ภูมิอากาศและสภาพอากาศเฉลี่ยตลอดปีที่ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง เขตปกครองพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน

ที่ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง ฤดูที่หยาดน้ำฟ้าตกมากมีลักษณะ ร้อน ร้อนและไม่มีลม และมืดครึ้ม และฤดูแล้งมีลักษณะ กำลังสบาย ลมแรง และแจ่มใสเป็นส่วนมาก ในระยะเวลาหนึ่งปี โดยทั่วไป อุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงในช่วงตั้งแต่ 14°C ถึง 32°C และน้อยมากที่จะอยู่ต่ำกว่า 9°C หรือสูงกว่า 34°C

คะแนนการท่องเที่ยวแสดงว่าเวลาที่ดีที่สุดของปีที่น่าไปเที่ยว ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง เพื่อเพลิดเพลินกับกิจกรรมในช่วงอากาศอุ่นคือ ตั้งแต่ช่วงกลาง ถึง ปลายเดือนมีนาคมและตั้งแต่ช่วงปลาย ตุลาคม ถึงปลายเดือนธันวาคม

ฤดูกาลที่ร้อนมีระยะเวลา 4.7 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม ถึงวันที่ 10 ตุลาคม และอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยรายวันสูงกว่า 29°C เดือนที่มีอากาศร้อนที่สุดของปีที่ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง คือ กรกฎาคม โดยมีอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยเท่ากับ 32°C และต่ำสุดเฉลี่ยเท่ากับ 28°C

ฤดูกาลที่เย็นมีระยะเวลา 2.9 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม ถึงวันที่ 8 มีนาคม และอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยรายวันต่ำกว่า 21°C เดือนที่มีอากาศหนาวที่สุดของปีที่ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง คือ มกราคม โดยมีอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยเท่ากับ 14°C และสูงสุดเฉลี่ยเท่ากับ 19°C

เปอร์เซ็นต์เฉลี่ยของท้องฟ้าที่ปกคลุมด้วยเมฆที่ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง มีความแตกต่างกันอย่างยิ่งตามฤดูกาลตลอดระยะเวลาทั้งปี

ช่วงที่แจ่มใสกว่าของปี ที่ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง จะเริ่มต้นประมาณวันที่ 29 กันยายน และมีระยะเวลานาน 6.9 เดือน แล้วสิ้นสุดประมาณวันที่ 25 เมษายน

เดือนที่ท้องฟ้าแจ่มใสมากที่สุดของปีที่ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง คือ ธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงที่โดยเฉลี่ยแล้วท้องฟ้า แจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือมีเมฆบางส่วนในอัตรา 72% ของเวลา

ช่วงที่มีเมฆมากกว่าของปีจะเริ่มต้นประมาณวันที่ 25 เมษายน และมีระยะเวลานาน 5.1 เดือน แล้วสิ้นสุดประมาณวันที่ 29 กันยายน

เดือนที่ท้องฟ้ามีเมฆมากที่สุดของปีที่ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง คือ มิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงที่โดยเฉลี่ยแล้วท้องฟ้ามืดครึ้ม หรือมีเมฆเป็นส่วนมากในอัตรา 85% ของเวลา

วันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก หมายถึงวันที่มีหยาดน้ำฟ้าเป็นของเหลวหรือเทียบเท่าของเหลว ในปริมาณอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร โอกาสสำหรับวันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมากที่ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญตลอดทั้งปี

ฤดูกาลที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมากกว่ามีระยะเวลานาน 5.6 เดือน ระหว่างวันที่ 3 เมษายน ถึงวันที่ 22 กันยายน โดยมีโอกาสสูงกว่า 31% ที่วันใดวันหนึ่งจะเป็นวันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก เดือนที่มีวันที่หยาดน้ำฟ้าตกมากที่สุดที่ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง คือ มิถุนายน โดยมีจำนวนวันเฉลี่ยเท่ากับ 15.9 วัน และมีปริมาณฝนอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร

ฤดูกาลที่แห้งกว่ามีระยะเวลานาน 6.4 เดือน ระหว่างวันที่ 22 กันยายน ถึงวันที่ 3 เมษายน เดือนที่มีวันที่หยาดน้ำฟ้าตกน้อยที่สุดที่ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง คือ ธันวาคม โดยมีจำนวนวันเฉลี่ยเท่ากับ 2.5 วัน และมีปริมาณฝนอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร

ในวันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก เราแยกความแตกต่างระหว่างวันที่มีฝนล้วน หรือหิมะล้วน หรือหิมะและฝนผสมกัน เดือนที่มีฝนล้วนเป็นจำนวนวันมากที่สุดที่ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง คือ มิถุนายน โดยมีจำนวนวันโดยเฉลี่ยเท่ากับ 15.9 วัน การจำแนกประเภทเช่นนี้แสดงว่า รูปแบบของหยาดน้ำฟ้าที่พบบ่อยที่สุดตลอดทั้งปีคือ ฝนล้วน โดยมีความน่าจะเป็นสูงสุดเท่ากับ 54% ในวันที่ 16 มิถุนายน

ปริมาณน้ำฝน

เราแสดงปริมาณน้ำฝนที่สะสมภายในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลังแต่ละวันในปีนั้นไว้ตรงกลาง เพื่อแสดงให้เห็นความแตกต่างภายในเดือน ไม่ใช่แค่ปริมาณทั้งหมดในแต่ละเดือน ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง มีปริมาณฝนรายเดือนแตกต่างกันอย่างยิ่งตามฤดูกาล

ปริมาณฝนตลอดปีที่ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง เดือนที่มีปริมาณฝนมากที่สุดที่ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง คือ มิถุนายน โดยมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยเท่ากับ 245 มิลลิเมตร

เดือนที่มีปริมาณฝนน้อยที่สุดที่ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง คือ ธันวาคม โดยมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยเท่ากับ 21 มิลลิเมตร

ความยาวของวันที่ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง แตกต่างกันตลอดระยะเวลาทั้งปี ในปี พ.ศ. 2567 วันที่สั้นที่สุดคือวันที่ 21 ธันวาคม โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 10 ชั่วโมง และ 46 นาที ส่วนวันที่ยาวที่สุดคือวันที่ 21 มิถุนายน โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 13 ชั่วโมง และ 30 นาที

พระอาทิตย์ขึ้นเร็วที่สุดคือเวลา 05:39 ในวันที่ 7 มิถุนายน และพระอาทิตย์ขึ้นช้าที่สุดคือในอีก 1 ชั่วโมง และ 27 นาที ต่อมาที่เวลา 07:06 ในวันที่ 16 มกราคม พระอาทิตย์ตกเร็วที่สุดคือเวลา 17:39 ในวันที่ 27 พฤศจิกายน และพระอาทิตย์ตกช้าที่สุดคือในอีก 1 ชั่วโมง และ 33 นาที ต่อมาที่เวลา 19:12 ในวันที่ 3 กรกฎาคม

ไม่มีการใช้เวลาออมแสง (DST) ที่ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง ระหว่างปี พ.ศ. 2567

ตัวเลขข้างล่างแสดงภาพรวมโดยย่อของข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับดวงจันทร์สำหรับเดือน พ.ศ. 2567 แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ส่วนพื้นที่สีระบุเวลาที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า แถบแนวตั้งสีเทา (จันทร์ดับ) และแถบสีน้ำเงิน (จันทร์เต็มดวง) ระบุดิถีสำคัญของดวงจันทร์

เราตั้งค่าระดับความสบายต่อความชื้นที่จุดน้ำค้างเนื่องจากเป็นตัวกำหนดว่า เหงื่อจะระเหยออกจากผิวหนังเพื่อให้ร่างกายเย็นลงหรือไม่ จุดน้ำค้างที่ต่ำทำให้รู้สึกว่าแห้งกว่า ส่วนจุดน้ำค้างที่สูงขึ้นจะทำให้รู้สึกว่าชื้นมากกว่า สิ่งที่แตกต่างจากอุณหภูมิคือ โดยทั่วไปอุณหภูมิในตอนกลางคืนและกลางวันจะมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ จุดน้ำค้างมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงได้ช้ากว่า ดังนั้นขณะที่อุณหภูมิอาจลดลงในตอนกลางคืน แต่โดยทั่วไปแล้ว ช่วงกลางวันที่อบอ้าวจะตามด้วยช่วงกลางคืนที่อบอ้าวเช่นกัน

ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง มีความชื้นที่รับรู้ได้แตกต่างกันอย่างยิ่งตามฤดูกาล

ช่วงที่ร้อนอบอ้าวมากกว่าในปีนั้นมีระยะเวลานาน 8.1 เดือน ระหว่างวันที่ 14 มีนาคม ถึงวันที่ 18 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงที่มีระดับความสบายเป็น ร้อนอบอ้าว หรือร้อนและไม่มีลม หรือมีความชื้นสูงมาก เป็นเวลาอย่างน้อย 26% ของเวลาทั้งหมด เดือนที่มีวันที่ร้อนอบอ้าวมากที่สุดที่ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง คือเดือนกรกฎาคม โดยมี 31.0 วัน ที่ร้อนอบอ้าวหรือหนักกว่านั้น

เดือนที่มีวันที่ร้อนอบอ้าวน้อยที่สุดที่ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง คือเดือนมกราคม โดยมี 0.7 วัน ที่ร้อนอบอ้าวหรือหนักกว่านั้น

เนื้อหาในส่วนนี้จะกล่าวถึงเวกเตอร์ (ความเร็วและทิศทาง) ลมเฉลี่ยรายชั่วโมงในพื้นที่กว้าง ที่ระดับ 10 เมตรเหนือพื้นดิน ลมที่ประสบในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งจะขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศเฉพาะแห่งและปัจจัยอื่น ๆ เป็นสำคัญ โดยที่ความเร็วและทิศทางลมเฉพาะขณะจะแตกต่างกันมากมากกว่าค่าเฉลี่ยรายชั่วโมง

ความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมงที่ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญตามฤดูกาลตลอดระยะเวลาทั้งปี

ช่วงที่ลมแรงกว่าในปีนั้นมีระยะเวลานาน 5.4 เดือน ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม ถึงวันที่ 15 มีนาคม โดยมีความเร็วลมเฉลี่ยสูงกว่า 17.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เดือนที่มีลมแรงที่สุดของปีที่ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง คือเดือนธันวาคม โดยมีความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมงเท่ากับ 20.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ช่วงเวลาที่ลมสงบกว่าในปีนั้นมีระยะเวลานาน 6.6 เดือน ระหว่างวันที่ 15 มีนาคม ถึงวันที่ 1 ตุลาคม เดือนที่มีลมสงบมากที่สุดของปีที่ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง คือเดือนสิงหาคม โดยมีความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมงเท่ากับ 15.1 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ทิศทางลมเฉลี่ยรายชั่วโมงส่วนใหญ่ที่ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง มีความแตกต่างกันตลอดปี

ลมมักพัดมาจากทิศตะวันออก เป็นเวลา 3.5 เดือน ระหว่างวันที่ 2 มกราคม ถึงวันที่ 18 เมษายนและเป็นเวลา 3.1 เดือน ระหว่างวันที่ 28 สิงหาคม ถึงวันที่ 1 ธันวาคม โดยมีเปอร์เซ็นต์สูงสุดเท่ากับ 63% ในวันที่ 23 ตุลาคม ลมมักพัดมาจากทิศใต้ เป็นเวลา 4.3 เดือน ระหว่างวันที่ 18 เมษายน ถึงวันที่ 28 สิงหาคม โดยมีเปอร์เซ็นต์สูงสุดเท่ากับ 72% ในวันที่ 25 มิถุนายน ลมมักพัดมาจากทิศเหนือ เป็นเวลา 1.0 เดือน ระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม ถึงวันที่ 2 มกราคม โดยมีเปอร์เซ็นต์สูงสุดเท่ากับ 49% ในวันที่ 1 มกราคม

ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง ตั้งอยู่ใกล้แหล่งน้ำขนาดใหญ่ (เช่น มหาสมุทร ทะเล หรือทะเลสาบขนาดใหญ่) เนื้อหาในส่วนนี้จะรายงานเกี่ยวกับอุณหภูมิน้ำผิวดินในพื้นที่กว้างโดยเฉลี่ยของแหล่งน้ำนั้น

อุณหภูมิน้ำโดยเฉลี่ยมีความแตกต่างกันอย่างยิ่งตามฤดูกาลตลอดระยะเวลาทั้งปี

เวลาของปีที่น้ำอุ่นกว่าปกติมีระยะเวลานาน 4.5 เดือน ระหว่างวันที่ 29 พฤษภาคม ถึงวันที่ 13 ตุลาคม โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงกว่า 27°C เดือนที่น้ำมีความอุ่นมากที่สุดของปีที่ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง คือเดือนสิงหาคม โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยเท่ากับ 29°C

เวลาของปีที่น้ำเย็นกว่าปกติมีระยะเวลานาน 3.5 เดือน ระหว่างวันที่ 11 ธันวาคม ถึงวันที่ 25 มีนาคม โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำกว่า 21°C เดือนที่น้ำมีความเย็นมากที่สุดของปีที่ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง คือเดือนมกราคม โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยเท่ากับ 19°C

เราคำนวณคะแนนการเดินทาง 2 ชนิดเพื่อระบุว่าสภาพอากาศตลอดทั้งปี ที่ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง มีสภาวะน่าสบายมากแค่ไหน

คะแนนการท่องเที่ยว จะสูงตามจำนวนวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ไม่มีฝน โดยมีอุณหภูมิที่รู้สึกได้ระหว่าง 18°C ถึง 27°C คะแนนนี้แสดงว่า เวลาที่ดีที่สุดของปีที่จะไปเที่ยว ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง เพื่อเพลิดเพลินกับกลางแจ้งทั่วไปตามประสานักท่องเที่ยวคือ ตั้งแต่ช่วงกลาง ถึง ปลายเดือนมีนาคมและตั้งแต่ช่วงปลาย ตุลาคม ถึงปลายเดือนธันวาคม โดยมีคะแนนสูงสุดในสัปดาห์ที่สามของเดือนพฤศจิกายน

คะแนนชายหาด/สระว่ายน้ำ จะสูงตามจำนวนวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ไม่มีฝน โดยมีอุณหภูมิที่รู้สึกได้ระหว่าง 24°C ถึง 32°C คะแนนนี้แสดงว่า เวลาที่ดีที่สุดของปีที่จะไปเที่ยว ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง เพื่อเพลิดเพลินกับกิจกรรมในสภาพอากาศร้อนคือ ตั้งแต่ช่วงปลาย กันยายน ถึงต้นเดือนพฤศจิกายน โดยมีคะแนนสูงสุดในสัปดาห์ที่สามของเดือนตุลาคม

ระเบียบวิธี

ในแต่ละชั่วโมงระหว่าง 08:00 ถึง 21:00 ของแต่ละวันในช่วงเวลาการวิเคราะห์ (พ.ศ. 2523 ถึง พ.ศ. 2559) คะแนนต่าง ๆ ที่ไม่ขึ้นต่อกันจะคำนวณจากอุณหภูมิที่รับรู้ เมฆปกคลุม และปริมาณหยาดน้ำฟ้าทั้งหมด คะแนนเหล่านั้นจะรวมเข้าด้วยกันเป็นคะแนนรวมรายชั่วโมงคะแนนเดียว จากนั้นจะรวมกลุ่มเป็นวัน โดยเฉลี่ยตลอดระยะเวลาหลายปีในช่วงการวิเคราะห์และปรับให้เรียบ

คะแนนเมฆปกคลุมของเราคือ 10 ในกรณีที่ท้องฟ้าแจ่มใสเต็มที่ แล้วลดลงเชิงเส้นไปที่ 9 ในกรณีที่ท้องฟ้าแจ่มใสเป็นส่วนใหญ่ และไปที่ 1 ในกรณีที่ท้องฟ้ามืดครึ้มเต็มที่

คะแนนหยาดน้ำฟ้าของเรา ซึ่งวัดจากปริมาณหยาดน้ำฟ้าในช่วง 3 ชั่วโมงโดยมีจุดกึ่งกลางตรงชั่วโมงที่สนใจ มีค่าเท่ากับ 10 สำหรับกรณีที่ไม่มีหยาดน้ำฟ้า แล้วลดลงแบบเชิงเส้นไปที่ 9 สำหรับกรณีที่มีหยาดน้ำฟ้าน้อยมาก และไปที่ 0 ในกรณีที่มีหยาดน้ำฟ้า 1 มิลลิเมตร หรือมากกว่านั้น

คะแนนอุณหภูมิสำหรับท่องเที่ยวของเราคือ 0 เมื่ออุณหภูมิที่รับรู้อยู่ต่ำกว่า 10°C โดยเพิ่มขึ้นแบบเชิงเส้นไปที่ 9 เมื่อมีอุณหภูมิ 18°C หรือไปที่ 10 เมื่อมีอุณหภูมิ 24°C และลดดลงแบบเชิงเส้นไปที่ 9 เมื่อมีอุณหภูมิ 27°C และไปที่ 1 เมื่อมีอุณหภูมิ 32°C หรือสูงกว่านั้น

คะแนนอุณหภูมิชายหาด/สระว่ายน้ำของเราคือ 0 เมื่ออุณหภูมิที่รับรู้อยู่ต่ำกว่า 18°C โดยเพิ่มขึ้นแบบเชิงเส้นไปที่ 9 เมื่อมีอุณหภูมิ 24°C หรือไปที่ 10 เมื่อมีอุณหภูมิ 28°C และลดดลงแบบเชิงเส้นไปที่ 9 เมื่อมีอุณหภูมิ 32°C และไปที่ 1 เมื่อมีอุณหภูมิ 38°C หรือสูงกว่านั้น

คำจำกัดความของฤดูเพาะปลูกจะแตกต่างกันไปทั่วโลก แต่เพื่อวัตถุประสงค์ของรายงานนี้ เราให้นิยามไว้ว่า เป็นช่วงเวลาต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุดที่อุณหภูมิไม่ใช่จุดเยือกแข็ง (≥ 0°C) ในปีนั้น (ปีปฏิทินในซีกโลกเหนือ หรือตั้งแต่ 1 กรกฎาคม จนถึง 30 มิถุนายน ในซีกโลกใต้)

อุณหภูมิ ที่ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง มีอากาศอบอุ่นเพียงพอตลอดทั้งปี จึงไม่มีความหมายแต่ประการใดที่จะกล่าวถึงฤดูเพาะปลูกด้วยเงื่อนไขเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม เราได้แสดงแผนภูมิไว้ด้านล่างเพื่อให้เห็นการกระจายของอุณหภูมิที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปี

ค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกเป็นค่าการสะสมความร้อนรายปี ซึ่งใช้เพื่อทำนายพัฒนาการของพืชและสัตว์ และหมายถึงค่าอินทิกรัลความอุ่นเหนืออุณหภูมิพื้นฐาน โดยไม่คำนึงถึงส่วนเกินใด ๆ ที่สูงกว่าอุณหภูมิสูงสุด ในรายงานนี้ เราใช้ค่าพื้นฐานเท่ากับ 10°C และค่าสูงสุดเท่ากับ 30°C

หัวข้อนี้จะอธิบายเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบรายวันทั้งหมดที่ตกกระทบพื้นผิวดินเป็นบริเวณกว้าง โดยพิจารณาถึงความผันแปรตามฤดูกาลในด้านช่วงแสงในแต่ละวัน ระดับความสูงของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า และการดูดกลืนแสงโดยเมฆและองค์ประกอบอื่นในชั้นบรรยากาศ รังสีคลื่นสั้นครอบคลุมถึงแสงที่มองเห็นได้และรังสีอัลตราไวโอเลต

พลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวันมีความผันแปรตามฤดูกาลพอสมควรตลอดช่วงเวลาทั้งปี

ช่วงที่สว่างกว่าในปีนั้นมีระยะเวลานาน 1.7 เดือน ระหว่างวันที่ 31 มีนาคม ถึงวันที่ 21 พฤษภาคม โดยมีพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวันต่อตารางเมตรในปริมาณสูงกว่า 5.3 กว.-ชม. เดือนที่สว่างที่สุดของปีที่ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง คือเดือนเมษายน โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 5.5 กว.-ชม.

ช่วงที่มืดกว่าในปีนั้นมีระยะเวลานาน 2.5 เดือน ระหว่างวันที่ 22 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ โดยมีพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวันต่อตารางเมตรในปริมาณต่ำกว่า 4.3 กว.-ชม. เดือนที่มืดที่สุดของปีที่ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง คือ ธันวาคม โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.1 กว.-ชม.

เพื่อให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ของรายงานฉบับนี้ พิกัดภูมิศาสตร์ของ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง คือละติจูดที่ 22.315° ลองจิจูดที่ 113.934° และระดับความสูง 22 ม.

ภูมิประเทศภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง มีระดับความสูงที่แตกต่างกันเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น โดยที่ระดับความสูงมีการเปลี่ยนแปลงสูงสุด 106 เมตร และความสูงเหนือระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยเท่ากับ 3 เมตร ภายในรัศมี 16 กิโลเมตร มีระดับความสูงที่แตกต่างกันเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น (924 เมตร) ภายในรัศมี 80 กิโลเมตร มีระดับความสูงที่แตกต่างกันมาก (1,029 เมตร)

พื้นที่ภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง ปกคลุมไปด้วย น้ำ (61%)และพื้นผิวเทียม (39%) ส่วนภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย น้ำ (72%)และต้นไม้ (14%) และภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย น้ำ (65%)และต้นไม้ (14%)