ภูมิอากาศและสภาพอากาศเฉลี่ยตลอดปีใน กาญจนบุรี ไทยใน กาญจนบุรี ฤดูฝนมีลักษณะ ร้อนและไม่มีลมและมืดครึ้ม ฤดูแล้งมีลักษณะ ร้อนชื้นและมีเมฆบางส่วน และ ร้อน ตลอดปี ในระยะเวลาหนึ่งปี โดยทั่วไป อุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงในช่วงตั้งแต่ 20°C ถึง 37°C และน้อยมากที่จะอยู่ต่ำกว่า 16°C หรือสูงกว่า 40°C คะแนนชายหาด/สระว่ายน้ำแสดงว่าเวลาที่ดีที่สุดของปีที่น่าไปเที่ยว กาญจนบุรี เพื่อเพลิดเพลินกับกิจกรรมในช่วงอากาศร้อนคือ ตั้งแต่ช่วงปลาย พฤศจิกายน ถึงกลางเดือนมีนาคม อุณหภูมิเฉลี่ยใน กาญจนบุรีฤดูกาลที่ร้อนมีระยะเวลา 2.0 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม ถึงวันที่ 5 พฤษภาคม และอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยรายวันสูงกว่า 36°C เดือนที่มีอากาศร้อนที่สุดของปีใน กาญจนบุรี คือ เมษายน โดยมีอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยเท่ากับ 37°C และต่ำสุดเฉลี่ยเท่ากับ 26°C ฤดูกาลที่เย็นมีระยะเวลา 3.4 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน ถึงวันที่ 10 มกราคม และอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยรายวันต่ำกว่า 32°C เดือนที่มีอากาศหนาวที่สุดของปีใน กาญจนบุรี คือ ธันวาคม โดยมีอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยเท่ากับ 20°C และสูงสุดเฉลี่ยเท่ากับ 31°C
ตัวเลขข้างล่างแสดงให้คุณเห็นลักษณะโดยสรุปของอุณหภูมิเฉลี่ยรายชั่วโมงตลอดทั้งปี แกนนอนเป็นวันของปี ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน โดยมีสีแสดงอุณหภูมิเฉลี่ยสำหรับชั่วโมงและวันดังกล่าว อุณหภูมิเฉลี่ยรายชั่วโมง ใน กาญจนบุรี
เยือกเย็น
-9°C
ต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง
0°C
หนาวจัด
7°C
หนาว
13°C
เย็น
18°C
กำลังสบาย
24°C
อุ่น
29°C
ร้อน
35°C
ร้อนระอุ
Jalapa, เม็กซิโก (ห่างออกไป 16,261 กิโลเมตร) Santa Teresa, เวเนซุเอลา (16,939 กิโลเมตร) และLucas, รัฐมาตูโกรสซู, บราซิล (17,392 กิโลเมตร) เป็นสถานที่ที่อยู่ไกลในต่างประเทศ โดยมีอุณหภูมิที่คล้ายคลึงกับ กาญจนบุรี มากที่สุด (ดูข้อมูลเปรียบเทียบ) เมฆเปอร์เซ็นต์เฉลี่ยของท้องฟ้าที่ปกคลุมด้วยเมฆใน กาญจนบุรี มีความแตกต่างกันอย่างยิ่งตามฤดูกาลตลอดระยะเวลาทั้งปี ช่วงที่แจ่มใสกว่าของปี ใน กาญจนบุรี จะเริ่มต้นประมาณวันที่ 11 พฤศจิกายน และมีระยะเวลานาน 4.6 เดือน แล้วสิ้นสุดประมาณวันที่ 30 มีนาคม เดือนที่ท้องฟ้าแจ่มใสมากที่สุดของปีใน กาญจนบุรี คือ กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงที่โดยเฉลี่ยแล้วท้องฟ้า แจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือมีเมฆบางส่วนในอัตรา 57% ของเวลา ช่วงที่มีเมฆมากกว่าของปีจะเริ่มต้นประมาณวันที่ 30 มีนาคม และมีระยะเวลานาน 7.4 เดือน แล้วสิ้นสุดประมาณวันที่ 11 พฤศจิกายน เดือนที่ท้องฟ้ามีเมฆมากที่สุดของปีใน กาญจนบุรี คือ มิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงที่โดยเฉลี่ยแล้วท้องฟ้ามืดครึ้ม หรือมีเมฆเป็นส่วนมากในอัตรา 92% ของเวลา ประเภทเมฆปกคลุม ใน กาญจนบุรี
0%
แจ่มใส
20%
แจ่มใสเป็นส่วนมาก
40%
มีเมฆบางส่วน
60%
มีเมฆเป็นส่วนมาก
80%
มืดครึ้ม
100%
หยาดน้ำฟ้าวันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก หมายถึงวันที่มีหยาดน้ำฟ้าเป็นของเหลวหรือเทียบเท่าของเหลว ในปริมาณอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร โอกาสสำหรับวันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมากใน กาญจนบุรี มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญตลอดทั้งปี ฤดูกาลที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมากกว่ามีระยะเวลานาน 5.8 เดือน ระหว่างวันที่ 2 พฤษภาคม ถึงวันที่ 27 ตุลาคม โดยมีโอกาสสูงกว่า 31% ที่วันใดวันหนึ่งจะเป็นวันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก เดือนที่มีวันที่หยาดน้ำฟ้าตกมากที่สุดใน กาญจนบุรี คือ กันยายน โดยมีจำนวนวันเฉลี่ยเท่ากับ 17.8 วัน และมีปริมาณฝนอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร ฤดูกาลที่แห้งกว่ามีระยะเวลานาน 6.2 เดือน ระหว่างวันที่ 27 ตุลาคม ถึงวันที่ 2 พฤษภาคม เดือนที่มีวันที่หยาดน้ำฟ้าตกน้อยที่สุดใน กาญจนบุรี คือ ธันวาคม โดยมีจำนวนวันเฉลี่ยเท่ากับ 0.6 วัน และมีปริมาณฝนอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร ในวันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก เราแยกความแตกต่างระหว่างวันที่มีฝนล้วน หรือหิมะล้วน หรือหิมะและฝนผสมกัน เดือนที่มีฝนล้วนเป็นจำนวนวันมากที่สุดใน กาญจนบุรี คือ กันยายน โดยมีจำนวนวันโดยเฉลี่ยเท่ากับ 17.8 วัน การจำแนกประเภทเช่นนี้แสดงว่า รูปแบบของหยาดน้ำฟ้าที่พบบ่อยที่สุดตลอดทั้งปีคือ ฝนล้วน โดยมีความน่าจะเป็นสูงสุดเท่ากับ 62% ในวันที่ 21 กันยายน
ปริมาณน้ำฝนเราแสดงปริมาณน้ำฝนที่สะสมภายในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลังแต่ละวันในปีนั้นไว้ตรงกลาง เพื่อแสดงให้เห็นความแตกต่างภายในเดือน ไม่ใช่แค่ปริมาณทั้งหมดในแต่ละเดือน กาญจนบุรี มีปริมาณฝนรายเดือนแตกต่างกันอย่างยิ่งตามฤดูกาล ช่วงฝนชุกของปีมีระยะเวลา 9.2 เดือน ระหว่างวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน โดยมีฝนตกในช่วง 31 วันที่คร่อมวันใดวันหนึ่งไว้ตรงกลาง ในปริมาณอย่างน้อยที่สุด 13 มิลลิเมตร เดือนที่มีปริมาณฝนมากที่สุดใน กาญจนบุรี คือ กันยายน โดยมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยเท่ากับ 183 มิลลิเมตร ช่วงปลอดฝนในปีนั้นมีระยะเวลานาน 2.9 เดือน ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ เดือนที่มีปริมาณฝนน้อยที่สุดใน กาญจนบุรี คือ ธันวาคม โดยมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยเท่ากับ 3 มิลลิเมตร
ดวงอาทิตย์ความยาวของวันใน กาญจนบุรี แตกต่างกันตลอดระยะเวลาทั้งปี ในปี พ.ศ. 2567 วันที่สั้นที่สุดคือวันที่ 21 ธันวาคม โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 11 ชั่วโมง และ 18 นาที ส่วนวันที่ยาวที่สุดคือวันที่ 21 มิถุนายน โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 12 ชั่วโมง และ 57 นาที
พระอาทิตย์ขึ้นเร็วที่สุดคือเวลา 05:52 ในวันที่ 1 มิถุนายน และพระอาทิตย์ขึ้นช้าที่สุดคือในอีก 57 นาที ต่อมาที่เวลา 06:50 ในวันที่ 24 มกราคม พระอาทิตย์ตกเร็วที่สุดคือเวลา 17:50 ในวันที่ 20 พฤศจิกายน และพระอาทิตย์ตกช้าที่สุดคือในอีก 1 ชั่วโมง และ 4 นาที ต่อมาที่เวลา 18:54 ในวันที่ 10 กรกฎาคม ไม่มีการใช้เวลาออมแสง (DST) ใน กาญจนบุรี ระหว่างปี พ.ศ. 2567 รูปด้านล่างแสดงภาพระดับความสูงของดวงอาทิตย์แบบย่อ (มุมของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า) และมุมทิศ (มุมที่ดวงอาทิตย์มุ่งหน้าไปบนเข็มทิศ) ในแต่ละชั่วโมงของแต่ละวันตลอดช่วงเวลาที่มีการรายงาน แกนนอนเป็นวันของปี ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ในวันใด ๆ และชั่วโมงของวันนั้น สีพื้นหลังแสดงถึงมุมทิศของดวงอาทิตย์ในขณะนั้น เส้นเท่าสีดำเป็นเส้นชั้นความสูงของระดับความสูงคงที่ของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ตัวเลขข้างล่างแสดงภาพรวมโดยย่อของข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับดวงจันทร์สำหรับเดือน พ.ศ. 2567 แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ส่วนพื้นที่สีระบุเวลาที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า แถบแนวตั้งสีเทา (จันทร์ดับ) และแถบสีน้ำเงิน (จันทร์เต็มดวง) ระบุดิถีสำคัญของดวงจันทร์ ความชื้นเราตั้งค่าระดับความสบายต่อความชื้นที่จุดน้ำค้างเนื่องจากเป็นตัวกำหนดว่า เหงื่อจะระเหยออกจากผิวหนังเพื่อให้ร่างกายเย็นลงหรือไม่ จุดน้ำค้างที่ต่ำทำให้รู้สึกว่าแห้งกว่า ส่วนจุดน้ำค้างที่สูงขึ้นจะทำให้รู้สึกว่าชื้นมากกว่า สิ่งที่แตกต่างจากอุณหภูมิคือ โดยทั่วไปอุณหภูมิในตอนกลางคืนและกลางวันจะมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ จุดน้ำค้างมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงได้ช้ากว่า ดังนั้นขณะที่อุณหภูมิอาจลดลงในตอนกลางคืน แต่โดยทั่วไปแล้ว ช่วงกลางวันที่อบอ้าวจะตามด้วยช่วงกลางคืนที่อบอ้าวเช่นกัน กาญจนบุรี มีความชื้นที่รับรู้ได้แตกต่างกันอย่างยิ่งตามฤดูกาล ช่วงที่ร้อนอบอ้าวมากกว่าในปีนั้นมีระยะเวลานาน 10 เดือน ระหว่างวันที่ 31 มกราคม ถึงวันที่ 9 ธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงที่มีระดับความสบายเป็น ร้อนอบอ้าว หรือร้อนและไม่มีลม หรือมีความชื้นสูงมาก เป็นเวลาอย่างน้อย 54% ของเวลาทั้งหมด เดือนที่มีวันที่ร้อนอบอ้าวน้อยที่สุดใน กาญจนบุรี คือเดือนมกราคม โดยมี 14.1 วัน ที่ร้อนอบอ้าวหรือหนักกว่านั้น ระดับความสบายต่อความชื้น ใน กาญจนบุรี
แห้ง
13°C
กำลังสบาย
16°C
อบอ้าว
18°C
ร้อนอบอ้าว
21°C
ร้อนและไม่มีลม
24°C
มีความชื้นสูงมาก
ลมเนื้อหาในส่วนนี้จะกล่าวถึงเวกเตอร์ (ความเร็วและทิศทาง) ลมเฉลี่ยรายชั่วโมงในพื้นที่กว้าง ที่ระดับ 10 เมตรเหนือพื้นดิน ลมที่ประสบในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งจะขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศเฉพาะแห่งและปัจจัยอื่น ๆ เป็นสำคัญ โดยที่ความเร็วและทิศทางลมเฉพาะขณะจะแตกต่างกันมากมากกว่าค่าเฉลี่ยรายชั่วโมง ความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมงใน กาญจนบุรี มีความแตกต่างกันเล็กน้อยตามฤดูกาลตลอดระยะเวลาทั้งปี ช่วงที่ลมแรงกว่าในปีนั้นมีระยะเวลานาน 3.2 เดือน ระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม ถึงวันที่ 5 กันยายน โดยมีความเร็วลมเฉลี่ยสูงกว่า 9.9 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เดือนที่มีลมแรงที่สุดของปีใน กาญจนบุรี คือเดือนกรกฎาคม โดยมีความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมงเท่ากับ 11.7 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ช่วงเวลาที่ลมสงบกว่าในปีนั้นมีระยะเวลานาน 8.8 เดือน ระหว่างวันที่ 5 กันยายน ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม เดือนที่มีลมสงบมากที่สุดของปีใน กาญจนบุรี คือเดือนตุลาคม โดยมีความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมงเท่ากับ 8.1 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ทิศทางลมเฉลี่ยรายชั่วโมงส่วนใหญ่ใน กาญจนบุรี มีความแตกต่างกันตลอดปี ลมมักพัดมาจากทิศใต้ เป็นเวลา 2.3 เดือน ระหว่างวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 16 เมษายน โดยมีเปอร์เซ็นต์สูงสุดเท่ากับ 45% ในวันที่ 21 มีนาคม ลมมักพัดมาจากทิศตะวันตก เป็นเวลา 5.8 เดือน ระหว่างวันที่ 16 เมษายน ถึงวันที่ 9 ตุลาคม โดยมีเปอร์เซ็นต์สูงสุดเท่ากับ 89% ในวันที่ 1 สิงหาคม ลมมักพัดมาจากทิศเหนือ เป็นเวลา 2.4 เดือน ระหว่างวันที่ 26 ตุลาคม ถึงวันที่ 6 มกราคม โดยมีเปอร์เซ็นต์สูงสุดเท่ากับ 42% ในวันที่ 1 มกราคม อุณหภูมิน้ำกาญจนบุรี ตั้งอยู่ใกล้แหล่งน้ำขนาดใหญ่ (เช่น มหาสมุทร ทะเล หรือทะเลสาบขนาดใหญ่) เนื้อหาในส่วนนี้จะรายงานเกี่ยวกับอุณหภูมิน้ำผิวดินในพื้นที่กว้างโดยเฉลี่ยของแหล่งน้ำนั้น อุณหภูมิน้ำโดยเฉลี่ยมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญตามฤดูกาลตลอดระยะเวลาทั้งปี เวลาของปีที่น้ำอุ่นกว่าปกติมีระยะเวลานาน 2.6 เดือน ระหว่างวันที่ 8 เมษายน ถึงวันที่ 27 มิถุนายน โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงกว่า 30°C เดือนที่น้ำมีความอุ่นมากที่สุดของปีใน กาญจนบุรี คือเดือนพฤษภาคม โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยเท่ากับ 30°C เวลาของปีที่น้ำเย็นกว่าปกติมีระยะเวลานาน 2.0 เดือน ระหว่างวันที่ 9 ธันวาคม ถึงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำกว่า 28°C เดือนที่น้ำมีความเย็นมากที่สุดของปีใน กาญจนบุรี คือเดือนมกราคม โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยเท่ากับ 27°C
เวลาของปีที่น่าไปเที่ยวที่สุดเราคำนวณคะแนนการเดินทาง 2 ชนิดเพื่อระบุว่าสภาพอากาศตลอดทั้งปี ใน กาญจนบุรี มีสภาวะน่าสบายมากแค่ไหน คะแนนการท่องเที่ยว จะสูงตามจำนวนวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ไม่มีฝน โดยมีอุณหภูมิที่รู้สึกได้ระหว่าง 18°C ถึง 27°C คะแนนนี้แสดงว่า เวลาที่ดีที่สุดของปีที่จะไปเที่ยว กาญจนบุรี เพื่อเพลิดเพลินกับกลางแจ้งทั่วไปตามประสานักท่องเที่ยวคือ ตั้งแต่ช่วงต้น ธันวาคม ถึงปลายเดือนมกราคม โดยมีคะแนนสูงสุดในสัปดาห์ที่สามของเดือนธันวาคม คะแนนการท่องเที่ยว in กาญจนบุรีคะแนนชายหาด/สระว่ายน้ำ จะสูงตามจำนวนวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ไม่มีฝน โดยมีอุณหภูมิที่รู้สึกได้ระหว่าง 24°C ถึง 32°C คะแนนนี้แสดงว่า เวลาที่ดีที่สุดของปีที่จะไปเที่ยว กาญจนบุรี เพื่อเพลิดเพลินกับกิจกรรมในสภาพอากาศร้อนคือ ตั้งแต่ช่วงปลาย พฤศจิกายน ถึงกลางเดือนมีนาคม โดยมีคะแนนสูงสุดในสัปดาห์ที่สองของเดือนกุมภาพันธ์ คะแนนชายหาด/สระว่ายน้ำใน กาญจนบุรีระเบียบวิธีในแต่ละชั่วโมงระหว่าง 08:00 ถึง 21:00 ของแต่ละวันในช่วงเวลาการวิเคราะห์ (พ.ศ. 2523 ถึง พ.ศ. 2559) คะแนนต่าง ๆ ที่ไม่ขึ้นต่อกันจะคำนวณจากอุณหภูมิที่รับรู้ เมฆปกคลุม และปริมาณหยาดน้ำฟ้าทั้งหมด คะแนนเหล่านั้นจะรวมเข้าด้วยกันเป็นคะแนนรวมรายชั่วโมงคะแนนเดียว จากนั้นจะรวมกลุ่มเป็นวัน โดยเฉลี่ยตลอดระยะเวลาหลายปีในช่วงการวิเคราะห์และปรับให้เรียบ คะแนนเมฆปกคลุมของเราคือ 10 ในกรณีที่ท้องฟ้าแจ่มใสเต็มที่ แล้วลดลงเชิงเส้นไปที่ 9 ในกรณีที่ท้องฟ้าแจ่มใสเป็นส่วนใหญ่ และไปที่ 1 ในกรณีที่ท้องฟ้ามืดครึ้มเต็มที่ คะแนนหยาดน้ำฟ้าของเรา ซึ่งวัดจากปริมาณหยาดน้ำฟ้าในช่วง 3 ชั่วโมงโดยมีจุดกึ่งกลางตรงชั่วโมงที่สนใจ มีค่าเท่ากับ 10 สำหรับกรณีที่ไม่มีหยาดน้ำฟ้า แล้วลดลงแบบเชิงเส้นไปที่ 9 สำหรับกรณีที่มีหยาดน้ำฟ้าน้อยมาก และไปที่ 0 ในกรณีที่มีหยาดน้ำฟ้า 1 มิลลิเมตร หรือมากกว่านั้น คะแนนอุณหภูมิสำหรับท่องเที่ยวของเราคือ 0 เมื่ออุณหภูมิที่รับรู้อยู่ต่ำกว่า 10°C โดยเพิ่มขึ้นแบบเชิงเส้นไปที่ 9 เมื่อมีอุณหภูมิ 18°C หรือไปที่ 10 เมื่อมีอุณหภูมิ 24°C และลดดลงแบบเชิงเส้นไปที่ 9 เมื่อมีอุณหภูมิ 27°C และไปที่ 1 เมื่อมีอุณหภูมิ 32°C หรือสูงกว่านั้น คะแนนอุณหภูมิชายหาด/สระว่ายน้ำของเราคือ 0 เมื่ออุณหภูมิที่รับรู้อยู่ต่ำกว่า 18°C โดยเพิ่มขึ้นแบบเชิงเส้นไปที่ 9 เมื่อมีอุณหภูมิ 24°C หรือไปที่ 10 เมื่อมีอุณหภูมิ 28°C และลดดลงแบบเชิงเส้นไปที่ 9 เมื่อมีอุณหภูมิ 32°C และไปที่ 1 เมื่อมีอุณหภูมิ 38°C หรือสูงกว่านั้น ฤดูกาลเพาะปลูกคำจำกัดความของฤดูเพาะปลูกจะแตกต่างกันไปทั่วโลก แต่เพื่อวัตถุประสงค์ของรายงานนี้ เราให้นิยามไว้ว่า เป็นช่วงเวลาต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุดที่อุณหภูมิไม่ใช่จุดเยือกแข็ง (≥ 0°C) ในปีนั้น (ปีปฏิทินในซีกโลกเหนือ หรือตั้งแต่ 1 กรกฎาคม จนถึง 30 มิถุนายน ในซีกโลกใต้) อุณหภูมิ ใน กาญจนบุรี มีอากาศอบอุ่นเพียงพอตลอดทั้งปี จึงไม่มีความหมายแต่ประการใดที่จะกล่าวถึงฤดูเพาะปลูกด้วยเงื่อนไขเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม เราได้แสดงแผนภูมิไว้ด้านล่างเพื่อให้เห็นการกระจายของอุณหภูมิที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปี เวลาที่อยู่ในแถบอุณหภูมิต่าง ๆ และฤดูกาลเพาะปลูกใน กาญจนบุรี
เยือกเย็น
-9°C
ต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง
0°C
หนาวจัด
7°C
หนาว
13°C
เย็น
18°C
กำลังสบาย
24°C
อุ่น
29°C
ร้อน
35°C
ร้อนระอุ
ค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกเป็นค่าการสะสมความร้อนรายปี ซึ่งใช้เพื่อทำนายพัฒนาการของพืชและสัตว์ และหมายถึงค่าอินทิกรัลความอุ่นเหนืออุณหภูมิพื้นฐาน โดยไม่คำนึงถึงส่วนเกินใด ๆ ที่สูงกว่าอุณหภูมิสูงสุด ในรายงานนี้ เราใช้ค่าพื้นฐานเท่ากับ 10°C และค่าสูงสุดเท่ากับ 30°C พลังงานแสงอาทิตย์หัวข้อนี้จะอธิบายเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบรายวันทั้งหมดที่ตกกระทบพื้นผิวดินเป็นบริเวณกว้าง โดยพิจารณาถึงความผันแปรตามฤดูกาลในด้านช่วงแสงในแต่ละวัน ระดับความสูงของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า และการดูดกลืนแสงโดยเมฆและองค์ประกอบอื่นในชั้นบรรยากาศ รังสีคลื่นสั้นครอบคลุมถึงแสงที่มองเห็นได้และรังสีอัลตราไวโอเลต พลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวันมีความผันแปรตามฤดูกาลพอสมควรตลอดช่วงเวลาทั้งปี ช่วงที่สว่างกว่าในปีนั้นมีระยะเวลานาน 2.2 เดือน ระหว่างวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 15 เมษายน โดยมีพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวันต่อตารางเมตรในปริมาณสูงกว่า 5.8 กว.-ชม. เดือนที่สว่างที่สุดของปีใน กาญจนบุรี คือเดือนมีนาคม โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 6.1 กว.-ชม. ช่วงที่มืดกว่าในปีนั้นมีระยะเวลานาน 4.8 เดือน ระหว่างวันที่ 25 พฤษภาคม ถึงวันที่ 19 ตุลาคม โดยมีพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวันต่อตารางเมตรในปริมาณต่ำกว่า 4.7 กว.-ชม. เดือนที่มืดที่สุดของปีใน กาญจนบุรี คือ กันยายน โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.4 กว.-ชม.
ภูมิประเทศเพื่อให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ของรายงานฉบับนี้ พิกัดภูมิศาสตร์ของ กาญจนบุรี คือละติจูดที่ 14.004° ลองจิจูดที่ 99.548° และระดับความสูง 33 ม. ภูมิประเทศภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ กาญจนบุรี มีระดับความสูงที่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญมาก โดยที่ระดับความสูงมีการเปลี่ยนแปลงสูงสุด 333 เมตร และความสูงเหนือระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยเท่ากับ 50 เมตร ภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ยังมีระดับความสูงที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญมากเช่นกัน (474 เมตร) ภายในรัศมี 80 กิโลเมตร มีระดับความสูงที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญมาก (1,279 เมตร) พื้นที่ภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ กาญจนบุรี ปกคลุมไปด้วย พื้นที่เพาะปลูก (50%) ต้นไม้ (31%) และพื้นผิวเทียม (20%) ส่วนภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย พื้นที่เพาะปลูก (67%)และต้นไม้ (17%) และภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย พื้นที่เพาะปลูก (66%)และต้นไม้ (29%) แหล่งข้อมูลรายงานนี้แสดงให้เห็นถึงสภาพอากาศทั่วไป ใน กาญจนบุรี โดยอาศัยการวิเคราะห์ทางสถิติของรายงานสภาพอากาศรายชั่วโมงในอดีตและการสร้างแบบจำลองขึ้นมาใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2523 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2559 อุณหภูมิและจุดน้ำค้างมีสถานีตรวจวัดสภาพอากาศ 2 แห่งที่อยู่ใกล้เพียงพอที่จะส่งผลต่อการประมาณค่าอุณหภูมิและจุดน้ำค้างของเราในเมือง กาญจนบุรี ในแต่ละสถานี บันทึกข้อมูลของสถานีได้รับการแก้ไขเพื่อชดเชยความแตกต่างของระดับความสูงระหว่างสถานีนั้นกับ กาญจนบุรี ตาม บรรยากาศมาตรฐานสากล , และโดยการเปลี่ยนแปลงสัมพัทธ์ที่มีอยู่ใน การวิเคราะห์ซ้ำในยุคดาวเทียม MERRA-2 ระหว่างตำแหน่งที่ตั้งทั้งสองแห่ง ค่าโดยประมาณที่เมือง กาญจนบุรี ได้รับการคำนวณเป็นค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของแต่ละค่าที่ได้รับจากแต่ละสถานี โดยมีค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักเป็นสัดส่วนผกผันกับระยะห่างระหว่างเมือง กาญจนบุรี กับสถานีที่กำหนดไว้ สถานีที่มีส่วนช่วยในการสร้างครั้งนี้ได้แก่:
หากต้องการทำความเข้าใจว่าแหล่งข้อมูลเหล่านี้ให้ข้อมูลที่ตรงกันมากน้อยเพียงใด คุณสามารถดูการเปรียบเทียบระหว่าง กาญจนบุรี กับสถานีที่ช่วยให้เราประมาณสถิติอุณหภูมิและสภาพอากาศ โปรดทราบว่า ข้อมูลจากแต่ละแหล่งได้รับการปรับให้เหมาะสมกับระดับความสูงและการเปลี่ยนแปลงสัมพัทธ์ที่มีอยู่ในข้อมูล MERRA-2 แล้ว ข้อมูลอื่น ๆข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งดวงอาทิตย์ (เช่น อาทิตย์ขึ้น และอาทิตย์ตก) เป็นการคำนวณโดยใช้สูตรทางดาราศาสตร์จากหนังสือ Astronomical Algorithms ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 โดย Jean Meeus ข้อมูลสภาพอากาศอื่น ๆ ทั้งหมด ซึ่งรวมถึงปริมาณเมฆปกคลุม หยาดน้ำฟ้า ความเร็วและทิศทางลม และคลื่นวิทยุจากอาทิตย์ เป็นข้อมูลจาก MERRA-2 Modern-Era Retrospective Analysis ของ NASA การวิเคราะห์ซ้ำนี้มีการผนวกรวมการวัดแบบต่าง ๆ ในพื้นที่กว้างโดยอาศัยแบบจำลองทางอุตุนิยมวิทยาที่ทันสมัยระดับโลก เพื่อสร้างบันทึกประวัติสภาพอากาศรายชั่วโมงทั่วโลกขึ้นมาใหม่บนตารางกริด 50 กิโลเมตร ข้อมูลการใช้ที่ดินมาจากฐานข้อมูล Global Land Cover SHARE ซึ่งองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติเป็นผู้เผยแพร่ ข้อมูลระดับความ |