ภูมิอากาศและสภาพอากาศเฉลี่ยตลอดปีที่ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด สหรัฐอเมริกาที่ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด ฤดูร้อนมีลักษณะ ยาวนาน ร้อน ร้อนและไม่มีลม มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก และมีเมฆเป็นส่วนมาก และฤดูหนาวมีลักษณะ สั้น เย็น และมีเมฆบางส่วน ในระยะเวลาหนึ่งปี โดยทั่วไป อุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงในช่วงตั้งแต่ 11°C ถึง 33°C และน้อยมากที่จะอยู่ต่ำกว่า 3°C หรือสูงกว่า 35°C คะแนนการท่องเที่ยวแสดงว่าเวลาที่ดีที่สุดของปีที่น่าไปเที่ยว ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด เพื่อเพลิดเพลินกับกิจกรรมในช่วงอากาศอุ่นคือ ตั้งแต่ช่วงต้น มีนาคม ถึงกลางเดือนพฤษภาคมและตั้งแต่ช่วงกลาง ตุลาคม ถึงต้นเดือนธันวาคม อุณหภูมิเฉลี่ยที่ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโดฤดูกาลที่ร้อนมีระยะเวลา 4.4 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม ถึงวันที่ 27 กันยายน และอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยรายวันสูงกว่า 30°C เดือนที่มีอากาศร้อนที่สุดของปีที่ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด คือ สิงหาคม โดยมีอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยเท่ากับ 32°C และต่ำสุดเฉลี่ยเท่ากับ 24°C ฤดูกาลที่เย็นมีระยะเวลา 2.8 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม ถึงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ และอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยรายวันต่ำกว่า 24°C เดือนที่มีอากาศหนาวที่สุดของปีที่ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด คือ มกราคม โดยมีอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยเท่ากับ 11°C และสูงสุดเฉลี่ยเท่ากับ 22°C
ตัวเลขข้างล่างแสดงให้คุณเห็นลักษณะโดยสรุปของอุณหภูมิเฉลี่ยรายชั่วโมงตลอดทั้งปี แกนนอนเป็นวันของปี ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน โดยมีสีแสดงอุณหภูมิเฉลี่ยสำหรับชั่วโมงและวันดังกล่าว Formosa, อาร์เจนตินา (ห่างออกไป 6,563 กิโลเมตร) Nantou, ไต้หวัน (13,752 กิโลเมตร) และRockhampton, ออสเตรเลีย (14,857 กิโลเมตร) เป็นสถานที่ที่อยู่ไกลในต่างประเทศ โดยมีอุณหภูมิที่คล้ายคลึงกับ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด มากที่สุด (ดูข้อมูลเปรียบเทียบ) เมฆเปอร์เซ็นต์เฉลี่ยของท้องฟ้าที่ปกคลุมด้วยเมฆที่ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญตามฤดูกาลตลอดระยะเวลาทั้งปี ช่วงที่แจ่มใสกว่าของปี ที่ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด จะเริ่มต้นประมาณวันที่ 30 กันยายน และมีระยะเวลานาน 8.2 เดือน แล้วสิ้นสุดประมาณวันที่ 5 มิถุนายน เดือนที่ท้องฟ้าแจ่มใสมากที่สุดของปีที่ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด คือ เมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่โดยเฉลี่ยแล้วท้องฟ้า แจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือมีเมฆบางส่วนในอัตรา 63% ของเวลา ช่วงที่มีเมฆมากกว่าของปีจะเริ่มต้นประมาณวันที่ 5 มิถุนายน และมีระยะเวลานาน 3.8 เดือน แล้วสิ้นสุดประมาณวันที่ 30 กันยายน เดือนที่ท้องฟ้ามีเมฆมากที่สุดของปีที่ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด คือ กรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงที่โดยเฉลี่ยแล้วท้องฟ้ามืดครึ้ม หรือมีเมฆเป็นส่วนมากในอัตรา 66% ของเวลา
หยาดน้ำฟ้าวันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก หมายถึงวันที่มีหยาดน้ำฟ้าเป็นของเหลวหรือเทียบเท่าของเหลว ในปริมาณอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร โอกาสสำหรับวันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมากที่ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญตลอดทั้งปี ฤดูกาลที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมากกว่ามีระยะเวลานาน 4.0 เดือน ระหว่างวันที่ 27 พฤษภาคม ถึงวันที่ 27 กันยายน โดยมีโอกาสสูงกว่า 42% ที่วันใดวันหนึ่งจะเป็นวันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก เดือนที่มีวันที่หยาดน้ำฟ้าตกมากที่สุดที่ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด คือ สิงหาคม โดยมีจำนวนวันเฉลี่ยเท่ากับ 20.3 วัน และมีปริมาณฝนอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร ฤดูกาลที่แห้งกว่ามีระยะเวลานาน 8.0 เดือน ระหว่างวันที่ 27 กันยายน ถึงวันที่ 27 พฤษภาคม เดือนที่มีวันที่หยาดน้ำฟ้าตกน้อยที่สุดที่ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด คือ ธันวาคม โดยมีจำนวนวันเฉลี่ยเท่ากับ 5.3 วัน และมีปริมาณฝนอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร ในวันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก เราแยกความแตกต่างระหว่างวันที่มีฝนล้วน หรือหิมะล้วน หรือหิมะและฝนผสมกัน เดือนที่มีฝนล้วนเป็นจำนวนวันมากที่สุดที่ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด คือ สิงหาคม โดยมีจำนวนวันโดยเฉลี่ยเท่ากับ 20.3 วัน การจำแนกประเภทเช่นนี้แสดงว่า รูปแบบของหยาดน้ำฟ้าที่พบบ่อยที่สุดตลอดทั้งปีคือ ฝนล้วน โดยมีความน่าจะเป็นสูงสุดเท่ากับ 68% ในวันที่ 6 สิงหาคม
ปริมาณน้ำฝนเราแสดงปริมาณน้ำฝนที่สะสมภายในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลังแต่ละวันในปีนั้นไว้ตรงกลาง เพื่อแสดงให้เห็นความแตกต่างภายในเดือน ไม่ใช่แค่ปริมาณทั้งหมดในแต่ละเดือน ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด มีปริมาณฝนรายเดือนแตกต่างกันอย่างยิ่งตามฤดูกาล ปริมาณฝนตลอดปีที่ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด เดือนที่มีปริมาณฝนมากที่สุดที่ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด คือ มิถุนายน โดยมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยเท่ากับ 147 มิลลิเมตร เดือนที่มีปริมาณฝนน้อยที่สุดที่ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด คือ พฤศจิกายน โดยมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยเท่ากับ 48 มิลลิเมตร
ดวงอาทิตย์ความยาวของวันที่ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด แตกต่างกันตลอดระยะเวลาทั้งปี ในปี พ.ศ. 2567 วันที่สั้นที่สุดคือวันที่ 21 ธันวาคม โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 10 ชั่วโมง และ 20 นาที ส่วนวันที่ยาวที่สุดคือวันที่ 20 มิถุนายน โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 13 ชั่วโมง และ 57 นาที
พระอาทิตย์ขึ้นเร็วที่สุดคือเวลา 06:27 ในวันที่ 9 มิถุนายน และพระอาทิตย์ขึ้นช้าที่สุดคือในอีก 1 ชั่วโมง และ 13 นาที ต่อมาที่เวลา 07:39 ในวันที่ 10 มีนาคม พระอาทิตย์ตกเร็วที่สุดคือเวลา 17:28 ในวันที่ 1 ธันวาคม และพระอาทิตย์ตกช้าที่สุดคือในอีก 2 ชั่วโมง และ 58 นาที ต่อมาที่เวลา 20:26 ในวันที่ 30 มิถุนายน เวลาออมแสง (DST) เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด ระหว่างปี พ.ศ. 2567 โดยเริ่มต้นในฤดูใบไม้ผลิในวันที่ 10 มีนาคม เป็นเวลานาน 7.8 เดือน และสิ้นสุดในฤดูใบไม้ร่วงในวันที่ 3 พฤศจิกายน รูปด้านล่างแสดงภาพระดับความสูงของดวงอาทิตย์แบบย่อ (มุมของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า) และมุมทิศ (มุมที่ดวงอาทิตย์มุ่งหน้าไปบนเข็มทิศ) ในแต่ละชั่วโมงของแต่ละวันตลอดช่วงเวลาที่มีการรายงาน แกนนอนเป็นวันของปี ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ในวันใด ๆ และชั่วโมงของวันนั้น สีพื้นหลังแสดงถึงมุมทิศของดวงอาทิตย์ในขณะนั้น เส้นเท่าสีดำเป็นเส้นชั้นความสูงของระดับความสูงคงที่ของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ตัวเลขข้างล่างแสดงภาพรวมโดยย่อของข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับดวงจันทร์สำหรับเดือน พ.ศ. 2567 แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ส่วนพื้นที่สีระบุเวลาที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า แถบแนวตั้งสีเทา (จันทร์ดับ) และแถบสีน้ำเงิน (จันทร์เต็มดวง) ระบุดิถีสำคัญของดวงจันทร์ ความชื้นเราตั้งค่าระดับความสบายต่อความชื้นที่จุดน้ำค้างเนื่องจากเป็นตัวกำหนดว่า เหงื่อจะระเหยออกจากผิวหนังเพื่อให้ร่างกายเย็นลงหรือไม่ จุดน้ำค้างที่ต่ำทำให้รู้สึกว่าแห้งกว่า ส่วนจุดน้ำค้างที่สูงขึ้นจะทำให้รู้สึกว่าชื้นมากกว่า สิ่งที่แตกต่างจากอุณหภูมิคือ โดยทั่วไปอุณหภูมิในตอนกลางคืนและกลางวันจะมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ จุดน้ำค้างมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงได้ช้ากว่า ดังนั้นขณะที่อุณหภูมิอาจลดลงในตอนกลางคืน แต่โดยทั่วไปแล้ว ช่วงกลางวันที่อบอ้าวจะตามด้วยช่วงกลางคืนที่อบอ้าวเช่นกัน ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด มีความชื้นที่รับรู้ได้แตกต่างกันอย่างยิ่งตามฤดูกาล ช่วงที่ร้อนอบอ้าวมากกว่าในปีนั้นมีระยะเวลานาน 6.7 เดือน ระหว่างวันที่ 23 เมษายน ถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงที่มีระดับความสบายเป็น ร้อนอบอ้าว หรือร้อนและไม่มีลม หรือมีความชื้นสูงมาก เป็นเวลาอย่างน้อย 30% ของเวลาทั้งหมด เดือนที่มีวันที่ร้อนอบอ้าวมากที่สุดที่ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด คือเดือนสิงหาคม โดยมี 30.8 วัน ที่ร้อนอบอ้าวหรือหนักกว่านั้น เดือนที่มีวันที่ร้อนอบอ้าวน้อยที่สุดที่ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด คือเดือนกุมภาพันธ์ โดยมี 2.6 วัน ที่ร้อนอบอ้าวหรือหนักกว่านั้น
ลมเนื้อหาในส่วนนี้จะกล่าวถึงเวกเตอร์ (ความเร็วและทิศทาง) ลมเฉลี่ยรายชั่วโมงในพื้นที่กว้าง ที่ระดับ 10 เมตรเหนือพื้นดิน ลมที่ประสบในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งจะขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศเฉพาะแห่งและปัจจัยอื่น ๆ เป็นสำคัญ โดยที่ความเร็วและทิศทางลมเฉพาะขณะจะแตกต่างกันมากมากกว่าค่าเฉลี่ยรายชั่วโมง ความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมงที่ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญตามฤดูกาลตลอดระยะเวลาทั้งปี ช่วงที่ลมแรงกว่าในปีนั้นมีระยะเวลานาน 8.1 เดือน ระหว่างวันที่ 29 กันยายน ถึงวันที่ 1 มิถุนายน โดยมีความเร็วลมเฉลี่ยสูงกว่า 12.2 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เดือนที่มีลมแรงที่สุดของปีที่ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด คือเดือนมีนาคม โดยมีความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมงเท่ากับ 15.0 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ช่วงเวลาที่ลมสงบกว่าในปีนั้นมีระยะเวลานาน 3.9 เดือน ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน ถึงวันที่ 29 กันยายน เดือนที่มีลมสงบมากที่สุดของปีที่ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด คือเดือนกรกฎาคม โดยมีความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมงเท่ากับ 9.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ทิศทางลมเฉลี่ยรายชั่วโมงส่วนใหญ่ที่ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด มีความแตกต่างกันตลอดปี ลมมักพัดมาจากทิศตะวันออก เป็นเวลา 3.8 เดือน ระหว่างวันที่ 8 มีนาคม ถึงวันที่ 3 กรกฎาคมและเป็นเวลา 2.9 เดือน ระหว่างวันที่ 6 สิงหาคม ถึงวันที่ 2 พฤศจิกายน โดยมีเปอร์เซ็นต์สูงสุดเท่ากับ 51% ในวันที่ 23 กันยายน ลมมักพัดมาจากทิศใต้ เป็นเวลา 1.1 เดือน ระหว่างวันที่ 3 กรกฎาคม ถึงวันที่ 6 สิงหาคม โดยมีเปอร์เซ็นต์สูงสุดเท่ากับ 34% ในวันที่ 18 กรกฎาคม ลมมักพัดมาจากทิศเหนือ เป็นเวลา 3.6 เดือน ระหว่างวันที่ 2 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ โดยมีเปอร์เซ็นต์สูงสุดเท่ากับ 36% ในวันที่ 1 มกราคม อุณหภูมิน้ำท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด ตั้งอยู่ใกล้แหล่งน้ำขนาดใหญ่ (เช่น มหาสมุทร ทะเล หรือทะเลสาบขนาดใหญ่) เนื้อหาในส่วนนี้จะรายงานเกี่ยวกับอุณหภูมิน้ำผิวดินในพื้นที่กว้างโดยเฉลี่ยของแหล่งน้ำนั้น อุณหภูมิน้ำโดยเฉลี่ยมีความแตกต่างกันอย่างยิ่งตามฤดูกาลตลอดระยะเวลาทั้งปี เวลาของปีที่น้ำอุ่นกว่าปกติมีระยะเวลานาน 4.0 เดือน ระหว่างวันที่ 5 มิถุนายน ถึงวันที่ 7 ตุลาคม โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงกว่า 27°C เดือนที่น้ำมีความอุ่นมากที่สุดของปีที่ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด คือเดือนสิงหาคม โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยเท่ากับ 30°C เวลาของปีที่น้ำเย็นกว่าปกติมีระยะเวลานาน 3.2 เดือน ระหว่างวันที่ 17 ธันวาคม ถึงวันที่ 24 มีนาคม โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำกว่า 21°C เดือนที่น้ำมีความเย็นมากที่สุดของปีที่ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด คือเดือนกุมภาพันธ์ โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยเท่ากับ 19°C
เวลาของปีที่น่าไปเที่ยวที่สุดเราคำนวณคะแนนการเดินทาง 2 ชนิดเพื่อระบุว่าสภาพอากาศตลอดทั้งปี ที่ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด มีสภาวะน่าสบายมากแค่ไหน คะแนนการท่องเที่ยว จะสูงตามจำนวนวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ไม่มีฝน โดยมีอุณหภูมิที่รู้สึกได้ระหว่าง 18°C ถึง 27°C คะแนนนี้แสดงว่า เวลาที่ดีที่สุดของปีที่จะไปเที่ยว ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด เพื่อเพลิดเพลินกับกลางแจ้งทั่วไปตามประสานักท่องเที่ยวคือ ตั้งแต่ช่วงต้น มีนาคม ถึงกลางเดือนพฤษภาคมและตั้งแต่ช่วงกลาง ตุลาคม ถึงต้นเดือนธันวาคม โดยมีคะแนนสูงสุดในสัปดาห์ที่สองของเดือนเมษายน คะแนนการท่องเที่ยว at ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโดคะแนนชายหาด/สระว่ายน้ำ จะสูงตามจำนวนวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ไม่มีฝน โดยมีอุณหภูมิที่รู้สึกได้ระหว่าง 24°C ถึง 32°C คะแนนนี้แสดงว่า เวลาที่ดีที่สุดของปีที่จะไปเที่ยว ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด เพื่อเพลิดเพลินกับกิจกรรมในสภาพอากาศร้อนคือ ตั้งแต่ช่วงปลาย เมษายน ถึงต้นเดือนมิถุนายนและตั้งแต่ช่วงกลาง กันยายน ถึงปลายเดือนตุลาคม โดยมีคะแนนสูงสุดในสัปดาห์ที่สามของเดือนพฤษภาคม คะแนนชายหาด/สระว่ายน้ำที่ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโดระเบียบวิธีในแต่ละชั่วโมงระหว่าง 08:00 ถึง 21:00 ของแต่ละวันในช่วงเวลาการวิเคราะห์ (พ.ศ. 2523 ถึง พ.ศ. 2559) คะแนนต่าง ๆ ที่ไม่ขึ้นต่อกันจะคำนวณจากอุณหภูมิที่รับรู้ เมฆปกคลุม และปริมาณหยาดน้ำฟ้าทั้งหมด คะแนนเหล่านั้นจะรวมเข้าด้วยกันเป็นคะแนนรวมรายชั่วโมงคะแนนเดียว จากนั้นจะรวมกลุ่มเป็นวัน โดยเฉลี่ยตลอดระยะเวลาหลายปีในช่วงการวิเคราะห์และปรับให้เรียบ คะแนนเมฆปกคลุมของเราคือ 10 ในกรณีที่ท้องฟ้าแจ่มใสเต็มที่ แล้วลดลงเชิงเส้นไปที่ 9 ในกรณีที่ท้องฟ้าแจ่มใสเป็นส่วนใหญ่ และไปที่ 1 ในกรณีที่ท้องฟ้ามืดครึ้มเต็มที่ คะแนนหยาดน้ำฟ้าของเรา ซึ่งวัดจากปริมาณหยาดน้ำฟ้าในช่วง 3 ชั่วโมงโดยมีจุดกึ่งกลางตรงชั่วโมงที่สนใจ มีค่าเท่ากับ 10 สำหรับกรณีที่ไม่มีหยาดน้ำฟ้า แล้วลดลงแบบเชิงเส้นไปที่ 9 สำหรับกรณีที่มีหยาดน้ำฟ้าน้อยมาก และไปที่ 0 ในกรณีที่มีหยาดน้ำฟ้า 1 มิลลิเมตร หรือมากกว่านั้น คะแนนอุณหภูมิสำหรับท่องเที่ยวของเราคือ 0 เมื่ออุณหภูมิที่รับรู้อยู่ต่ำกว่า 10°C โดยเพิ่มขึ้นแบบเชิงเส้นไปที่ 9 เมื่อมีอุณหภูมิ 18°C หรือไปที่ 10 เมื่อมีอุณหภูมิ 24°C และลดดลงแบบเชิงเส้นไปที่ 9 เมื่อมีอุณหภูมิ 27°C และไปที่ 1 เมื่อมีอุณหภูมิ 32°C หรือสูงกว่านั้น คะแนนอุณหภูมิชายหาด/สระว่ายน้ำของเราคือ 0 เมื่ออุณหภูมิที่รับรู้อยู่ต่ำกว่า 18°C โดยเพิ่มขึ้นแบบเชิงเส้นไปที่ 9 เมื่อมีอุณหภูมิ 24°C หรือไปที่ 10 เมื่อมีอุณหภูมิ 28°C และลดดลงแบบเชิงเส้นไปที่ 9 เมื่อมีอุณหภูมิ 32°C และไปที่ 1 เมื่อมีอุณหภูมิ 38°C หรือสูงกว่านั้น ฤดูกาลเพาะปลูกคำจำกัดความของฤดูเพาะปลูกจะแตกต่างกันไปทั่วโลก แต่เพื่อวัตถุประสงค์ของรายงานนี้ เราให้นิยามไว้ว่า เป็นช่วงเวลาต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุดที่อุณหภูมิไม่ใช่จุดเยือกแข็ง (≥ 0°C) ในปีนั้น (ปีปฏิทินในซีกโลกเหนือ หรือตั้งแต่ 1 กรกฎาคม จนถึง 30 มิถุนายน ในซีกโลกใต้) แม้ว่าไม่เป็นเช่นนั้นทุกปี แต่ฤดูหนาวบางปี ที่ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด จะมีอุณหภูมิเยือกแข็งบ้าง วันที่ที่มีแนวโน้มน้อยที่สุดที่จะอยู่ในฤดูเพาะปลูกคือ 12 มกราคม โดยมีโอกาส 71% ค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกเป็นค่าการสะสมความร้อนรายปี ซึ่งใช้เพื่อทำนายพัฒนาการของพืชและสัตว์ และหมายถึงค่าอินทิกรัลความอุ่นเหนืออุณหภูมิพื้นฐาน โดยไม่คำนึงถึงส่วนเกินใด ๆ ที่สูงกว่าอุณหภูมิสูงสุด ในรายงานนี้ เราใช้ค่าพื้นฐานเท่ากับ 10°C และค่าสูงสุดเท่ากับ 30°C เมื่อพิจารณาจากค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกเพียงอย่างเดียว ดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิที่ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด ควรปรากฏให้เห็นประมาณวันที่ 9 มกราคม น้อยครั้งมากที่ปรากฏให้เห็นก่อนวันที่ 6 มกราคม หรือหลังวันที่ 14 มกราคม พลังงานแสงอาทิตย์หัวข้อนี้จะอธิบายเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบรายวันทั้งหมดที่ตกกระทบพื้นผิวดินเป็นบริเวณกว้าง โดยพิจารณาถึงความผันแปรตามฤดูกาลในด้านช่วงแสงในแต่ละวัน ระดับความสูงของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า และการดูดกลืนแสงโดยเมฆและองค์ประกอบอื่นในชั้นบรรยากาศ รังสีคลื่นสั้นครอบคลุมถึงแสงที่มองเห็นได้และรังสีอัลตราไวโอเลต พลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวันมีความผันแปรตามฤดูกาลอย่างมากตลอดช่วงเวลาทั้งปี ช่วงที่สว่างกว่าในปีนั้นมีระยะเวลานาน 2.1 เดือน ระหว่างวันที่ 2 เมษายน ถึงวันที่ 4 มิถุนายน โดยมีพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวันต่อตารางเมตรในปริมาณสูงกว่า 6.1 กว.-ชม. เดือนที่สว่างที่สุดของปีที่ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด คือเดือนพฤษภาคม โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 6.6 กว.-ชม. ช่วงที่มืดกว่าในปีนั้นมีระยะเวลานาน 2.7 เดือน ระหว่างวันที่ 9 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 31 มกราคม โดยมีพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวันต่อตารางเมตรในปริมาณต่ำกว่า 4.0 กว.-ชม. เดือนที่มืดที่สุดของปีที่ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด คือ ธันวาคม โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.4 กว.-ชม.
ภูมิประเทศเพื่อให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ของรายงานฉบับนี้ พิกัดภูมิศาสตร์ของ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด คือละติจูดที่ 28.431° ลองจิจูดที่ -81.308° และระดับความสูง 24 ม. ภูมิประเทศภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด มี ลักษณะราบเรียบเป็นสำคัญ โดยที่ระดับความสูงมีการเปลี่ยนแปลงสูงสุด 7 เมตร และความสูงเหนือระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยเท่ากับ 25 เมตร ภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ก็มีลักษณะราบเรียบเป็นสำคัญ (24 เมตร) เช่นกัน ภายในรัศมี 80 กิโลเมตร มีลักษณะราบเรียบเป็นสำคัญ (93 เมตร) พื้นที่ภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด ปกคลุมไปด้วย พื้นผิวเทียม (97%) ส่วนภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย พื้นผิวเทียม (72%)และไม้ล้มลุก (14%) และภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย ไม้ล้มลุก (31%)และพื้นผิวเทียม (25%) แหล่งข้อมูลรายงานนี้แสดงให้เห็นถึงสภาพอากาศทั่วไป ที่ ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด โดยอาศัยการวิเคราะห์ทางสถิติของรายงานสภาพอากาศรายชั่วโมงในอดีตและการสร้างแบบจำลองขึ้นมาใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2523 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2559 อุณหภูมิและจุดน้ำค้างท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด มีสถานีตรวจวัดสภาพอากาศ ซึ่งรายงานไว้อย่างน่าเชื่อถือพอสมควรในช่วงการวิเคราะห์ที่เราได้รวมไว้ในเครือข่ายของเรา หากมีให้ใช้ได้ ก็จะนำค่าอุณหภูมิและจุดน้ำค้างที่ตรวจวัดไว้ในอดีตจากสถานีตรวจวัดสภาพอากาศแห่งนี้มาใช้โดยตรง บันทึกข้อมูลเหล่านี้ได้มาจากชุดข้อมูลพื้นผิวแบบครบวงจรรายชั่วโมง ของ NOAA โดยย้อนกลับไปที่บันทึกข้อมูล ICAO METAR ตามความจำเป็น ในกรณีที่การตรวจวัดจากสถานีนี้ขาดหายไปหรือผิดพลาด เราจะกลับไปใช้บันทึกจากสถานีใกล้เคียง โดยปรับให้เหมาะสมกับความแตกต่างที่มีอยู่ทั่วไปตามฤดูกาลและในแต่ละวัน ในวันใด ๆ ของปีและชั่วโมงใด ๆ ของวัน จะมีการเลือกสถานีทางเลือกสำรอง เพื่อให้การพยากรณ์ในช่วงเวลาหลายปีที่มีการตรวจวัดจากทั้งสองสถานีมีข้อผิดพลาดน้อยที่สุด สถานีที่เราอาจใช้เป็นทางเลือกสำรองจะรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ Executive Airport ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโดซานฟอร์ด Winter Haven's Gilbert Airport Leesburg International Airport NASA Shuttle Facility Bartow Municipal Airport Titusville, NASA Shuttle Landing Facility และPatrick Air Force Base ข้อมูลอื่น ๆข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งดวงอาทิตย์ (เช่น อาทิตย์ขึ้น และอาทิตย์ตก) เป็นการคำนวณโดยใช้สูตรทางดาราศาสตร์จากหนังสือ Astronomical Algorithms ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 โดย Jean Meeus ข้อมูลสภาพอากาศอื่น ๆ ทั้งหมด ซึ่งรวมถึงปริมาณเมฆปกคลุม หยาดน้ำฟ้า ความเร็วและทิศทางลม และคลื่นวิทยุจากอาทิตย์ เป็นข้อมูลจาก MERRA-2 Modern-Era Retrospective Analysis ของ NASA การวิเคราะห์ซ้ำนี้มีการผนวกรวมการวัดแบบต่าง ๆ ในพื้นที่กว้างโดยอาศัยแบบจำลองทางอุตุนิยมวิทยาที่ทันสมัยระดับโลก เพื่อสร้างบันทึกประวัติสภาพอากาศรายชั่วโมงทั่วโลกขึ้นมาใหม่บนตารางกริด 50 กิโลเมตร ข้อมูลการใช้ที่ดินมาจากฐานข้อมูล Global Land Cover SHARE ซึ่งองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติเป็นผู้เผยแพร่ ข้อมูลระดับความสูงมาจาก Shuttle Radar Topography Mission (SRTM) ที่ห้องปฏิบัติการ Jet Propulsion ของ NASA เป็นผู้เผยแพร่ ชื่อ ตำแหน่งที่ตั้ง และเขตเวลาของสถานที่และสนามบินบางแห่งมาจาก ฐานข้อมูลภูมิศาสตร์ GeoNames AskGeo.com จัดเสนอเขตเวลาสำหรับสนามบินและสถานีตรวจวัดอากาศ แผนที่อยู่ภายใต้ลิขสิทธิ์ © OpenStreetMap ผู้มีส่วนร่วม ข้อสงวนสิทธิ์ข้อมูลบนไซต์นี้จัดไว้ให้ตามที่เป็นอยู่โดยไม่มีการรับรองความถูกต้องแม่นยำหรือความเหมาะสมเพื่อจุดประสงค์ใด ๆ ข้อมูลสภาพอากาศมีแนวโน้มที่จะเกิดข้อผิดพลาด ขัดข้อง และข้อบกพร่องอื่น ๆ ได้ เราไม่รับผิดชอบต่อการตัดสินใจใด ๆ ที่กระทำโดยอาศัยเนื้อหาที่นำเสนอให้บนเว็บไซต์นี้ เราให้ความสนใจกับการกำหนดข้อมูลใหม่ตามแบบจำลอง MERRA-2 สำหรับชุดข้อมูลสำคัญจำนวนหนึ่ง โดยใช้ความรอบคอบมากเป็นพิเศษ แม้มีข้อได้เปรียบมหาศาลจากความสมบูรณ์เชิงเวลาและเชิงพื้นที่ แต่การกำหนดข้อมูลใหม่เหล่านี้: (1) ขึ้นอยู่กับแบบจำลองคอมพิวเตอร์ที่อาจมีข้อผิดพลาดตามแบบจำลอง (2) เป็นการสุ่มตัวอย่างแบบคร่าว ๆ บนตารางกริด 50 กม. ดังนั้นจึงไม่สามารถกำหนดตัวแปรท้องถิ่นของจุลภูมิอากาศหลายแห่งให้ใหม่ได้ และ (3) มีปัญหาเฉพาะกับสภาพอากาศในพื้นที่ชายฝั่งบางแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกาะขนาดเล็ก เราขอเตือนเพิ่มเติมว่า คะแนนการเดินทางของเรานั้นเชื่อถือได้มากเท่า ๆ กับข้อมูลที่รองรับเท่านั้น สภาพอากาศในตำแหน่งที่ตั้งและเวลาใด ๆ นั้นคาดการณ์ได้ยากและแปรปรวนอยู่เสมอ คำจำกัดความของคะแนนจะสะท้อนถึงความชอบบางอย่างที่อาจไม่ตรงกับความชอบของผู้อ่านบางท่านโดยเฉพาะ กรุณาอ่านข้อกำหนดฉบับเต็มของเราที่หน้าข้อกำหนดการใช้บริการของเรา |