ภูมิอากาศและสภาพอากาศเฉลี่ยตลอดปีใน Tam Đường เวียดนาม

ใน Tam Đường ฤดูที่หยาดน้ำฟ้าตกมากมีลักษณะ อุ่น ร้อนอบอ้าว และมืดครึ้ม และฤดูแล้งมีลักษณะ กำลังสบายและแจ่มใสเป็นส่วนมาก ในระยะเวลาหนึ่งปี โดยทั่วไป อุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงในช่วงตั้งแต่ 9°C ถึง 31°C และน้อยมากที่จะอยู่ต่ำกว่า 5°C หรือสูงกว่า 34°C

คะแนนการท่องเที่ยวแสดงว่าเวลาที่ดีที่สุดของปีที่น่าไปเที่ยว Tam Đường เพื่อเพลิดเพลินกับกิจกรรมในช่วงอากาศอุ่นคือ ตั้งแต่ช่วงปลาย กุมภาพันธ์ ถึงปลายเดือนเมษายนและตั้งแต่ช่วงต้น ตุลาคม ถึงกลางเดือนพฤศจิกายน

ฤดูกาลที่ร้อนมีระยะเวลา 5.9 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม ถึงวันที่ 21 กันยายน และอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยรายวันสูงกว่า 28°C เดือนที่มีอากาศร้อนที่สุดของปีใน Tam Đường คือ มิถุนายน โดยมีอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยเท่ากับ 30°C และต่ำสุดเฉลี่ยเท่ากับ 22°C

ฤดูกาลที่เย็นมีระยะเวลา 2.3 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ และอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยรายวันต่ำกว่า 22°C เดือนที่มีอากาศหนาวที่สุดของปีใน Tam Đường คือ มกราคม โดยมีอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยเท่ากับ 9°C และสูงสุดเฉลี่ยเท่ากับ 20°C

เปอร์เซ็นต์เฉลี่ยของท้องฟ้าที่ปกคลุมด้วยเมฆใน Tam Đường มีความแตกต่างกันอย่างยิ่งตามฤดูกาลตลอดระยะเวลาทั้งปี

ช่วงที่แจ่มใสกว่าของปี ใน Tam Đường จะเริ่มต้นประมาณวันที่ 4 ตุลาคม และมีระยะเวลานาน 7.2 เดือน แล้วสิ้นสุดประมาณวันที่ 9 พฤษภาคม

เดือนที่ท้องฟ้าแจ่มใสมากที่สุดของปีใน Tam Đường คือ กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงที่โดยเฉลี่ยแล้วท้องฟ้า แจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือมีเมฆบางส่วนในอัตรา 72% ของเวลา

ช่วงที่มีเมฆมากกว่าของปีจะเริ่มต้นประมาณวันที่ 9 พฤษภาคม และมีระยะเวลานาน 4.8 เดือน แล้วสิ้นสุดประมาณวันที่ 4 ตุลาคม

เดือนที่ท้องฟ้ามีเมฆมากที่สุดของปีใน Tam Đường คือ กรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงที่โดยเฉลี่ยแล้วท้องฟ้ามืดครึ้ม หรือมีเมฆเป็นส่วนมากในอัตรา 88% ของเวลา

วันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก หมายถึงวันที่มีหยาดน้ำฟ้าเป็นของเหลวหรือเทียบเท่าของเหลว ในปริมาณอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร โอกาสสำหรับวันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมากใน Tam Đường มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญตลอดทั้งปี

ฤดูกาลที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมากกว่ามีระยะเวลานาน 5.2 เดือน ระหว่างวันที่ 21 เมษายน ถึงวันที่ 28 กันยายน โดยมีโอกาสสูงกว่า 35% ที่วันใดวันหนึ่งจะเป็นวันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก เดือนที่มีวันที่หยาดน้ำฟ้าตกมากที่สุดใน Tam Đường คือ กรกฎาคม โดยมีจำนวนวันเฉลี่ยเท่ากับ 19.4 วัน และมีปริมาณฝนอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร

ฤดูกาลที่แห้งกว่ามีระยะเวลานาน 6.8 เดือน ระหว่างวันที่ 28 กันยายน ถึงวันที่ 21 เมษายน เดือนที่มีวันที่หยาดน้ำฟ้าตกน้อยที่สุดใน Tam Đường คือ มกราคม โดยมีจำนวนวันเฉลี่ยเท่ากับ 1.9 วัน และมีปริมาณฝนอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร

ในวันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก เราแยกความแตกต่างระหว่างวันที่มีฝนล้วน หรือหิมะล้วน หรือหิมะและฝนผสมกัน เดือนที่มีฝนล้วนเป็นจำนวนวันมากที่สุดใน Tam Đường คือ กรกฎาคม โดยมีจำนวนวันโดยเฉลี่ยเท่ากับ 19.4 วัน การจำแนกประเภทเช่นนี้แสดงว่า รูปแบบของหยาดน้ำฟ้าที่พบบ่อยที่สุดตลอดทั้งปีคือ ฝนล้วน โดยมีความน่าจะเป็นสูงสุดเท่ากับ 66% ในวันที่ 2 สิงหาคม

ปริมาณน้ำฝน

เราแสดงปริมาณน้ำฝนที่สะสมภายในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลังแต่ละวันในปีนั้นไว้ตรงกลาง เพื่อแสดงให้เห็นความแตกต่างภายในเดือน ไม่ใช่แค่ปริมาณทั้งหมดในแต่ละเดือน Tam Đường มีปริมาณฝนรายเดือนแตกต่างกันอย่างยิ่งตามฤดูกาล

ปริมาณฝนตลอดปีใน Tam Đường เดือนที่มีปริมาณฝนมากที่สุดใน Tam Đường คือ สิงหาคม โดยมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยเท่ากับ 238 มิลลิเมตร

เดือนที่มีปริมาณฝนน้อยที่สุดใน Tam Đường คือ มกราคม โดยมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยเท่ากับ 11 มิลลิเมตร

ความยาวของวันใน Tam Đường แตกต่างกันตลอดระยะเวลาทั้งปี ในปี พ.ศ. 2567 วันที่สั้นที่สุดคือวันที่ 21 ธันวาคม โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 10 ชั่วโมง และ 46 นาที ส่วนวันที่ยาวที่สุดคือวันที่ 21 มิถุนายน โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 13 ชั่วโมง และ 30 นาที

พระอาทิตย์ขึ้นเร็วที่สุดคือเวลา 05:20 ในวันที่ 6 มิถุนายน และพระอาทิตย์ขึ้นช้าที่สุดคือในอีก 1 ชั่วโมง และ 27 นาที ต่อมาที่เวลา 06:47 ในวันที่ 16 มกราคม พระอาทิตย์ตกเร็วที่สุดคือเวลา 17:20 ในวันที่ 27 พฤศจิกายน และพระอาทิตย์ตกช้าที่สุดคือในอีก 1 ชั่วโมง และ 33 นาที ต่อมาที่เวลา 18:53 ในวันที่ 4 กรกฎาคม

ไม่มีการใช้เวลาออมแสง (DST) ใน Tam Đường ระหว่างปี พ.ศ. 2567

ตัวเลขข้างล่างแสดงภาพรวมโดยย่อของข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับดวงจันทร์สำหรับเดือน พ.ศ. 2567 แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ส่วนพื้นที่สีระบุเวลาที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า แถบแนวตั้งสีเทา (จันทร์ดับ) และแถบสีน้ำเงิน (จันทร์เต็มดวง) ระบุดิถีสำคัญของดวงจันทร์

เราตั้งค่าระดับความสบายต่อความชื้นที่จุดน้ำค้างเนื่องจากเป็นตัวกำหนดว่า เหงื่อจะระเหยออกจากผิวหนังเพื่อให้ร่างกายเย็นลงหรือไม่ จุดน้ำค้างที่ต่ำทำให้รู้สึกว่าแห้งกว่า ส่วนจุดน้ำค้างที่สูงขึ้นจะทำให้รู้สึกว่าชื้นมากกว่า สิ่งที่แตกต่างจากอุณหภูมิคือ โดยทั่วไปอุณหภูมิในตอนกลางคืนและกลางวันจะมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ จุดน้ำค้างมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงได้ช้ากว่า ดังนั้นขณะที่อุณหภูมิอาจลดลงในตอนกลางคืน แต่โดยทั่วไปแล้ว ช่วงกลางวันที่อบอ้าวจะตามด้วยช่วงกลางคืนที่อบอ้าวเช่นกัน

Tam Đường มีความชื้นที่รับรู้ได้แตกต่างกันอย่างยิ่งตามฤดูกาล

ช่วงที่ร้อนอบอ้าวมากกว่าในปีนั้นมีระยะเวลานาน 6.3 เดือน ระหว่างวันที่ 15 เมษายน ถึงวันที่ 25 ตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงที่มีระดับความสบายเป็น ร้อนอบอ้าว หรือร้อนและไม่มีลม หรือมีความชื้นสูงมาก เป็นเวลาอย่างน้อย 25% ของเวลาทั้งหมด เดือนที่มีวันที่ร้อนอบอ้าวมากที่สุดใน Tam Đường คือเดือนกรกฎาคม โดยมี 30.8 วัน ที่ร้อนอบอ้าวหรือหนักกว่านั้น

เดือนที่มีวันที่ร้อนอบอ้าวน้อยที่สุดใน Tam Đường คือเดือนมกราคม โดยมี 0.0 วัน ที่ร้อนอบอ้าวหรือหนักกว่านั้น

เนื้อหาในส่วนนี้จะกล่าวถึงเวกเตอร์ (ความเร็วและทิศทาง) ลมเฉลี่ยรายชั่วโมงในพื้นที่กว้าง ที่ระดับ 10 เมตรเหนือพื้นดิน ลมที่ประสบในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งจะขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศเฉพาะแห่งและปัจจัยอื่น ๆ เป็นสำคัญ โดยที่ความเร็วและทิศทางลมเฉพาะขณะจะแตกต่างกันมากมากกว่าค่าเฉลี่ยรายชั่วโมง

ความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมงใน Tam Đường ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญตลอดทั้งปี โดยยังคงอยู่ภายในช่วง 0.7 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ของ 5.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตลอดเวลา

ทิศทางลมเฉลี่ยรายชั่วโมงส่วนใหญ่ใน Tam Đường มีความแตกต่างกันตลอดปี

ลมมักพัดมาจากทิศใต้ เป็นเวลา 2.2 เดือน ระหว่างวันที่ 26 พฤษภาคม ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม โดยมีเปอร์เซ็นต์สูงสุดเท่ากับ 42% ในวันที่ 2 กรกฎาคม ลมมักพัดมาจากทิศตะวันออก เป็นเวลา 9.8 เดือน ระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม ถึงวันที่ 26 พฤษภาคม โดยมีเปอร์เซ็นต์สูงสุดเท่ากับ 65% ในวันที่ 1 มกราคม

เราคำนวณคะแนนการเดินทาง 2 ชนิดเพื่อระบุว่าสภาพอากาศตลอดทั้งปี ใน Tam Đường มีสภาวะน่าสบายมากแค่ไหน

คะแนนการท่องเที่ยว จะสูงตามจำนวนวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ไม่มีฝน โดยมีอุณหภูมิที่รู้สึกได้ระหว่าง 18°C ถึง 27°C คะแนนนี้แสดงว่า เวลาที่ดีที่สุดของปีที่จะไปเที่ยว Tam Đường เพื่อเพลิดเพลินกับกลางแจ้งทั่วไปตามประสานักท่องเที่ยวคือ ตั้งแต่ช่วงปลาย กุมภาพันธ์ ถึงปลายเดือนเมษายนและตั้งแต่ช่วงต้น ตุลาคม ถึงกลางเดือนพฤศจิกายน โดยมีคะแนนสูงสุดในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมีนาคม

คะแนนชายหาด/สระว่ายน้ำ จะสูงตามจำนวนวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ไม่มีฝน โดยมีอุณหภูมิที่รู้สึกได้ระหว่าง 24°C ถึง 32°C คะแนนนี้แสดงว่า เวลาที่ดีที่สุดของปีที่จะไปเที่ยว Tam Đường เพื่อเพลิดเพลินกับกิจกรรมในสภาพอากาศร้อนคือ ตั้งแต่ช่วงกลาง เมษายน ถึงปลายเดือนพฤษภาคม โดยมีคะแนนสูงสุดในสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม

ระเบียบวิธี

ในแต่ละชั่วโมงระหว่าง 08:00 ถึง 21:00 ของแต่ละวันในช่วงเวลาการวิเคราะห์ (พ.ศ. 2523 ถึง พ.ศ. 2559) คะแนนต่าง ๆ ที่ไม่ขึ้นต่อกันจะคำนวณจากอุณหภูมิที่รับรู้ เมฆปกคลุม และปริมาณหยาดน้ำฟ้าทั้งหมด คะแนนเหล่านั้นจะรวมเข้าด้วยกันเป็นคะแนนรวมรายชั่วโมงคะแนนเดียว จากนั้นจะรวมกลุ่มเป็นวัน โดยเฉลี่ยตลอดระยะเวลาหลายปีในช่วงการวิเคราะห์และปรับให้เรียบ

คะแนนเมฆปกคลุมของเราคือ 10 ในกรณีที่ท้องฟ้าแจ่มใสเต็มที่ แล้วลดลงเชิงเส้นไปที่ 9 ในกรณีที่ท้องฟ้าแจ่มใสเป็นส่วนใหญ่ และไปที่ 1 ในกรณีที่ท้องฟ้ามืดครึ้มเต็มที่

คะแนนหยาดน้ำฟ้าของเรา ซึ่งวัดจากปริมาณหยาดน้ำฟ้าในช่วง 3 ชั่วโมงโดยมีจุดกึ่งกลางตรงชั่วโมงที่สนใจ มีค่าเท่ากับ 10 สำหรับกรณีที่ไม่มีหยาดน้ำฟ้า แล้วลดลงแบบเชิงเส้นไปที่ 9 สำหรับกรณีที่มีหยาดน้ำฟ้าน้อยมาก และไปที่ 0 ในกรณีที่มีหยาดน้ำฟ้า 1 มิลลิเมตร หรือมากกว่านั้น

คะแนนอุณหภูมิสำหรับท่องเที่ยวของเราคือ 0 เมื่ออุณหภูมิที่รับรู้อยู่ต่ำกว่า 10°C โดยเพิ่มขึ้นแบบเชิงเส้นไปที่ 9 เมื่อมีอุณหภูมิ 18°C หรือไปที่ 10 เมื่อมีอุณหภูมิ 24°C และลดดลงแบบเชิงเส้นไปที่ 9 เมื่อมีอุณหภูมิ 27°C และไปที่ 1 เมื่อมีอุณหภูมิ 32°C หรือสูงกว่านั้น

คะแนนอุณหภูมิชายหาด/สระว่ายน้ำของเราคือ 0 เมื่ออุณหภูมิที่รับรู้อยู่ต่ำกว่า 18°C โดยเพิ่มขึ้นแบบเชิงเส้นไปที่ 9 เมื่อมีอุณหภูมิ 24°C หรือไปที่ 10 เมื่อมีอุณหภูมิ 28°C และลดดลงแบบเชิงเส้นไปที่ 9 เมื่อมีอุณหภูมิ 32°C และไปที่ 1 เมื่อมีอุณหภูมิ 38°C หรือสูงกว่านั้น

คำจำกัดความของฤดูเพาะปลูกจะแตกต่างกันไปทั่วโลก แต่เพื่อวัตถุประสงค์ของรายงานนี้ เราให้นิยามไว้ว่า เป็นช่วงเวลาต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุดที่อุณหภูมิไม่ใช่จุดเยือกแข็ง (≥ 0°C) ในปีนั้น (ปีปฏิทินในซีกโลกเหนือ หรือตั้งแต่ 1 กรกฎาคม จนถึง 30 มิถุนายน ในซีกโลกใต้)

อุณหภูมิ ใน Tam Đường มีอากาศอบอุ่นเพียงพอตลอดทั้งปี จึงไม่มีความหมายแต่ประการใดที่จะกล่าวถึงฤดูเพาะปลูกด้วยเงื่อนไขเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม เราได้แสดงแผนภูมิไว้ด้านล่างเพื่อให้เห็นการกระจายของอุณหภูมิที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปี

ค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกเป็นค่าการสะสมความร้อนรายปี ซึ่งใช้เพื่อทำนายพัฒนาการของพืชและสัตว์ และหมายถึงค่าอินทิกรัลความอุ่นเหนืออุณหภูมิพื้นฐาน โดยไม่คำนึงถึงส่วนเกินใด ๆ ที่สูงกว่าอุณหภูมิสูงสุด ในรายงานนี้ เราใช้ค่าพื้นฐานเท่ากับ 10°C และค่าสูงสุดเท่ากับ 30°C

หัวข้อนี้จะอธิบายเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบรายวันทั้งหมดที่ตกกระทบพื้นผิวดินเป็นบริเวณกว้าง โดยพิจารณาถึงความผันแปรตามฤดูกาลในด้านช่วงแสงในแต่ละวัน ระดับความสูงของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า และการดูดกลืนแสงโดยเมฆและองค์ประกอบอื่นในชั้นบรรยากาศ รังสีคลื่นสั้นครอบคลุมถึงแสงที่มองเห็นได้และรังสีอัลตราไวโอเลต

พลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวันมีความผันแปรตามฤดูกาลพอสมควรตลอดช่วงเวลาทั้งปี

ช่วงที่สว่างกว่าในปีนั้นมีระยะเวลานาน 2.2 เดือน ระหว่างวันที่ 16 มีนาคม ถึงวันที่ 24 พฤษภาคม โดยมีพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวันต่อตารางเมตรในปริมาณสูงกว่า 5.6 กว.-ชม. เดือนที่สว่างที่สุดของปีใน Tam Đường คือเดือนเมษายน โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 6.0 กว.-ชม.

ช่วงที่มืดกว่าในปีนั้นมีระยะเวลานาน 2.4 เดือน ระหว่างวันที่ 18 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ โดยมีพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวันต่อตารางเมตรในปริมาณต่ำกว่า 4.3 กว.-ชม. เดือนที่มืดที่สุดของปีใน Tam Đường คือ ธันวาคม โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.0 กว.-ชม.

เพื่อให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ของรายงานฉบับนี้ พิกัดภูมิศาสตร์ของ Tam Đường คือละติจูดที่ 22.318° ลองจิจูดที่ 103.626° และระดับความสูง 643 ม.

ภูมิประเทศภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ Tam Đường มีระดับความสูงที่แตกต่างกัน อย่างยิ่ง โดยที่ระดับความสูงมีการเปลี่ยนแปลงสูงสุด 1,046 เมตร และความสูงเหนือระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยเท่ากับ 758 เมตร ภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ยังมีระดับความสูงที่แตกต่างกันมากอย่างยิ่งเช่นกัน (2,596 เมตร) ภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ยังมีระดับความสูงที่แตกต่างกันมากอย่างยิ่งเช่นกัน (3,060 เมตร)

พื้นที่ภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ Tam Đường ปกคลุมไปด้วย พื้นที่เพาะปลูก (51%) ต้นไม้ (25%) และพุ่มไม้ (20%) ส่วนภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย ต้นไม้ (54%)และพุ่มไม้ (24%) และภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย ต้นไม้ (49%)และพุ่มไม้ (22%)