สภาพอากาศในฤดูหนาวใน ดามัสกัส ซีเรียอุณหภูมิสูงรายวันอยู่ที่ประมาณ 14°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า 7°C หรือสูงกว่า 21°C อุณหภูมิสูงเฉลี่ยรายวันต่ำสุดคือ 11°C ในวันที่ 18 มกราคม อุณหภูมิต่ำรายวันอยู่ที่ประมาณ 3°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า -3°C หรือสูงกว่า 8°C อุณหภูมิเฉลี่ยรายวันต่ำสุดคือ 1°C ในวันที่ 22 มกราคม สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 1 สิงหาคม วันที่ร้อนที่สุด ของปี อุณหภูมิ ใน ดามัสกัส โดยทั่วไปอยู่ในช่วงตั้งแต่ 19°C ถึง 36°C ส่วน 21 มกราคม วันที่หนาวที่สุด ของปีนั้น อุณหภูมิอยู่ในช่วงตั้งแต่ 1°C ถึง 11°C ตัวเลขข้างล่างแสดงให้คุณเห็นลักษณะโดยสรุปของอุณหภูมิเฉลี่ยรายชั่วโมงในฤดูหนาว แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน โดยมีสีแสดงอุณหภูมิเฉลี่ยสำหรับชั่วโมงและวันดังกล่าว Rancho Tehama Reserve, รัฐแคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา (ห่างออกไป 11,564 กิโลเมตร)และYucca Valley, รัฐแคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา (11,988 กิโลเมตร) เป็นสถานที่ที่อยู่ไกลในต่างประเทศ โดยมีอุณหภูมิที่คล้ายคลึงกับ ดามัสกัส มากที่สุด (ดูข้อมูลเปรียบเทียบ) เมฆฤดูหนาวใน ดามัสกัส มีเมฆปกคลุม อยู่ในระดับคงที่เป็นสำคัญ โดยที่ร้อยละของเวลาที่ท้องฟ้ามืดครึ้ม หรือมีเมฆเป็นส่วนมากยังคงอยู่ที่ประมาณ 35% ตลอดทั้งฤดู โอกาสสูงสุดที่ท้องฟ้าจะ มืดครึ้ม หรือ มีเมฆเป็นส่วนมาก ในวันที่ 14 ธันวาคม คือ 37% วันที่ท้องฟ้าแจ่มใสมากที่สุดในฤดูหนาว คือ 19 กุมภาพันธ์ โดยที่ท้องฟ้า แจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือ มีเมฆบางส่วน ในอัตรา 67% ของเวลา สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 14 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่มีเมฆมากที่สุดของปี สภาพอากาศมีโอกาส 37% ที่จะมืดครึ้มหรือมีเมฆเป็นส่วนมาก ส่วนในวันที่ 13 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่แจ่มใสมากที่สุดของปี ท้องฟ้ามีโอกาส 100% ที่จะแจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือมีเมฆบางส่วน หยาดน้ำฟ้าวันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก หมายถึงวันที่มีหยาดน้ำฟ้าเป็นของเหลวหรือเทียบเท่าของเหลว ในปริมาณอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร ใน ดามัสกัส วันที่ฝนจะตกในฤดูหนาว มีโอกาส อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ โดยยังคงอยู่ที่ 19% ตลอดฤดู สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง โอกาสที่จะมีตกรายวันสูงสุดของปีคือ 22% ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ และโอกาสน้อยที่สุดคือ -0% ในวันที่ 19 กรกฎาคม ในฤดูหนาวใน ดามัสกัส โอกาสที่จะเป็นวันที่มี ฝนล้วน ยังคงอยู่ที่ 18% เป็นสำคัญตลอดทั้งวัน โอกาสที่จะเป็นวันที่มี หิมะผสมฝน ยังคงอยู่ที่ 1% เป็นสำคัญตลอดทั้งวัน และโอกาสที่จะเป็นวันที่มี หิมะล้วน ยังคงอยู่ที่ 0% เป็นสำคัญตลอดทั้งวัน ปริมาณน้ำฝนเพื่อแสดงให้เห็นความแตกต่างภายในฤดูนั้น ๆ ไม่ใช่แค่ปริมาณทั้งหมดในแต่ละเดือน เราแสดงปริมาณน้ำฝนที่สะสมภายในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลังแต่ละวัน ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลัง ระหว่างฤดูหนาวใน ดามัสกัส อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ โดยคงอยู่ที่ประมาณ 35 มิลลิเมตร ตลอดฤดู น้อยมากที่เกิน 75 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า 3 มิลลิเมตร ปริมาณสะสมใน 31 วันโดยเฉลี่ยสูงสุด เท่ากับ 40 มิลลิเมตร ในวันที่ 28 มกราคม ดวงอาทิตย์ตลอดระยะเวลาของฤดูหนาวใน ดามัสกัส ความยาวของเวลากลางวันจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ต้นฤดูถึงสิ้นฤดู ความยาวของเวลากลางวันจะเพิ่มขึ้นไป 1 ชั่วโมง และ 20 นาที ซึ่งชี้ให้เห็นว่ามีการเพิ่มขึ้นรายวันโดยเฉลี่ยเท่ากับ 54 วินาที และมีการเพิ่มขึ้นรายสัปดาห์เท่ากับ 6 นาที และ 18 วินาที วันที่สั้นที่สุดของฤดูหนาวคือวันที่ 21 ธันวาคม โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 9 ชั่วโมง และ 56 นาที ส่วนวันที่ยาวที่สุดคือวันที่ 28 กุมภาพันธ์ โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 11 ชั่วโมง และ 26 นาที เวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นช้าที่สุดในฤดูหนาวใน ดามัสกัส คือ 07:39 ในวันที่ 7 มกราคม และพระอาทิตย์ขึ้นเร็วที่สุดคือ หลังจากนั้นอีก 35 นาที ในเวลา 07:04 เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ เวลาที่พระอาทิตย์ตกเร็วที่สุดคือ 17:26 เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม และเวลาที่พระอาทิตย์ตกช้าที่สุดคือ หลังจากนั้นอีก 1 ชั่วโมง และ 4 นาที ในเวลา 18:30 เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ไม่มีการใช้เวลาออมแสง ใน ดามัสกัส ระหว่างปี พ.ศ. 2568 สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 21 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันยาวนานที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 05:25 และตกในเวลาอีก 14 ชั่วโมง และ 23 นาที ต่อมาที่เวลา 19:48 ส่วนในวันที่ 21 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันสั้นที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 07:35 และตกในเวลาอีก 9 ชั่วโมง และ 56 นาที ต่อมาที่ 17:30 รูปด้านล่างแสดงภาพระดับความสูงของดวงอาทิตย์แบบย่อ (มุมของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า) และมุมทิศ (มุมที่ดวงอาทิตย์มุ่งหน้าไปบนเข็มทิศ) ในแต่ละชั่วโมงของแต่ละวันตลอดช่วงเวลาที่มีการรายงาน แกนนอนเป็นวันของปี ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ในวันใด ๆ และชั่วโมงของวันนั้น สีพื้นหลังแสดงถึงมุมทิศของดวงอาทิตย์ในขณะนั้น เส้นเท่าสีดำเป็นเส้นชั้นความสูงของระดับความสูงคงที่ของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ตัวเลขข้างล่างแสดงภาพรวมโดยย่อของข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับดวงจันทร์สำหรับฤดูหนาว ปี พ.ศ. 2568 แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ส่วนพื้นที่สีระบุเวลาที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า แถบแนวตั้งสีเทา (จันทร์ดับ) และแถบสีน้ำเงิน (จันทร์เต็มดวง) ระบุดิถีสำคัญของดวงจันทร์ ข้อมูลที่สัมพันธ์กับแต่ละแถบแสดงให้เห็นวันที่และเวลาที่ได้รับข้อมูลข้างขึ้นข้างแรม ส่วนข้อมูลเวลาที่อยู่ด้วยกันระบุเวลาที่ดวงจันทร์ขึ้นและตกสำหรับช่วงเวลาที่ใกล้ที่สุดที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า ความชื้นเราตั้งค่าระดับความสบายต่อความชื้นที่จุดน้ำค้างเนื่องจากเป็นตัวกำหนดว่า เหงื่อจะระเหยออกจากผิวหนังเพื่อให้ร่างกายเย็นลงหรือไม่ จุดน้ำค้างที่ต่ำทำให้รู้สึกว่าแห้งกว่า ส่วนจุดน้ำค้างที่สูงขึ้นจะทำให้รู้สึกว่าชื้นมากกว่า สิ่งที่แตกต่างจากอุณหภูมิคือ โดยทั่วไปอุณหภูมิในตอนกลางคืนและกลางวันจะมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ จุดน้ำค้างมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงได้ช้ากว่า ดังนั้นขณะที่อุณหภูมิอาจลดลงในตอนกลางคืน แต่โดยทั่วไปแล้ว ช่วงกลางวันที่อบอ้าวจะตามด้วยช่วงกลางคืนที่อบอ้าวเช่นกัน ใน ดามัสกัส โอกาสที่วันใดวันหนึ่งจะมีอากาศร้อนอบอ้าวนั้นอยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญในช่วงฤดูหนาว โดยคงอยู่ที่ประมาณ 0% ตลอดทั้งฤดู สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 8 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวมากที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 1% ของเวลาทั้งหมด ส่วนในวันที่ 16 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวน้อยที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 0% ของเวลาทั้งหมด ลมเนื้อหาในส่วนนี้จะกล่าวถึงเวกเตอร์ (ความเร็วและทิศทาง) ลมเฉลี่ยรายชั่วโมงในพื้นที่กว้าง ที่ระดับ 10 เมตรเหนือพื้นดิน ลมที่ประสบในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งจะขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศเฉพาะแห่งและปัจจัยอื่น ๆ เป็นสำคัญ โดยที่ความเร็วและทิศทางลมเฉพาะขณะจะแตกต่างกันมากมากกว่าค่าเฉลี่ยรายชั่วโมง ความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมงใน ดามัสกัส จะเพิ่มขึ้น ในช่วงฤดูหนาว โดยเพิ่มขึ้นจาก 11.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 14.0 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในช่วงฤดูกาลนั้น สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 1 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่ลมแรงที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 14.1 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนในวันที่ 12 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันที่ลมสงบมากที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 10.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทิศทางลมเฉลี่ยรายชั่วโมงใน ดามัสกัส ตลอดฤดูหนาวส่วนใหญ่คือ จากทิศตะวันตก โดยมีสัดส่วนสูงสุดเท่ากับ 51% ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ฤดูกาลเพาะปลูกคำจำกัดความของฤดูเพาะปลูกจะแตกต่างกันไปทั่วโลก แต่เพื่อวัตถุประสงค์ของรายงานนี้ เราให้นิยามไว้ว่า เป็นช่วงเวลาต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุดที่อุณหภูมิไม่ใช่จุดเยือกแข็ง (≥ 0°C) ในปีนั้น (ปีปฏิทินในซีกโลกเหนือ หรือตั้งแต่ 1 กรกฎาคม จนถึง 30 มิถุนายน ในซีกโลกใต้) โดยทั่วไป ฤดูเพาะปลูก ใน ดามัสกัส จะมีเวลานาน 8.8 เดือน (270 วัน) โดยเริ่มตั้งแต่ประมาณวันที่ 10 มีนาคม ถึงประมาณวันที่ 4 ธันวาคม น้อยครั้งมากที่จะเริ่มต้นก่อนวันที่ 4 กุมภาพันธ์ หรือหลังวันที่ 7 เมษายน และน้อยครั้งมากที่จะสิ้นสุดก่อนวันที่ 11 พฤศจิกายน หรือหลังวันที่ 29 ธันวาคม โอกาสต่ำสุดที่วันใดวันหนึ่งจะอยู่ภายในช่วงฤดูกาลเพาะปลูกใน ดามัสกัส ระหว่างฤดูหนาวคือ 1% ในวันที่ 17 มกราคม ค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกเป็นค่าการสะสมความร้อนรายปี ซึ่งใช้เพื่อทำนายพัฒนาการของพืชและสัตว์ และหมายถึงค่าอินทิกรัลความอุ่นเหนืออุณหภูมิพื้นฐาน โดยไม่คำนึงถึงส่วนเกินใด ๆ ที่สูงกว่าอุณหภูมิสูงสุด ในรายงานนี้ เราใช้ค่าพื้นฐานเท่ากับ 10°C และค่าสูงสุดเท่ากับ 30°C จำนวนวันที่มีค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกโดยเฉลี่ยใน ดามัสกัส จะลดลงอย่างรวดเร็วมากระหว่างฤดูหนาว โดยลดลง 2,719°C จาก 2,760°C เป็น 41°C ภายในช่วงฤดูนั้น พลังงานแสงอาทิตย์หัวข้อนี้จะอธิบายเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบรายวันทั้งหมดที่ตกกระทบพื้นผิวดินเป็นบริเวณกว้าง โดยพิจารณาถึงความผันแปรตามฤดูกาลในด้านช่วงแสงในแต่ละวัน ระดับความสูงของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า และการดูดกลืนแสงโดยเมฆและองค์ประกอบอื่นในชั้นบรรยากาศ รังสีคลื่นสั้นครอบคลุมถึงแสงที่มองเห็นได้และรังสีอัลตราไวโอเลต พลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวันใน ดามัสกัส จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงฤดูหนาว โดยเพิ่มขึ้น 1.5 กว.-ชม. จาก 3.2 กว.-ชม. เป็น 4.7 กว.-ชม. ภายในฤดูนั้น พลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยต่ำสุดรายวันในช่วงฤดูหนาวคือ 2.9 กว.-ชม. ในวันที่ 24 ธันวาคม ภูมิประเทศเพื่อให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ของรายงานฉบับนี้ พิกัดภูมิศาสตร์ของ ดามัสกัส คือละติจูดที่ 33.510° ลองจิจูดที่ 36.291° และระดับความสูง 701 ม. ภูมิประเทศภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ ดามัสกัส มีระดับความสูงที่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญมาก โดยที่ระดับความสูงมีการเปลี่ยนแปลงสูงสุด 479 เมตร และความสูงเหนือระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยเท่ากับ 718 เมตร ภายในรัศมี 16 กิโลเมตร มีระดับความสูงที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญมาก (991 เมตร) ภายในรัศมี 80 กิโลเมตร มีระดับความสูงที่แตกต่างกันมาก (2,808 เมตร) พื้นที่ภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ ดามัสกัส ปกคลุมไปด้วย พื้นผิวเทียม (84%) ส่วนภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย พื้นที่เพาะปลูก (32%)และผืนดินว่างเปล่า (31%) และภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย ผืนดินว่างเปล่า (41%)และพื้นที่เพาะปลูก (24%) แหล่งข้อมูลรายงานนี้แสดงให้เห็นถึงสภาพอากาศทั่วไป ใน ดามัสกัส โดยอาศัยการวิเคราะห์ทางสถิติของรายงานสภาพอากาศรายชั่วโมงในอดีตและการสร้างแบบจำลองขึ้นมาใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2523 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2559 อุณหภูมิและจุดน้ำค้างมีสถานีตรวจวัดสภาพอากาศ 3 แห่งที่อยู่ใกล้เพียงพอที่จะส่งผลต่อการประมาณค่าอุณหภูมิและจุดน้ำค้างของเราในเมือง ดามัสกัส ในแต่ละสถานี บันทึกข้อมูลของสถานีได้รับการแก้ไขเพื่อชดเชยความแตกต่างของระดับความสูงระหว่างสถานีนั้นกับ ดามัสกัส ตาม บรรยากาศมาตรฐานสากล , และโดยการเปลี่ยนแปลงสัมพัทธ์ที่มีอยู่ใน การวิเคราะห์ซ้ำในยุคดาวเทียม MERRA-2 ระหว่างตำแหน่งที่ตั้งทั้งสองแห่ง ค่าโดยประมาณที่เมือง ดามัสกัส ได้รับการคำนวณเป็นค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของแต่ละค่าที่ได้รับจากแต่ละสถานี โดยมีค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักเป็นสัดส่วนผกผันกับระยะห่างระหว่างเมือง ดามัสกัส กับสถานีที่กำหนดไว้ สถานีที่มีส่วนช่วยในการสร้างครั้งนี้ได้แก่:
หากต้องการทำความเข้าใจว่าแหล่งข้อมูลเหล่านี้ให้ข้อมูลที่ตรงกันมากน้อยเพียงใด คุณสามารถดูการเปรียบเทียบระหว่าง ดามัสกัส กับสถานีที่ช่วยให้เราประมาณสถิติอุณหภูมิและสภาพอากาศ โปรดทราบว่า ข้อมูลจากแต่ละแหล่งได้รับการปรับให้เหมาะสมกับระดับความสูงและการเปลี่ยนแปลงสัมพัทธ์ที่มีอยู่ในข้อมูล MERRA-2 แล้ว ข้อมูลอื่น ๆข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งดวงอาทิตย์ (เช่น อาทิตย์ขึ้น และอาทิตย์ตก) เป็นการคำนวณโดยใช้สูตรทางดาราศาสตร์จากหนังสือ Astronomical Algorithms ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 โดย Jean Meeus ข้อมูลสภาพอากาศอื่น ๆ ทั้งหมด ซึ่งรวมถึงปริมาณเมฆปกคลุม หยาดน้ำฟ้า ความเร็วและทิศทางลม และคลื่นวิทยุจากอาทิตย์ เป็นข้อมูลจาก MERRA-2 Modern-Era Retrospective Analysis ของ NASA การวิเคราะห์ซ้ำนี้มีการผนวกรวมการวัดแบบต่าง ๆ ในพื้นที่กว้างโดยอาศัยแบบจำลองทางอุตุนิยมวิทยาที่ทันสมัยระดับโลก เพื่อสร้างบันทึกประวัติสภาพอากาศรายชั่วโมงทั่วโลกขึ้นมาใหม่บนตารางกริด 50 กิโลเมตร ข้อมูลการใช้ที่ดินมาจากฐานข้อมูล Global Land Cover SHARE ซึ่งองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติเป็นผู้เผยแพร่ ข้อมูลระดับความสูงมาจาก Shuttle Radar Topography Mission (SRTM) ที่ห้องปฏิบัติการ Jet Propulsion ของ NASA เป็นผู้เผยแพร่ ชื่อ ตำแหน่งที่ตั้ง และเขตเวลาของสถานที่และสนามบินบางแห่งมาจาก ฐานข้อมูลภูมิศาสตร์ GeoNames AskGeo.com จัดเสนอเขตเวลาสำหรับสนามบินและสถานีตรวจวัดอากาศ แผนที่อยู่ภายใต้ลิขสิทธิ์ © OpenStreetMap ผู้มีส่วนร่วม ข้อสงวนสิทธิ์ข้อมูลบนไซต์นี้จัดไว้ให้ตามที่เป็นอยู่โดยไม่มีการรับรองความถูกต้องแม่นยำหรือความเหมาะสมเพื่อจุดประสงค์ใด ๆ ข้อมูลสภาพอากาศมีแนวโน้มที่จะเกิดข้อผิดพลาด ขัดข้อง และข้อบกพร่องอื่น ๆ ได้ เราไม่รับผิดชอบต่อการตัดสินใจใด ๆ ที่กระทำโดยอาศัยเนื้อหาที่นำเสนอให้บนเว็บไซต์นี้ เราให้ความสนใจกับการกำหนดข้อมูลใหม่ตามแบบจำลอง MERRA-2 สำหรับชุดข้อมูลสำคัญจำนวนหนึ่ง โดยใช้ความรอบคอบมากเป็นพิเศษ แม้มีข้อได้เปรียบมหาศาลจากความสมบูรณ์เชิงเวลาและเชิงพื้นที่ แต่การกำหนดข้อมูลใหม่เหล่านี้: (1) ขึ้นอยู่กับแบบจำลองคอมพิวเตอร์ที่อาจมีข้อผิดพลาดตามแบบจำลอง (2) เป็นการสุ่มตัวอย่างแบบคร่าว ๆ บนตารางกริด 50 กม. ดังนั้นจึงไม่สามารถกำหนดตัวแปรท้องถิ่นของจุลภูมิอากาศหลายแห่งให้ใหม่ได้ และ (3) มีปัญหาเฉพาะกับสภาพอากาศในพื้นที่ชายฝั่งบางแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกาะขนาดเล็ก เราขอเตือนเพิ่มเติมว่า คะแนนการเดินทางของเรานั้นเชื่อถือได้มากเท่า ๆ กับข้อมูลที่รองรับเท่านั้น สภาพอากาศในตำแหน่งที่ตั้งและเวลาใด ๆ นั้นคาดการณ์ได้ยากและแปรปรวนอยู่เสมอ คำจำกัดความของคะแนนจะสะท้อนถึงความชอบบางอย่างที่อาจไม่ตรงกับความชอบของผู้อ่านบางท่านโดยเฉพาะ กรุณาอ่านข้อกำหนดฉบับเต็มของเราที่หน้าข้อกำหนดการใช้บริการของเรา |