ภูมิอากาศและสภาพอากาศเฉลี่ยตลอดปีที่ Beer-Sheva อิสราเอล

ที่ Beer-Sheva ฤดูร้อนมีลักษณะ ยาวนาน ร้อน อบอ้าว แห้งแล้ง และแจ่มใส และฤดูหนาวมีลักษณะ หนาวและแจ่มใสเป็นส่วนมาก ในระยะเวลาหนึ่งปี โดยทั่วไป อุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงในช่วงตั้งแต่ 7°C ถึง 33°C และน้อยมากที่จะอยู่ต่ำกว่า 4°C หรือสูงกว่า 35°C

คะแนนชายหาด/สระว่ายน้ำแสดงว่าเวลาที่ดีที่สุดของปีที่น่าไปเที่ยว Beer-Sheva เพื่อเพลิดเพลินกับกิจกรรมในช่วงอากาศร้อนคือ ตั้งแต่ช่วงต้น มิถุนายน ถึงต้นเดือนตุลาคม

ฤดูกาลที่ร้อนมีระยะเวลา 4.2 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม ถึงวันที่ 1 ตุลาคม และอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยรายวันสูงกว่า 29°C เดือนที่มีอากาศร้อนที่สุดของปีที่ Beer-Sheva คือ สิงหาคม โดยมีอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยเท่ากับ 32°C และต่ำสุดเฉลี่ยเท่ากับ 21°C

ฤดูกาลที่เย็นมีระยะเวลา 3.1 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคม ถึงวันที่ 10 มีนาคม และอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยรายวันต่ำกว่า 19°C เดือนที่มีอากาศหนาวที่สุดของปีที่ Beer-Sheva คือ มกราคม โดยมีอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยเท่ากับ 7°C และสูงสุดเฉลี่ยเท่ากับ 16°C

เปอร์เซ็นต์เฉลี่ยของท้องฟ้าที่ปกคลุมด้วยเมฆที่ Beer-Sheva มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญตามฤดูกาลตลอดระยะเวลาทั้งปี

ช่วงที่แจ่มใสกว่าของปี ที่ Beer-Sheva จะเริ่มต้นประมาณวันที่ 22 พฤษภาคม และมีระยะเวลานาน 4.9 เดือน แล้วสิ้นสุดประมาณวันที่ 18 ตุลาคม

เดือนที่ท้องฟ้าแจ่มใสมากที่สุดของปีที่ Beer-Sheva คือ สิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงที่โดยเฉลี่ยแล้วท้องฟ้า แจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือมีเมฆบางส่วนในอัตรา 100% ของเวลา

ช่วงที่มีเมฆมากกว่าของปีจะเริ่มต้นประมาณวันที่ 18 ตุลาคม และมีระยะเวลานาน 7.1 เดือน แล้วสิ้นสุดประมาณวันที่ 22 พฤษภาคม

เดือนที่ท้องฟ้ามีเมฆมากที่สุดของปีที่ Beer-Sheva คือ ธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงที่โดยเฉลี่ยแล้วท้องฟ้ามืดครึ้ม หรือมีเมฆเป็นส่วนมากในอัตรา 29% ของเวลา

วันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก หมายถึงวันที่มีหยาดน้ำฟ้าเป็นของเหลวหรือเทียบเท่าของเหลว ในปริมาณอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร โอกาสสำหรับวันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมากที่ Beer-Sheva มีความแตกต่างกันตลอดทั้งปี

ฤดูกาลที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมากกว่ามีระยะเวลานาน 4.5 เดือน ระหว่างวันที่ 6 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 23 มีนาคม โดยมีโอกาสสูงกว่า 9% ที่วันใดวันหนึ่งจะเป็นวันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก เดือนที่มีวันที่หยาดน้ำฟ้าตกมากที่สุดที่ Beer-Sheva คือ มกราคม โดยมีจำนวนวันเฉลี่ยเท่ากับ 5.0 วัน และมีปริมาณฝนอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร

ฤดูกาลที่แห้งกว่ามีระยะเวลานาน 7.5 เดือน ระหว่างวันที่ 23 มีนาคม ถึงวันที่ 6 พฤศจิกายน เดือนที่มีวันที่หยาดน้ำฟ้าตกน้อยที่สุดที่ Beer-Sheva คือ กรกฎาคม โดยมีจำนวนวันเฉลี่ยเท่ากับ 0.0 วัน และมีปริมาณฝนอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร

ในวันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก เราแยกความแตกต่างระหว่างวันที่มีฝนล้วน หรือหิมะล้วน หรือหิมะและฝนผสมกัน เดือนที่มีฝนล้วนเป็นจำนวนวันมากที่สุดที่ Beer-Sheva คือ มกราคม โดยมีจำนวนวันโดยเฉลี่ยเท่ากับ 5.0 วัน การจำแนกประเภทเช่นนี้แสดงว่า รูปแบบของหยาดน้ำฟ้าที่พบบ่อยที่สุดตลอดทั้งปีคือ ฝนล้วน โดยมีความน่าจะเป็นสูงสุดเท่ากับ 17% ในวันที่ 18 มกราคม

ปริมาณน้ำฝน

เราแสดงปริมาณน้ำฝนที่สะสมภายในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลังแต่ละวันในปีนั้นไว้ตรงกลาง เพื่อแสดงให้เห็นความแตกต่างภายในเดือน ไม่ใช่แค่ปริมาณทั้งหมดในแต่ละเดือน Beer-Sheva มีปริมาณฝนรายเดือนแตกต่างกันบ้างตามฤดูกาล

ช่วงฝนชุกของปีมีระยะเวลา 5.0 เดือน ระหว่างวันที่ 2 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 1 เมษายน โดยมีฝนตกในช่วง 31 วันที่คร่อมวันใดวันหนึ่งไว้ตรงกลาง ในปริมาณอย่างน้อยที่สุด 13 มิลลิเมตร เดือนที่มีปริมาณฝนมากที่สุดที่ Beer-Sheva คือ มกราคม โดยมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยเท่ากับ 30 มิลลิเมตร

ช่วงปลอดฝนในปีนั้นมีระยะเวลานาน 7.0 เดือน ระหว่างวันที่ 1 เมษายน ถึงวันที่ 2 พฤศจิกายน เดือนที่มีปริมาณฝนน้อยที่สุดที่ Beer-Sheva คือ กรกฎาคม โดยมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยเท่ากับ 0 มิลลิเมตร

ความยาวของวันที่ Beer-Sheva แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญตลอดระยะเวลาทั้งปี ในปี พ.ศ. 2567 วันที่สั้นที่สุดคือวันที่ 21 ธันวาคม โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 10 ชั่วโมง และ 7 นาที ส่วนวันที่ยาวที่สุดคือวันที่ 20 มิถุนายน โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 14 ชั่วโมง และ 11 นาที

พระอาทิตย์ขึ้นเร็วที่สุดคือเวลา 05:34 ในวันที่ 28 มีนาคม และพระอาทิตย์ขึ้นช้าที่สุดคือในอีก 1 ชั่วโมง และ 18 นาที ต่อมาที่เวลา 06:52 ในวันที่ 26 ตุลาคม พระอาทิตย์ตกเร็วที่สุดคือเวลา 16:37 ในวันที่ 3 ธันวาคม และพระอาทิตย์ตกช้าที่สุดคือในอีก 3 ชั่วโมง และ 12 นาที ต่อมาที่เวลา 19:49 ในวันที่ 29 มิถุนายน

เวลาออมแสง (DST) เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ Beer-Sheva ระหว่างปี พ.ศ. 2567 โดยเริ่มต้นในฤดูใบไม้ผลิในวันที่ 29 มีนาคม เป็นเวลานาน 6.9 เดือน และสิ้นสุดในฤดูใบไม้ร่วงในวันที่ 27 ตุลาคม

ตัวเลขข้างล่างแสดงภาพรวมโดยย่อของข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับดวงจันทร์สำหรับเดือน พ.ศ. 2567 แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ส่วนพื้นที่สีระบุเวลาที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า แถบแนวตั้งสีเทา (จันทร์ดับ) และแถบสีน้ำเงิน (จันทร์เต็มดวง) ระบุดิถีสำคัญของดวงจันทร์

เราตั้งค่าระดับความสบายต่อความชื้นที่จุดน้ำค้างเนื่องจากเป็นตัวกำหนดว่า เหงื่อจะระเหยออกจากผิวหนังเพื่อให้ร่างกายเย็นลงหรือไม่ จุดน้ำค้างที่ต่ำทำให้รู้สึกว่าแห้งกว่า ส่วนจุดน้ำค้างที่สูงขึ้นจะทำให้รู้สึกว่าชื้นมากกว่า สิ่งที่แตกต่างจากอุณหภูมิคือ โดยทั่วไปอุณหภูมิในตอนกลางคืนและกลางวันจะมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ จุดน้ำค้างมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงได้ช้ากว่า ดังนั้นขณะที่อุณหภูมิอาจลดลงในตอนกลางคืน แต่โดยทั่วไปแล้ว ช่วงกลางวันที่อบอ้าวจะตามด้วยช่วงกลางคืนที่อบอ้าวเช่นกัน

Beer-Sheva มีความชื้นที่รับรู้ได้แตกต่างกันอย่างยิ่งตามฤดูกาล

ช่วงที่ร้อนอบอ้าวมากกว่าในปีนั้นมีระยะเวลานาน 3.8 เดือน ระหว่างวันที่ 14 มิถุนายน ถึงวันที่ 8 ตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงที่มีระดับความสบายเป็น ร้อนอบอ้าว หรือร้อนและไม่มีลม หรือมีความชื้นสูงมาก เป็นเวลาอย่างน้อย 16% ของเวลาทั้งหมด เดือนที่มีวันที่ร้อนอบอ้าวมากที่สุดที่ Beer-Sheva คือเดือนสิงหาคม โดยมี 19.4 วัน ที่ร้อนอบอ้าวหรือหนักกว่านั้น

เดือนที่มีวันที่ร้อนอบอ้าวน้อยที่สุดที่ Beer-Sheva คือเดือนกุมภาพันธ์ โดยมี 0.0 วัน ที่ร้อนอบอ้าวหรือหนักกว่านั้น

เนื้อหาในส่วนนี้จะกล่าวถึงเวกเตอร์ (ความเร็วและทิศทาง) ลมเฉลี่ยรายชั่วโมงในพื้นที่กว้าง ที่ระดับ 10 เมตรเหนือพื้นดิน ลมที่ประสบในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งจะขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศเฉพาะแห่งและปัจจัยอื่น ๆ เป็นสำคัญ โดยที่ความเร็วและทิศทางลมเฉพาะขณะจะแตกต่างกันมากมากกว่าค่าเฉลี่ยรายชั่วโมง

ความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมงที่ Beer-Sheva มีความแตกต่างกันเล็กน้อยตามฤดูกาลตลอดระยะเวลาทั้งปี

ช่วงที่ลมแรงกว่าในปีนั้นมีระยะเวลานาน 4.3 เดือน ระหว่างวันที่ 20 พฤษภาคม ถึงวันที่ 28 กันยายน โดยมีความเร็วลมเฉลี่ยสูงกว่า 12.0 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เดือนที่มีลมแรงที่สุดของปีที่ Beer-Sheva คือเดือนมิถุนายน โดยมีความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมงเท่ากับ 12.7 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ช่วงเวลาที่ลมสงบกว่าในปีนั้นมีระยะเวลานาน 7.7 เดือน ระหว่างวันที่ 28 กันยายน ถึงวันที่ 20 พฤษภาคม เดือนที่มีลมสงบมากที่สุดของปีที่ Beer-Sheva คือเดือนพฤศจิกายน โดยมีความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมงเท่ากับ 11.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ทิศทางลมเฉลี่ยรายชั่วโมงส่วนใหญ่ที่ Beer-Sheva มีความแตกต่างกันตลอดปี

ลมมักพัดมาจากทิศเหนือ เป็นเวลา 1.8 เดือน ระหว่างวันที่ 17 เมษายน ถึงวันที่ 12 มิถุนายนและเป็นเวลา 3.2 เดือน ระหว่างวันที่ 20 สิงหาคม ถึงวันที่ 27 พฤศจิกายน โดยมีเปอร์เซ็นต์สูงสุดเท่ากับ 67% ในวันที่ 24 กันยายน ลมมักพัดมาจากทิศตะวันตก เป็นเวลา 2.3 เดือน ระหว่างวันที่ 12 มิถุนายน ถึงวันที่ 20 สิงหาคมและเป็นเวลา 4.7 เดือน ระหว่างวันที่ 27 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 17 เมษายน โดยมีเปอร์เซ็นต์สูงสุดเท่ากับ 64% ในวันที่ 26 กรกฎาคม

Beer-Sheva ตั้งอยู่ใกล้แหล่งน้ำขนาดใหญ่ (เช่น มหาสมุทร ทะเล หรือทะเลสาบขนาดใหญ่) เนื้อหาในส่วนนี้จะรายงานเกี่ยวกับอุณหภูมิน้ำผิวดินในพื้นที่กว้างโดยเฉลี่ยของแหล่งน้ำนั้น

อุณหภูมิน้ำโดยเฉลี่ยมีความแตกต่างกันอย่างยิ่งตามฤดูกาลตลอดระยะเวลาทั้งปี

เวลาของปีที่น้ำอุ่นกว่าปกติมีระยะเวลานาน 3.5 เดือน ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม ถึงวันที่ 18 ตุลาคม โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงกว่า 26°C เดือนที่น้ำมีความอุ่นมากที่สุดของปีที่ Beer-Sheva คือเดือนสิงหาคม โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยเท่ากับ 28°C

เวลาของปีที่น้ำเย็นกว่าปกติมีระยะเวลานาน 3.9 เดือน ระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม ถึงวันที่ 26 เมษายน โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำกว่า 19°C เดือนที่น้ำมีความเย็นมากที่สุดของปีที่ Beer-Sheva คือเดือนกุมภาพันธ์ โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยเท่ากับ 17°C

เราคำนวณคะแนนการเดินทาง 2 ชนิดเพื่อระบุว่าสภาพอากาศตลอดทั้งปี ที่ Beer-Sheva มีสภาวะน่าสบายมากแค่ไหน

คะแนนการท่องเที่ยว จะสูงตามจำนวนวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ไม่มีฝน โดยมีอุณหภูมิที่รู้สึกได้ระหว่าง 18°C ถึง 27°C คะแนนนี้แสดงว่า เวลาที่ดีที่สุดของปีที่จะไปเที่ยว Beer-Sheva เพื่อเพลิดเพลินกับกลางแจ้งทั่วไปตามประสานักท่องเที่ยวคือ ตั้งแต่ช่วงปลาย เมษายน ถึงปลายเดือนมิถุนายนและตั้งแต่ช่วงต้น กันยายน ถึงกลางเดือนพฤศจิกายน โดยมีคะแนนสูงสุดในสัปดาห์ที่สองของเดือนตุลาคม

คะแนนชายหาด/สระว่ายน้ำ จะสูงตามจำนวนวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ไม่มีฝน โดยมีอุณหภูมิที่รู้สึกได้ระหว่าง 24°C ถึง 32°C คะแนนนี้แสดงว่า เวลาที่ดีที่สุดของปีที่จะไปเที่ยว Beer-Sheva เพื่อเพลิดเพลินกับกิจกรรมในสภาพอากาศร้อนคือ ตั้งแต่ช่วงต้น มิถุนายน ถึงต้นเดือนตุลาคม โดยมีคะแนนสูงสุดในสัปดาห์แรกของเดือนกรกฎาคม

ระเบียบวิธี

ในแต่ละชั่วโมงระหว่าง 08:00 ถึง 21:00 ของแต่ละวันในช่วงเวลาการวิเคราะห์ (พ.ศ. 2523 ถึง พ.ศ. 2559) คะแนนต่าง ๆ ที่ไม่ขึ้นต่อกันจะคำนวณจากอุณหภูมิที่รับรู้ เมฆปกคลุม และปริมาณหยาดน้ำฟ้าทั้งหมด คะแนนเหล่านั้นจะรวมเข้าด้วยกันเป็นคะแนนรวมรายชั่วโมงคะแนนเดียว จากนั้นจะรวมกลุ่มเป็นวัน โดยเฉลี่ยตลอดระยะเวลาหลายปีในช่วงการวิเคราะห์และปรับให้เรียบ

คะแนนเมฆปกคลุมของเราคือ 10 ในกรณีที่ท้องฟ้าแจ่มใสเต็มที่ แล้วลดลงเชิงเส้นไปที่ 9 ในกรณีที่ท้องฟ้าแจ่มใสเป็นส่วนใหญ่ และไปที่ 1 ในกรณีที่ท้องฟ้ามืดครึ้มเต็มที่

คะแนนหยาดน้ำฟ้าของเรา ซึ่งวัดจากปริมาณหยาดน้ำฟ้าในช่วง 3 ชั่วโมงโดยมีจุดกึ่งกลางตรงชั่วโมงที่สนใจ มีค่าเท่ากับ 10 สำหรับกรณีที่ไม่มีหยาดน้ำฟ้า แล้วลดลงแบบเชิงเส้นไปที่ 9 สำหรับกรณีที่มีหยาดน้ำฟ้าน้อยมาก และไปที่ 0 ในกรณีที่มีหยาดน้ำฟ้า 1 มิลลิเมตร หรือมากกว่านั้น

คะแนนอุณหภูมิสำหรับท่องเที่ยวของเราคือ 0 เมื่ออุณหภูมิที่รับรู้อยู่ต่ำกว่า 10°C โดยเพิ่มขึ้นแบบเชิงเส้นไปที่ 9 เมื่อมีอุณหภูมิ 18°C หรือไปที่ 10 เมื่อมีอุณหภูมิ 24°C และลดดลงแบบเชิงเส้นไปที่ 9 เมื่อมีอุณหภูมิ 27°C และไปที่ 1 เมื่อมีอุณหภูมิ 32°C หรือสูงกว่านั้น

คะแนนอุณหภูมิชายหาด/สระว่ายน้ำของเราคือ 0 เมื่ออุณหภูมิที่รับรู้อยู่ต่ำกว่า 18°C โดยเพิ่มขึ้นแบบเชิงเส้นไปที่ 9 เมื่อมีอุณหภูมิ 24°C หรือไปที่ 10 เมื่อมีอุณหภูมิ 28°C และลดดลงแบบเชิงเส้นไปที่ 9 เมื่อมีอุณหภูมิ 32°C และไปที่ 1 เมื่อมีอุณหภูมิ 38°C หรือสูงกว่านั้น

คำจำกัดความของฤดูเพาะปลูกจะแตกต่างกันไปทั่วโลก แต่เพื่อวัตถุประสงค์ของรายงานนี้ เราให้นิยามไว้ว่า เป็นช่วงเวลาต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุดที่อุณหภูมิไม่ใช่จุดเยือกแข็ง (≥ 0°C) ในปีนั้น (ปีปฏิทินในซีกโลกเหนือ หรือตั้งแต่ 1 กรกฎาคม จนถึง 30 มิถุนายน ในซีกโลกใต้)

อุณหภูมิ ที่ Beer-Sheva มีอากาศอบอุ่นเพียงพอตลอดทั้งปี จึงไม่มีความหมายแต่ประการใดที่จะกล่าวถึงฤดูเพาะปลูกด้วยเงื่อนไขเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม เราได้แสดงแผนภูมิไว้ด้านล่างเพื่อให้เห็นการกระจายของอุณหภูมิที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปี

ค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกเป็นค่าการสะสมความร้อนรายปี ซึ่งใช้เพื่อทำนายพัฒนาการของพืชและสัตว์ และหมายถึงค่าอินทิกรัลความอุ่นเหนืออุณหภูมิพื้นฐาน โดยไม่คำนึงถึงส่วนเกินใด ๆ ที่สูงกว่าอุณหภูมิสูงสุด ในรายงานนี้ เราใช้ค่าพื้นฐานเท่ากับ 10°C และค่าสูงสุดเท่ากับ 30°C

หัวข้อนี้จะอธิบายเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบรายวันทั้งหมดที่ตกกระทบพื้นผิวดินเป็นบริเวณกว้าง โดยพิจารณาถึงความผันแปรตามฤดูกาลในด้านช่วงแสงในแต่ละวัน ระดับความสูงของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า และการดูดกลืนแสงโดยเมฆและองค์ประกอบอื่นในชั้นบรรยากาศ รังสีคลื่นสั้นครอบคลุมถึงแสงที่มองเห็นได้และรังสีอัลตราไวโอเลต

พลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวันมีความผันแปรตามฤดูกาลอย่างผิดปกติตลอดช่วงเวลาทั้งปี

ช่วงที่สว่างกว่าในปีนั้นมีระยะเวลานาน 3.6 เดือน ระหว่างวันที่ 3 พฤษภาคม ถึงวันที่ 24 สิงหาคม โดยมีพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวันต่อตารางเมตรในปริมาณสูงกว่า 7.5 กว.-ชม. เดือนที่สว่างที่สุดของปีที่ Beer-Sheva คือเดือนมิถุนายน โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 8.5 กว.-ชม.

ช่วงที่มืดกว่าในปีนั้นมีระยะเวลานาน 3.2 เดือน ระหว่างวันที่ 5 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 11 กุมภาพันธ์ โดยมีพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวันต่อตารางเมตรในปริมาณต่ำกว่า 4.2 กว.-ชม. เดือนที่มืดที่สุดของปีที่ Beer-Sheva คือ ธันวาคม โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.2 กว.-ชม.

เพื่อให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ของรายงานฉบับนี้ พิกัดภูมิศาสตร์ของ Beer-Sheva คือละติจูดที่ 31.287° ลองจิจูดที่ 34.723° และระดับความสูง 194 ม.

ภูมิประเทศภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ Beer-Sheva มีระดับความสูงที่แตกต่างกันเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น โดยที่ระดับความสูงมีการเปลี่ยนแปลงสูงสุด 103 เมตร และความสูงเหนือระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยเท่ากับ 201 เมตร ภายในรัศมี 16 กิโลเมตร มีระดับความสูงที่แตกต่างกันเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น (440 เมตร) ภายในรัศมี 80 กิโลเมตร มีระดับความสูงที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญมาก (1,443 เมตร)

พื้นที่ภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ Beer-Sheva ปกคลุมไปด้วย ผืนดินว่างเปล่า (66%)และป่าเรือนยอดห่าง (28%) ส่วนภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย ผืนดินว่างเปล่า (58%)และป่าเรือนยอดห่าง (17%) และภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย ผืนดินว่างเปล่า (52%)และน้ำ (22%)