงอย่างรวดเร็วมากในช่วงฤดูใบไม้ร่วง โดยลดลง 4.2 กว.-ชม. จาก 6.6 กว.-ชม. เป็น 2.4 กว.-ชม. ภายในฤดูนั้น

เพื่อให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ของรายงานฉบับนี้ พิกัดภูมิศาสตร์ของ Mount Barker คือละติจูดที่ -35.067° ลองจิจูดที่ 138.867° และระดับความสูง 322 ม.

ภูมิประเทศภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ Mount Barker มีระดับความสูงที่แตกต่างกันเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น โดยที่ระดับความสูงมีการเปลี่ยนแปลงสูงสุด 133 เมตร และความสูงเหนือระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยเท่ากับ 354 เมตร ภายในรัศมี 16 กิโลเมตร มีระดับความสูงที่แตกต่างกันเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น (546 เมตร) ภายในรัศมี 80 กิโลเมตร มีระดับความสูงที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญมาก (741 เมตร)

พื้นที่ภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ Mount Barker ปกคลุมไปด้วย พื้นที่เพาะปลูก (37%) พื้นผิวเทียม (33%) ต้นไม้ (20%) และป่าเรือนยอดห่าง (10%) ส่วนภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย พื้นที่เพาะปลูก (58%)และต้นไม้ (21%) และภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย พื้นที่เพาะปลูก (41%)และน้ำ (30%)