สภาพอากาศในฤดูร้อนใน Carmo do Cajuru บราซิลอุณหภูมิสูงรายวันอยู่ที่ประมาณ 29°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า 25°C หรือสูงกว่า 33°C อุณหภูมิสูงเฉลี่ยรายวันสูงสุดคือ 30°C ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ อุณหภูมิต่ำรายวันอยู่ที่ประมาณ 20°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า 18°C หรือสูงกว่า 22°C อุณหภูมิต่ำเฉลี่ยรายวันสูงสุดคือ 20°C ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ วันที่ร้อนที่สุด ของปี อุณหภูมิ ใน Carmo do Cajuru โดยทั่วไปอยู่ในช่วงตั้งแต่ 20°C ถึง 30°C ส่วน 4 กรกฎาคม วันที่หนาวที่สุด ของปีนั้น อุณหภูมิอยู่ในช่วงตั้งแต่ 13°C ถึง 25°C ตัวเลขข้างล่างแสดงให้คุณเห็นลักษณะโดยสรุปของอุณหภูมิเฉลี่ยรายชั่วโมงในฤดูร้อน แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน โดยมีสีแสดงอุณหภูมิเฉลี่ยสำหรับชั่วโมงและวันดังกล่าว Komatipoort, แอฟริกาใต้ (ห่างออกไป 7,787 กิโลเมตร)และโดโดมา, แทนซาเนีย (8,793 กิโลเมตร) เป็นสถานที่ที่อยู่ไกลในต่างประเทศ โดยมีอุณหภูมิที่คล้ายคลึงกับ Carmo do Cajuru มากที่สุด (ดูข้อมูลเปรียบเทียบ) เมฆฤดูร้อนใน Carmo do Cajuru มีเมฆปกคลุม ลดลงช้า ๆ โดยที่ร้อยละของเวลาที่ท้องฟ้ามืดครึ้ม หรือมีเมฆเป็นส่วนมากลดลงจาก 76% เป็น 70% โอกาสสูงสุดที่ท้องฟ้าจะ มืดครึ้ม หรือ มีเมฆเป็นส่วนมาก ในวันที่ 19 ธันวาคม คือ 80% วันที่ท้องฟ้าแจ่มใสมากที่สุดในฤดูร้อน คือ 28 กุมภาพันธ์ โดยที่ท้องฟ้า แจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือ มีเมฆบางส่วน ในอัตรา 30% ของเวลา สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 19 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่มีเมฆมากที่สุดของปี สภาพอากาศมีโอกาส 80% ที่จะมืดครึ้มหรือมีเมฆเป็นส่วนมาก ส่วนในวันที่ 16 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่แจ่มใสมากที่สุดของปี ท้องฟ้ามีโอกาส 78% ที่จะแจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือมีเมฆบางส่วน หยาดน้ำฟ้าวันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก หมายถึงวันที่มีหยาดน้ำฟ้าเป็นของเหลวหรือเทียบเท่าของเหลว ในปริมาณอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร ใน Carmo do Cajuru วันที่ฝนจะตกในฤดูร้อน มีโอกาส ลดลงอย่างรวดเร็วมาก โดยในช่วงต้นฤดูมีโอกาส 66% ส่วนช่วงปลายฤดูมีโอกาส 50% สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง โอกาสที่จะมีตกรายวันสูงสุดของปีคือ 71% ในวันที่ 21 ธันวาคม และโอกาสน้อยที่สุดคือ 3% ในวันที่ 28 กรกฎาคม ปริมาณน้ำฝนเพื่อแสดงให้เห็นความแตกต่างภายในฤดูนั้น ๆ ไม่ใช่แค่ปริมาณทั้งหมดในแต่ละเดือน เราแสดงปริมาณน้ำฝนที่สะสมภายในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลังแต่ละวัน ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลัง ระหว่างฤดูร้อนใน Carmo do Cajuru ลดลงอย่างรวดเร็วมาก โดยในช่วงต้นฤดูอยู่ที่ 216 มิลลิเมตร ซึ่งมีน้อยมากที่เกิน 316 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า 140 มิลลิเมตร ส่วนในช่วงปลายฤดูอยู่ที่ 144 มิลลิเมตร ซึ่งมีน้อยมากที่เกิน 247 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า 52 มิลลิเมตร ปริมาณสะสมใน 31 วันโดยเฉลี่ยสูงสุด เท่ากับ 267 มิลลิเมตร ในวันที่ 29 ธันวาคม ดวงอาทิตย์ตลอดระยะเวลาของฤดูร้อนใน Carmo do Cajuru ความยาวของเวลากลางวันจะลดลง ตั้งแต่ต้นฤดูถึงสิ้นฤดู ความยาวของเวลากลางวันจะลดลงไป 46 นาที ซึ่งชี้ให้เห็นว่ามีการลดลงรายวันโดยเฉลี่ยเท่ากับ 31 วินาที และมีการลดลงรายสัปดาห์เท่ากับ 3 นาที และ 38 วินาที วันที่สั้นที่สุดของฤดูร้อนคือวันที่ 28 กุมภาพันธ์ โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 12 ชั่วโมง และ 30 นาที ส่วนวันที่ยาวที่สุดคือวันที่ 21 ธันวาคม โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 13 ชั่วโมง และ 21 นาที เวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นเร็วที่สุดของฤดูร้อนใน Carmo do Cajuru คือเวลา 05:10 ในวันที่ 1 ธันวาคม และพระอาทิตย์ขึ้นช้าที่สุดคือหลังจากนั้นอีก 46 นาที ในเวลา 05:56 ของวันที่ 28 กุมภาพันธ์ เวลาที่พระอาทิตย์ตกช้าที่สุดคือ 18:44 เมื่อวันที่ 15 มกราคม และเวลาที่พระอาทิตย์ตกเร็วที่สุดคือ หลังจากนั้นอีก 19 นาที ในเวลา 18:26 เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ไม่มีการใช้เวลาออมแสง ใน Carmo do Cajuru ระหว่างปี พ.ศ. 2567 สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 21 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันยาวนานที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 05:16 และตกในเวลาอีก 13 ชั่วโมง และ 21 นาที ต่อมาที่เวลา 18:38 ส่วนในวันที่ 20 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันสั้นที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 06:33 และตกในเวลาอีก 10 ชั่วโมง และ 55 นาที ต่อมาที่ 17:28 รูปด้านล่างแสดงภาพระดับความสูงของดวงอาทิตย์แบบย่อ (มุมของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า) และมุมทิศ (มุมที่ดวงอาทิตย์มุ่งหน้าไปบนเข็มทิศ) ในแต่ละชั่วโมงของแต่ละวันตลอดช่วงเวลาที่มีการรายงาน แกนนอนเป็นวันของปี ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ในวันใด ๆ และชั่วโมงของวันนั้น สีพื้นหลังแสดงถึงมุมทิศของดวงอาทิตย์ในขณะนั้น เส้นเท่าสีดำเป็นเส้นชั้นความสูงของระดับความสูงคงที่ของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ตัวเลขข้างล่างแสดงภาพรวมโดยย่อของข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับดวงจันทร์สำหรับฤดูร้อน ปี พ.ศ. 2567 แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ส่วนพื้นที่สีระบุเวลาที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า แถบแนวตั้งสีเทา (จันทร์ดับ) และแถบสีน้ำเงิน (จันทร์เต็มดวง) ระบุดิถีสำคัญของดวงจันทร์ ข้อมูลที่สัมพันธ์กับแต่ละแถบแสดงให้เห็นวันที่และเวลาที่ได้รับข้อมูลข้างขึ้นข้างแรม ส่วนข้อมูลเวลาที่อยู่ด้วยกันระบุเวลาที่ดวงจันทร์ขึ้นและตกสำหรับช่วงเวลาที่ใกล้ที่สุดที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า ความชื้นเราตั้งค่าระดับความสบายต่อความชื้นที่จุดน้ำค้างเนื่องจากเป็นตัวกำหนดว่า เหงื่อจะระเหยออกจากผิวหนังเพื่อให้ร่างกายเย็นลงหรือไม่ จุดน้ำค้างที่ต่ำทำให้รู้สึกว่าแห้งกว่า ส่วนจุดน้ำค้างที่สูงขึ้นจะทำให้รู้สึกว่าชื้นมากกว่า สิ่งที่แตกต่างจากอุณหภูมิคือ โดยทั่วไปอุณหภูมิในตอนกลางคืนและกลางวันจะมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ จุดน้ำค้างมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงได้ช้ากว่า ดังนั้นขณะที่อุณหภูมิอาจลดลงในตอนกลางคืน แต่โดยทั่วไปแล้ว ช่วงกลางวันที่อบอ้าวจะตามด้วยช่วงกลางคืนที่อบอ้าวเช่นกัน ใน Carmo do Cajuru โอกาสที่วันใดวันหนึ่งจะมีอากาศร้อนอบอ้าวนั้นเพิ่มขึ้นช้า ๆในช่วงฤดูร้อน โดยจะเพิ่มขึ้นจาก 52% เป็น 57% ภายในฤดูนั้น โอกาสสูงสุดที่จะมีวันร้อนอบอ้าวในช่วงฤดูร้อนคือ 63% ในวันที่ 13 มกราคม สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 13 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวมากที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 63% ของเวลาทั้งหมด ส่วนในวันที่ 13 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวน้อยที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 0% ของเวลาทั้งหมด ลมเนื้อหาในส่วนนี้จะกล่าวถึงเวกเตอร์ (ความเร็วและทิศทาง) ลมเฉลี่ยรายชั่วโมงในพื้นที่กว้าง ที่ระดับ 10 เมตรเหนือพื้นดิน ลมที่ประสบในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งจะขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศเฉพาะแห่งและปัจจัยอื่น ๆ เป็นสำคัญ โดยที่ความเร็วและทิศทางลมเฉพาะขณะจะแตกต่างกันมากมากกว่าค่าเฉลี่ยรายชั่วโมง ความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมงใน Carmo do Cajuru จะลดลง ในช่วงฤดูร้อน โดยลดลงจาก 12.4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 10.8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในช่วงฤดูกาลนั้น สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 18 กันยายน ซึ่งเป็นวันที่ลมแรงที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 14.4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนในวันที่ 8 เมษายน ซึ่งเป็นวันที่ลมสงบมากที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 10.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทิศทางลมใน Carmo do Cajuru ในช่วงฤดูร้อนส่วนใหญ่มาจาก ทิศตะวันออก ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม ถึงวันที่ 12 ธันวาคมและตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์และทิศเหนือ ตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม ถึงวันที่ 15 มกราคม ฤดูกาลเพาะปลูกคำจำกัดความของฤดูเพาะปลูกจะแตกต่างกันไปทั่วโลก แต่เพื่อวัตถุประสงค์ของรายงานนี้ เราให้นิยามไว้ว่า เป็นช่วงเวลาต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุดที่อุณหภูมิไม่ใช่จุดเยือกแข็ง (≥ 0°C) ในปีนั้น (ปีปฏิทินในซีกโลกเหนือ หรือตั้งแต่ 1 กรกฎาคม จนถึง 30 มิถุนายน ในซีกโลกใต้) อุณหภูมิ ใน Carmo do Cajuru มีอากาศอบอุ่นเพียงพอตลอดทั้งปี จึงไม่มีความหมายแต่ประการใดที่จะกล่าวถึงฤดูเพาะปลูกด้วยเงื่อนไขเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม เราได้แสดงแผนภูมิไว้ด้านล่างเพื่อให้เห็นการกระจายของอุณหภูมิที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปี เวลาที่อยู่ในแถบอุณหภูมิต่าง ๆ และฤดูกาลเพาะปลูกในฤดูร้อนใน Carmo do Cajuru
เยือกเย็น
-9°C
ต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง
0°C
หนาวจัด
7°C
หนาว
13°C
เย็น
18°C
กำลังสบาย
24°C
อุ่น
29°C
ร้อน
35°C
ร้อนระอุ
ค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกเป็นค่าการสะสมความร้อนรายปี ซึ่งใช้เพื่อทำนายพัฒนาการของพืชและสัตว์ และหมายถึงค่าอินทิกรัลความอุ่นเหนืออุณหภูมิพื้นฐาน โดยไม่คำนึงถึงส่วนเกินใด ๆ ที่สูงกว่าอุณหภูมิสูงสุด ในรายงานนี้ เราใช้ค่าพื้นฐานเท่ากับ 10°C และค่าสูงสุดเท่ากับ 30°C จำนวนวันที่มีค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกโดยเฉลี่ยใน Carmo do Cajuru จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมากระหว่างฤดูร้อน โดยเพิ่มขึ้น 1,260°C จาก 1,816°C เป็น 3,076°C ภายในช่วงฤดูนั้น พลังงานแสงอาทิตย์หัวข้อนี้จะอธิบายเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบรายวันทั้งหมดที่ตกกระทบพื้นผิวดินเป็นบริเวณกว้าง โดยพิจารณาถึงความผันแปรตามฤดูกาลในด้านช่วงแสงในแต่ละวัน ระดับความสูงของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า และการดูดกลืนแสงโดยเมฆและองค์ประกอบอื่นในชั้นบรรยากาศ รังสีคลื่นสั้นครอบคลุมถึงแสงที่มองเห็นได้และรังสีอัลตราไวโอเลต พลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวันใน Carmo do Cajuru จะอยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญในช่วงฤดูร้อน โดยคงอยู่ภายใน 0.2 กว.-ชม. ของ 6.0 กว.-ชม. ตลอดฤดู พลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยสูงสุดรายวันในช่วงฤดูร้อนคือ 6.2 กว.-ชม. ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ภูมิประเทศเพื่อให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ของรายงานฉบับนี้ พิกัดภูมิศาสตร์ของ Carmo do Cajuru คือละติจูดที่ -20.184° ลองจิจูดที่ -44.771° และระดับความสูง 756 ม. ภูมิประเทศภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ Carmo do Cajuru มีระดับความสูงที่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญ โดยที่ระดับความสูงมีการเปลี่ยนแปลงสูงสุด 189 เมตร และความสูงเหนือระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยเท่ากับ 772 เมตร ภายในรัศมี 16 กิโลเมตร มีระดับความสูงที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ (424 เมตร) ภายในรัศมี 80 กิโลเมตร มีระดับความสูงที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญมาก (847 เมตร) พื้นที่ภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ Carmo do Cajuru ปกคลุมไปด้วย พื้นที่เพาะปลูก (36%) พุ่มไม้ (24%) ทุ่งหญ้า (21%) และต้นไม้ (19%) ส่วนภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย พื้นที่เพาะปลูก (31%)และพุ่มไม้ (25%) และภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย ต้นไม้ (29%)และพื้นที่เพาะปลูก (27%) แหล่งข้อมูลรายงานนี้แสดงให้เห็นถึงสภาพอากาศทั่วไป ใน Carmo do Cajuru โดยอาศัยการวิเคราะห์ทางสถิติของรายงานสภาพอากาศรายชั่วโมงในอดีตและการสร้างแบบจำลองขึ้นมาใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2523 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2559 อุณหภูมิและจุดน้ำค้างเครือข่ายของเรามีสถานีตรวจวัดสภาพอากาศเพียงแห่งเดียวคือ Carlos Drummond de Andrade Airport ที่เหมาะในการใช้เป็นตัวแทนสำหรับบันทึกข้อมูลอุณหภูมิและจุดน้ำค้างในอดีตของ Carmo do Cajuru ด้วยระยะห่าง 93 กิโลเมตร จาก Carmo do Cajuru ซึ่งใกล้กว่าเกณฑ์ที่เรากำหนดไว้ที่ 150 กิโลเมตร จึงถือว่าสถานีแห่งนี้อยู่ใกล้เพียงพอที่จะใช้เป็นแหล่งข้อมูลหลักของเราสำหรับบันทึกข้อมูลอุณหภูมิและจุดน้ำค้าง บันทึกข้อมูลของสถานีได้รับการแก้ไขเพื่อชดเชยความแตกต่างของระดับความสูงระหว่างสถานีกับ Carmo do Cajuru ตามบรรยากาศมาตรฐานสากล และโดยการเปลี่ยนแปลงสัมพัทธ์ที่มีอยู่ใน MERRA-2 satellite-era reanalysis ระหว่างตำแหน่งที่ตั้งทั้งสองแห่ง โปรดทราบว่า สถานีเองอาจลงข้อมูลเพิ่มเติมในบันทึกโดยใช้ข้อมูลจากสถานีอื่นที่อยู่ใกล้เคียงหรือจาก MERRA-2 reanalysis ข้อมูลอื่น ๆข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งดวงอาทิตย์ (เช่น อาทิตย์ขึ้น และอาทิตย์ตก) เป็นการคำนวณโดยใช้สูตรทางดาราศาสตร์จากหนังสือ Astronomical Algorithms ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 โดย Jean Meeus ข้อมูลสภาพอากาศอื่น ๆ ทั้งหมด ซึ่งรวมถึงปริมาณเมฆปกคลุม หยาดน้ำฟ้า ความเร็วและทิศทางลม และคลื่นวิทยุจากอาทิตย์ เป็นข้อมูลจาก MERRA-2 Modern-Era Retrospective Analysis ของ NASA การวิเคราะห์ซ้ำนี้มีการผนวกรวมการวัดแบบต่าง ๆ ในพื้นที่กว้างโดยอาศัยแบบจำลองทางอุตุนิยมวิทยาที่ทันสมัยระดับโลก เพื่อสร้างบันทึกประวัติสภาพอากาศรายชั่วโมงทั่วโลกขึ้นมาใหม่บนตารางกริด 50 กิโลเมตร ข้อมูลการใช้ที่ดินมาจากฐานข้อมูล Global Land Cover SHARE ซึ่งองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติเป็นผู้เผยแพร่ ข้อมูลระดับความสูงมาจาก Shuttle Radar Topography Mission (SRTM) ที่ห้องปฏิบัติการ Jet Propulsion ของ NASA เป็นผู้เผยแพร่ ชื่อ ตำแหน่งที่ตั้ง และเขตเวลาของสถานที่และสนามบินบางแห่งมาจาก ฐานข้อมูลภูมิศาสตร์ GeoNames AskGeo.com จัดเสนอเขตเวลาสำหรับสนามบินและสถานีตรวจวัดอากาศ แผนที่อยู่ภายใต้ลิขสิทธิ์ © OpenStreetMap ผู้มีส่วนร่วม ข้อสงวนสิทธิ์ข้อมูลบนไซต์นี้จัดไว้ให้ตามที่เป็นอยู่โดยไม่มีการรับรองความถูกต้องแม่นยำหรือความเหมาะสมเพื่อจุดประสงค์ใด ๆ ข้อมูลสภาพอากาศมีแนวโน้มที่จะเกิดข้อผิดพลาด ขัดข้อง และข้อบกพร่องอื่น ๆ ได้ เราไม่รับผิดชอบต่อการตัดสินใจใด ๆ ที่กระทำโดยอาศัยเนื้อหาที่นำเสนอให้บนเว็บไซต์นี้ เราให้ความสนใจกับการกำหนดข้อมูลใหม่ตามแบบจำลอง MERRA-2 สำหรับชุดข้อมูลสำคัญจำนวนหนึ่ง โดยใช้ความรอบคอบมากเป็นพิเศษ แม้มีข้อได้เปรียบมหาศาลจากความสมบูรณ์เชิงเวลาและเชิงพื้นที่ แต่การกำหนดข้อมูลใหม่เหล่านี้: (1) ขึ้นอยู่กับแบบจำลองคอมพิวเตอร์ที่อาจมีข้อผิดพลาดตามแบบจำลอง (2) เป็นการสุ่มตัวอย่างแบบคร่าว ๆ บนตารางกริด 50 กม. ดังนั้นจึงไม่สามารถกำหนดตัวแปรท้องถิ่นของจุลภูมิอากาศหลายแห่งให้ใหม่ได้ และ (3) มีปัญหาเฉพาะกับสภาพอากาศในพื้นที่ชายฝั่งบางแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกาะขนาดเล็ก เราขอเตือนเพิ่มเติมว่า คะแนนการเดินทางของเรานั้นเชื่อถือได้มากเท่า ๆ กับข้อมูลที่รองรับเท่านั้น สภาพอากาศในตำแหน่งที่ตั้งและเวลาใด ๆ นั้นคาดการณ์ได้ยากและแปรปรวนอยู่เสมอ คำจำกัดความของคะแนนจะสะท้อนถึงความชอบบางอย่างที่อาจไม่ตรงกับความชอบของผู้อ่านบางท่านโดยเฉพาะ กรุณาอ่านข้อกำหนดฉบับเต็มของเราที่หน้าข้อกำหนดการใช้บริการของเรา |