ภูมิอากาศและสภาพอากาศเฉลี่ยตลอดปีใน Korla จีน

ใน Korla ฤดูร้อนมีลักษณะ ยาวนาน ร้อน และแจ่มใสเป็นส่วนมาก ฤดูหนาวมีลักษณะ สั้น ต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง และมีเมฆบางส่วน และ แห้ง ตลอดปี ในระยะเวลาหนึ่งปี โดยทั่วไป อุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงในช่วงตั้งแต่ -10°C ถึง 36°C และน้อยมากที่จะอยู่ต่ำกว่า -14°C หรือสูงกว่า 40°C

คะแนนชายหาด/สระว่ายน้ำแสดงว่าเวลาที่ดีที่สุดของปีที่น่าไปเที่ยว Korla เพื่อเพลิดเพลินกับกิจกรรมในช่วงอากาศร้อนคือ ตั้งแต่ช่วงปลาย มิถุนายน ถึงปลายเดือนสิงหาคม

ฤดูกาลที่ร้อนมีระยะเวลา 4.0 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม ถึงวันที่ 16 กันยายน และอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยรายวันสูงกว่า 28°C เดือนที่มีอากาศร้อนที่สุดของปีใน Korla คือ กรกฎาคม โดยมีอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยเท่ากับ 35°C และต่ำสุดเฉลี่ยเท่ากับ 21°C

ฤดูกาลที่หนาวมีระยะเวลา 2.9 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ และอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยรายวันต่ำกว่า 6°C เดือนที่มีอากาศหนาวที่สุดของปีใน Korla คือ มกราคม โดยมีอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยเท่ากับ -10°C และสูงสุดเฉลี่ยเท่ากับ -1°C

เปอร์เซ็นต์เฉลี่ยของท้องฟ้าที่ปกคลุมด้วยเมฆใน Korla มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญตามฤดูกาลตลอดระยะเวลาทั้งปี

ช่วงที่แจ่มใสกว่าของปี ใน Korla จะเริ่มต้นประมาณวันที่ 19 มิถุนายน และมีระยะเวลานาน 4.4 เดือน แล้วสิ้นสุดประมาณวันที่ 2 พฤศจิกายน

เดือนที่ท้องฟ้าแจ่มใสมากที่สุดของปีใน Korla คือ สิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงที่โดยเฉลี่ยแล้วท้องฟ้า แจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือมีเมฆบางส่วนในอัตรา 82% ของเวลา

ช่วงที่มีเมฆมากกว่าของปีจะเริ่มต้นประมาณวันที่ 2 พฤศจิกายน และมีระยะเวลานาน 7.6 เดือน แล้วสิ้นสุดประมาณวันที่ 19 มิถุนายน

เดือนที่ท้องฟ้ามีเมฆมากที่สุดของปีใน Korla คือ มีนาคม ซึ่งเป็นช่วงที่โดยเฉลี่ยแล้วท้องฟ้ามืดครึ้ม หรือมีเมฆเป็นส่วนมากในอัตรา 50% ของเวลา

Korla ไม่มีการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลอย่างมีนัยสำคัญในแง่ความถี่ของวันที่มีฝนตก (กล่าวคือ วันที่มีปริมาณหยาดน้ำฟ้าเป็นของเหลวหรือเทียบเท่าของเหลวมากกว่า 1 มิลลิเมตร) ช่วงความถี่ตั้งแต่ 0% ถึง 9% โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3%

ในวันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก เราแยกความแตกต่างระหว่างวันที่มีฝนล้วน หรือหิมะล้วน หรือหิมะและฝนผสมกัน เดือนที่มีฝนล้วนเป็นจำนวนวันมากที่สุดใน Korla คือ กรกฎาคม โดยมีจำนวนวันโดยเฉลี่ยเท่ากับ 2.6 วัน การจำแนกประเภทเช่นนี้แสดงว่า รูปแบบของหยาดน้ำฟ้าที่พบบ่อยที่สุดตลอดทั้งปีคือ ฝนล้วน โดยมีความน่าจะเป็นสูงสุดเท่ากับ 9% ในวันที่ 3 กรกฎาคม

ปริมาณน้ำฝน

เราแสดงปริมาณน้ำฝนที่สะสมภายในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลังแต่ละวันในปีนั้นไว้ตรงกลาง เพื่อแสดงให้เห็นความแตกต่างภายในเดือน ไม่ใช่แค่ปริมาณทั้งหมดในแต่ละเดือน Korla มีปริมาณฝนรายเดือนแตกต่างกันบ้างตามฤดูกาล

ปริมาณฝนตลอดปีใน Korla เดือนที่มีปริมาณฝนมากที่สุดใน Korla คือ กรกฎาคม โดยมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยเท่ากับ 11 มิลลิเมตร

เดือนที่มีปริมาณฝนน้อยที่สุดใน Korla คือ ธันวาคม โดยมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยเท่ากับ 0 มิลลิเมตร

ความยาวของวันใน Korla แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญตลอดระยะเวลาทั้งปี ในปี พ.ศ. 2567 วันที่สั้นที่สุดคือวันที่ 21 ธันวาคม โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 9 ชั่วโมง และ 9 นาที ส่วนวันที่ยาวที่สุดคือวันที่ 21 มิถุนายน โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 15 ชั่วโมง และ 13 นาที

พระอาทิตย์ขึ้นเร็วที่สุดคือเวลา 04:40 ในวันที่ 14 มิถุนายน และพระอาทิตย์ขึ้นช้าที่สุดคือในอีก 3 ชั่วโมง และ 3 นาที ต่อมาที่เวลา 07:42 ในวันที่ 5 มกราคม พระอาทิตย์ตกเร็วที่สุดคือเวลา 16:44 ในวันที่ 8 ธันวาคม และพระอาทิตย์ตกช้าที่สุดคือในอีก 3 ชั่วโมง และ 10 นาที ต่อมาที่เวลา 19:54 ในวันที่ 27 มิถุนายน

ไม่มีการใช้เวลาออมแสง (DST) ใน Korla ระหว่างปี พ.ศ. 2567

ตัวเลขข้างล่างแสดงภาพรวมโดยย่อของข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับดวงจันทร์สำหรับเดือน พ.ศ. 2567 แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ส่วนพื้นที่สีระบุเวลาที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า แถบแนวตั้งสีเทา (จันทร์ดับ) และแถบสีน้ำเงิน (จันทร์เต็มดวง) ระบุดิถีสำคัญของดวงจันทร์

เราตั้งค่าระดับความสบายต่อความชื้นที่จุดน้ำค้างเนื่องจากเป็นตัวกำหนดว่า เหงื่อจะระเหยออกจากผิวหนังเพื่อให้ร่างกายเย็นลงหรือไม่ จุดน้ำค้างที่ต่ำทำให้รู้สึกว่าแห้งกว่า ส่วนจุดน้ำค้างที่สูงขึ้นจะทำให้รู้สึกว่าชื้นมากกว่า สิ่งที่แตกต่างจากอุณหภูมิคือ โดยทั่วไปอุณหภูมิในตอนกลางคืนและกลางวันจะมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ จุดน้ำค้างมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงได้ช้ากว่า ดังนั้นขณะที่อุณหภูมิอาจลดลงในตอนกลางคืน แต่โดยทั่วไปแล้ว ช่วงกลางวันที่อบอ้าวจะตามด้วยช่วงกลางคืนที่อบอ้าวเช่นกัน

ระดับความชื้นที่รับรู้ ใน Korla เมื่อวัดเป็นร้อยละของเวลาที่ระดับความสบายต่อความชื้นคือ ร้อนอบอ้าว ร้อนและไม่มีลม หรือ มีความชื้นสูงมาก ไม่แปรเปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญตลอดระยะเวลาทั้งปี โดยยังคงมีค่าที่เกือบคงที่เท่ากับ 0% ตลอดทั้งปี

เนื้อหาในส่วนนี้จะกล่าวถึงเวกเตอร์ (ความเร็วและทิศทาง) ลมเฉลี่ยรายชั่วโมงในพื้นที่กว้าง ที่ระดับ 10 เมตรเหนือพื้นดิน ลมที่ประสบในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งจะขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศเฉพาะแห่งและปัจจัยอื่น ๆ เป็นสำคัญ โดยที่ความเร็วและทิศทางลมเฉพาะขณะจะแตกต่างกันมากมากกว่าค่าเฉลี่ยรายชั่วโมง

ความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมงใน Korla มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญตามฤดูกาลตลอดระยะเวลาทั้งปี

ช่วงที่ลมแรงกว่าในปีนั้นมีระยะเวลานาน 7.2 เดือน ระหว่างวันที่ 4 มีนาคม ถึงวันที่ 12 ตุลาคม โดยมีความเร็วลมเฉลี่ยสูงกว่า 9.9 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เดือนที่มีลมแรงที่สุดของปีใน Korla คือเดือนพฤษภาคม โดยมีความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมงเท่ากับ 13.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ช่วงเวลาที่ลมสงบกว่าในปีนั้นมีระยะเวลานาน 4.8 เดือน ระหว่างวันที่ 12 ตุลาคม ถึงวันที่ 4 มีนาคม เดือนที่มีลมสงบมากที่สุดของปีใน Korla คือเดือนธันวาคม โดยมีความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมงเท่ากับ 6.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ทิศทางลมเฉลี่ยรายชั่วโมงส่วนใหญ่ใน Korla มีความแตกต่างกันตลอดปี

ลมมักพัดมาจากทิศตะวันออก เป็นเวลา 4.3 เดือน ระหว่างวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 2 กรกฎาคมและเป็นเวลา 4.0 วัน ระหว่างวันที่ 14 กรกฎาคม ถึงวันที่ 18 กรกฎาคม โดยมีเปอร์เซ็นต์สูงสุดเท่ากับ 39% ในวันที่ 26 มีนาคม ลมมักพัดมาจากทิศเหนือ เป็นเวลา 1.7 สัปดาห์ ระหว่างวันที่ 2 กรกฎาคม ถึงวันที่ 14 กรกฎาคมและเป็นเวลา 4.3 สัปดาห์ ระหว่างวันที่ 18 กรกฎาคม ถึงวันที่ 17 สิงหาคม โดยมีเปอร์เซ็นต์สูงสุดเท่ากับ 28% ในวันที่ 24 กรกฎาคม ลมมักพัดมาจากทิศตะวันตก เป็นเวลา 6.3 เดือน ระหว่างวันที่ 17 สิงหาคม ถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ โดยมีเปอร์เซ็นต์สูงสุดเท่ากับ 38% ในวันที่ 1 มกราคม

เราคำนวณคะแนนการเดินทาง 2 ชนิดเพื่อระบุว่าสภาพอากาศตลอดทั้งปี ใน Korla มีสภาวะน่าสบายมากแค่ไหน

คะแนนการท่องเที่ยว จะสูงตามจำนวนวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ไม่มีฝน โดยมีอุณหภูมิที่รู้สึกได้ระหว่าง 18°C ถึง 27°C คะแนนนี้แสดงว่า เวลาที่ดีที่สุดของปีที่จะไปเที่ยว Korla เพื่อเพลิดเพลินกับกลางแจ้งทั่วไปตามประสานักท่องเที่ยวคือ ตั้งแต่ช่วงปลาย กรกฎาคม ถึงปลายเดือนกันยายน โดยมีคะแนนสูงสุดในสัปดาห์แรกของเดือนกันยายน

คะแนนชายหาด/สระว่ายน้ำ จะสูงตามจำนวนวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ไม่มีฝน โดยมีอุณหภูมิที่รู้สึกได้ระหว่าง 24°C ถึง 32°C คะแนนนี้แสดงว่า เวลาที่ดีที่สุดของปีที่จะไปเที่ยว Korla เพื่อเพลิดเพลินกับกิจกรรมในสภาพอากาศร้อนคือ ตั้งแต่ช่วงปลาย มิถุนายน ถึงปลายเดือนสิงหาคม โดยมีคะแนนสูงสุดในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกรกฎาคม

ระเบียบวิธี

ในแต่ละชั่วโมงระหว่าง 08:00 ถึง 21:00 ของแต่ละวันในช่วงเวลาการวิเคราะห์ (พ.ศ. 2523 ถึง พ.ศ. 2559) คะแนนต่าง ๆ ที่ไม่ขึ้นต่อกันจะคำนวณจากอุณหภูมิที่รับรู้ เมฆปกคลุม และปริมาณหยาดน้ำฟ้าทั้งหมด คะแนนเหล่านั้นจะรวมเข้าด้วยกันเป็นคะแนนรวมรายชั่วโมงคะแนนเดียว จากนั้นจะรวมกลุ่มเป็นวัน โดยเฉลี่ยตลอดระยะเวลาหลายปีในช่วงการวิเคราะห์และปรับให้เรียบ

คะแนนเมฆปกคลุมของเราคือ 10 ในกรณีที่ท้องฟ้าแจ่มใสเต็มที่ แล้วลดลงเชิงเส้นไปที่ 9 ในกรณีที่ท้องฟ้าแจ่มใสเป็นส่วนใหญ่ และไปที่ 1 ในกรณีที่ท้องฟ้ามืดครึ้มเต็มที่

คะแนนหยาดน้ำฟ้าของเรา ซึ่งวัดจากปริมาณหยาดน้ำฟ้าในช่วง 3 ชั่วโมงโดยมีจุดกึ่งกลางตรงชั่วโมงที่สนใจ มีค่าเท่ากับ 10 สำหรับกรณีที่ไม่มีหยาดน้ำฟ้า แล้วลดลงแบบเชิงเส้นไปที่ 9 สำหรับกรณีที่มีหยาดน้ำฟ้าน้อยมาก และไปที่ 0 ในกรณีที่มีหยาดน้ำฟ้า 1 มิลลิเมตร หรือมากกว่านั้น

คะแนนอุณหภูมิสำหรับท่องเที่ยวของเราคือ 0 เมื่ออุณหภูมิที่รับรู้อยู่ต่ำกว่า 10°C โดยเพิ่มขึ้นแบบเชิงเส้นไปที่ 9 เมื่อมีอุณหภูมิ 18°C หรือไปที่ 10 เมื่อมีอุณหภูมิ 24°C และลดดลงแบบเชิงเส้นไปที่ 9 เมื่อมีอุณหภูมิ 27°C และไปที่ 1 เมื่อมีอุณหภูมิ 32°C หรือสูงกว่านั้น

คะแนนอุณหภูมิชายหาด/สระว่ายน้ำของเราคือ 0 เมื่ออุณหภูมิที่รับรู้อยู่ต่ำกว่า 18°C โดยเพิ่มขึ้นแบบเชิงเส้นไปที่ 9 เมื่อมีอุณหภูมิ 24°C หรือไปที่ 10 เมื่อมีอุณหภูมิ 28°C และลดดลงแบบเชิงเส้นไปที่ 9 เมื่อมีอุณหภูมิ 32°C และไปที่ 1 เมื่อมีอุณหภูมิ 38°C หรือสูงกว่านั้น

คำจำกัดความของฤดูเพาะปลูกจะแตกต่างกันไปทั่วโลก แต่เพื่อวัตถุประสงค์ของรายงานนี้ เราให้นิยามไว้ว่า เป็นช่วงเวลาต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุดที่อุณหภูมิไม่ใช่จุดเยือกแข็ง (≥ 0°C) ในปีนั้น (ปีปฏิทินในซีกโลกเหนือ หรือตั้งแต่ 1 กรกฎาคม จนถึง 30 มิถุนายน ในซีกโลกใต้)

โดยทั่วไป ฤดูเพาะปลูก ใน Korla จะมีเวลานาน 7.2 เดือน (221 วัน) โดยเริ่มตั้งแต่ประมาณวันที่ 27 มีนาคม ถึงประมาณวันที่ 4 พฤศจิกายน น้อยครั้งมากที่จะเริ่มต้นก่อนวันที่ 10 มีนาคม หรือหลังวันที่ 17 เมษายน และน้อยครั้งมากที่จะสิ้นสุดก่อนวันที่ 18 ตุลาคม หรือหลังวันที่ 20 พฤศจิกายน

ค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกเป็นค่าการสะสมความร้อนรายปี ซึ่งใช้เพื่อทำนายพัฒนาการของพืชและสัตว์ และหมายถึงค่าอินทิกรัลความอุ่นเหนืออุณหภูมิพื้นฐาน โดยไม่คำนึงถึงส่วนเกินใด ๆ ที่สูงกว่าอุณหภูมิสูงสุด ในรายงานนี้ เราใช้ค่าพื้นฐานเท่ากับ 10°C และค่าสูงสุดเท่ากับ 30°C

เมื่อพิจารณาจากค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกเพียงอย่างเดียว ดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิใน Korla ควรปรากฏให้เห็นประมาณวันที่ 2 เมษายน น้อยครั้งมากที่ปรากฏให้เห็นก่อนวันที่ 27 มีนาคม หรือหลังวันที่ 9 เมษายน

หัวข้อนี้จะอธิบายเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบรายวันทั้งหมดที่ตกกระทบพื้นผิวดินเป็นบริเวณกว้าง โดยพิจารณาถึงความผันแปรตามฤดูกาลในด้านช่วงแสงในแต่ละวัน ระดับความสูงของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า และการดูดกลืนแสงโดยเมฆและองค์ประกอบอื่นในชั้นบรรยากาศ รังสีคลื่นสั้นครอบคลุมถึงแสงที่มองเห็นได้และรังสีอัลตราไวโอเลต

พลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวันมีความผันแปรตามฤดูกาลอย่างผิดปกติตลอดช่วงเวลาทั้งปี

ช่วงที่สว่างกว่าในปีนั้นมีระยะเวลานาน 4.0 เดือน ระหว่างวันที่ 21 เมษายน ถึงวันที่ 22 สิงหาคม โดยมีพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวันต่อตารางเมตรในปริมาณสูงกว่า 6.3 กว.-ชม. เดือนที่สว่างที่สุดของปีใน Korla คือเดือนมิถุนายน โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 7.2 กว.-ชม.

ช่วงที่มืดกว่าในปีนั้นมีระยะเวลานาน 3.2 เดือน ระหว่างวันที่ 3 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ โดยมีพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวันต่อตารางเมตรในปริมาณต่ำกว่า 3.2 กว.-ชม. เดือนที่มืดที่สุดของปีใน Korla คือ ธันวาคม โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 2.2 กว.-ชม.

เพื่อให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ของรายงานฉบับนี้ พิกัดภูมิศาสตร์ของ Korla คือละติจูดที่ 41.761° ลองจิจูดที่ 86.152° และระดับความสูง 945 ม.

ภูมิประเทศภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ Korla มีระดับความสูงที่แตกต่างกันเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น โดยที่ระดับความสูงมีการเปลี่ยนแปลงสูงสุด 102 เมตร และความสูงเหนือระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยเท่ากับ 950 เมตร ภายในรัศมี 16 กิโลเมตร มีระดับความสูงที่แตกต่างกันเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น (1,118 เมตร) ภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ยังมีระดับความสูงที่แตกต่างกันมากอย่างยิ่งเช่นกัน (2,830 เมตร)

พื้นที่ภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ Korla ปกคลุมไปด้วย พื้นผิวเทียม (65%)และพื้นที่เพาะปลูก (30%) ส่วนภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย ผืนดินว่างเปล่า (52%)และพื้นที่เพาะปลูก (23%) และภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย ทุ่งหญ้า (41%)และผืนดินว่างเปล่า (35%)