สภาพอากาศในฤดูใบไม้ผลิใน Mount Olympus สหรัฐอเมริกา

อุณหภูมิสูงรายวัน เพิ่มขึ้น ไป 16°C จาก 7°C เป็น 22°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า 0°C หรือสูงกว่า 29°C

อุณหภูมิต่ำรายวัน เพิ่มขึ้น ไป 12°C จาก -2°C เป็น 9°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า -8°C หรือสูงกว่า 14°C

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 25 กรกฎาคม วันที่ร้อนที่สุด ของปี อุณหภูมิ ใน Mount Olympus โดยทั่วไปอยู่ในช่วงตั้งแต่ 16°C ถึง 31°C ส่วน 7 มกราคม วันที่หนาวที่สุด ของปีนั้น อุณหภูมิอยู่ในช่วงตั้งแต่ -8°C ถึง -1°C

ตัวเลขข้างล่างแสดงให้คุณเห็นลักษณะโดยสรุปของอุณหภูมิเฉลี่ยรายชั่วโมงในฤดูใบไม้ผลิ แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน โดยมีสีแสดงอุณหภูมิเฉลี่ยสำหรับชั่วโมงและวันดังกล่าว

Hozat, ตุรกี (ห่างออกไป 10,680 กิโลเมตร)และGrecheskoye, รัสเซีย (10,233 กิโลเมตร) เป็นสถานที่ที่อยู่ไกลในต่างประเทศ โดยมีอุณหภูมิที่คล้ายคลึงกับ Mount Olympus มากที่สุด (ดูข้อมูลเปรียบเทียบ)

© OpenStreetMap contributors

เปรียบเทียบ Mount Olympus กับอีกเมืองหนึ่ง :

เปรียบเทียบแผนที่

ฤดูใบไม้ผลิใน Mount Olympus มีเมฆปกคลุม ลดลงอย่างรวดเร็วมาก โดยที่ร้อยละของเวลาที่ท้องฟ้ามืดครึ้ม หรือมีเมฆเป็นส่วนมากลดลงจาก 53% เป็น 36%

วันที่ท้องฟ้าแจ่มใสมากที่สุดในฤดูใบไม้ผลิ คือ 31 พฤษภาคม โดยที่ท้องฟ้า แจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือ มีเมฆบางส่วน ในอัตรา 64% ของเวลา

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันที่มีเมฆมากที่สุดของปี สภาพอากาศมีโอกาส 53% ที่จะมืดครึ้มหรือมีเมฆเป็นส่วนมาก ส่วนในวันที่ 18 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่แจ่มใสมากที่สุดของปี ท้องฟ้ามีโอกาส 79% ที่จะแจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือมีเมฆบางส่วน

วันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก หมายถึงวันที่มีหยาดน้ำฟ้าเป็นของเหลวหรือเทียบเท่าของเหลว ในปริมาณอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร ใน Mount Olympus วันที่ฝนจะตกในฤดูใบไม้ผลิ มีโอกาส อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ โดยยังคงอยู่ที่ 23% ตลอดฤดู

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง โอกาสที่จะมีตกรายวันสูงสุดของปีคือ 27% ในวันที่ 2 พฤษภาคม และโอกาสน้อยที่สุดคือ 8% ในวันที่ 29 มิถุนายน

ในฤดูใบไม้ผลิใน Mount Olympus โอกาสที่จะเป็นวันที่มี ฝนเท่านั้นเพิ่มขึ้น จาก 12% เป็น 20% โอกาสที่จะเป็นวันที่มี หิมะปนฝนลดลง จาก 7% เป็น 0% และโอกาสที่จะเป็นวันที่มี หิมะเท่านั้นลดลง จาก 4% เป็น 0%

ปริมาณน้ำฝน

เพื่อแสดงให้เห็นความแตกต่างภายในฤดูนั้น ๆ ไม่ใช่แค่ปริมาณทั้งหมดในแต่ละเดือน เราแสดงปริมาณน้ำฝนที่สะสมภายในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลังแต่ละวัน

ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลัง ระหว่างฤดูใบไม้ผลิใน Mount Olympus เพิ่มขึ้นช้า ๆ โดยในช่วงต้นฤดูอยู่ที่ 23 มิลลิเมตร ซึ่งมีน้อยมากที่เกิน 45 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า 7 มิลลิเมตร ส่วนในช่วงปลายฤดูอยู่ที่ 33 มิลลิเมตร ซึ่งมีน้อยมากที่เกิน 66 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า 10 มิลลิเมตร

ปริมาณสะสมใน 31 วันโดยเฉลี่ยสูงสุด เท่ากับ 42 มิลลิเมตร ในวันที่ 9 พฤษภาคม

ปริมาณหิมะ

เช่นเดียวกับปริมาณฝน เราพิจารณาปริมาณหิมะที่สะสมภายในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลังแต่ละวัน

ปริมาณหิมะเฉลี่ยตลอดช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลังแต่ละวันในฤดูใบไม้ผลิใน Mount Olympus ลดลงอย่างรวดเร็ว โดยในช่วงต้นฤดูอยู่ที่ 99 มิลลิเมตร น้อยมากที่เกิน 211 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า 12 มิลลิเมตร ส่วนในช่วงปลายฤดูอยู่ที่ 1 มิลลิเมตร น้อยมากที่เกิน 2 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า -0 มิลลิเมตร

ตลอดระยะเวลาของฤดูใบไม้ผลิใน Mount Olympus ความยาวของเวลากลางวันจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาก ตั้งแต่ต้นฤดูถึงสิ้นฤดู ความยาวของเวลากลางวันจะเพิ่มขึ้นไป 3 ชั่วโมง และ 34 นาที ซึ่งชี้ให้เห็นว่ามีการเพิ่มขึ้นรายวันโดยเฉลี่ยเท่ากับ 2 นาที และ 21 วินาที และมีการเพิ่มขึ้นรายสัปดาห์เท่ากับ 16 นาที และ 29 วินาที

วันที่สั้นที่สุดของฤดูใบไม้ผลิคือวันที่ 1 มีนาคม โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 11 ชั่วโมง และ 19 นาที ส่วนวันที่ยาวที่สุดคือวันที่ 31 พฤษภาคม โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 14 ชั่วโมง และ 53 นาที

เวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นช้าที่สุดในฤดูใบไม้ผลิใน Mount Olympus คือ 07:45 ในวันที่ 10 มีนาคม และพระอาทิตย์ขึ้นเร็วที่สุดคือ หลังจากนั้นอีก 1 ชั่วโมง และ 47 นาที ในเวลา 05:58 เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม

เวลาที่พระอาทิตย์ตกเร็วที่สุดคือ 18:19 เมื่อวันที่ 1 มีนาคม และเวลาที่พระอาทิตย์ตกช้าที่สุดคือ หลังจากนั้นอีก 2 ชั่วโมง และ 33 นาที ในเวลา 20:51 เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม

เวลาออมแสง (DST) สิ้นสุดลงในเวลา 03:00 ของวันที่ 10 มีนาคม 2567 ซึ่งปรับเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกให้เร็วขึ้นหนึ่งชั่วโมง

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 20 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันยาวนานที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 05:56 และตกในเวลาอีก 15 ชั่วโมง และ 6 นาที ต่อมาที่เวลา 21:01 ส่วนในวันที่ 21 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันสั้นที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 07:47 และตกในเวลาอีก 9 ชั่วโมง และ 15 นาที ต่อมาที่ 17:03

รูปด้านล่างแสดงภาพระดับความสูงของดวงอาทิตย์แบบย่อ (มุมของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า) และมุมทิศ (มุมที่ดวงอาทิตย์มุ่งหน้าไปบนเข็มทิศ) ในแต่ละชั่วโมงของแต่ละวันตลอดช่วงเวลาที่มีการรายงาน แกนนอนเป็นวันของปี ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ในวันใด ๆ และชั่วโมงของวันนั้น สีพื้นหลังแสดงถึงมุมทิศของดวงอาทิตย์ในขณะนั้น เส้นเท่าสีดำเป็นเส้นชั้นความสูงของระดับความสูงคงที่ของดวงอาทิตย์

ตัวเลขข้างล่างแสดงภาพรวมโดยย่อของข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับดวงจันทร์สำหรับฤดูใบไม้ผลิ ปี พ.ศ. 2567 แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ส่วนพื้นที่สีระบุเวลาที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า แถบแนวตั้งสีเทา (จันทร์ดับ) และแถบสีน้ำเงิน (จันทร์เต็มดวง) ระบุดิถีสำคัญของดวงจันทร์ ข้อมูลที่สัมพันธ์กับแต่ละแถบแสดงให้เห็นวันที่และเวลาที่ได้รับข้อมูลข้างขึ้นข้างแรม ส่วนข้อมูลเวลาที่อยู่ด้วยกันระบุเวลาที่ดวงจันทร์ขึ้นและตกสำหรับช่วงเวลาที่ใกล้ที่สุดที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า

เราตั้งค่าระดับความสบายต่อความชื้นที่จุดน้ำค้างเนื่องจากเป็นตัวกำหนดว่า เหงื่อจะระเหยออกจากผิวหนังเพื่อให้ร่างกายเย็นลงหรือไม่ จุดน้ำค้างที่ต่ำทำให้รู้สึกว่าแห้งกว่า ส่วนจุดน้ำค้างที่สูงขึ้นจะทำให้รู้สึกว่าชื้นมากกว่า สิ่งที่แตกต่างจากอุณหภูมิคือ โดยทั่วไปอุณหภูมิในตอนกลางคืนและกลางวันจะมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ จุดน้ำค้างมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงได้ช้ากว่า ดังนั้นขณะที่อุณหภูมิอาจลดลงในตอนกลางคืน แต่โดยทั่วไปแล้ว ช่วงกลางวันที่อบอ้าวจะตามด้วยช่วงกลางคืนที่อบอ้าวเช่นกัน

ใน Mount Olympus โอกาสที่วันใดวันหนึ่งจะมีอากาศร้อนอบอ้าวนั้นอยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญในช่วงฤดูใบไม้ผลิ โดยคงอยู่ที่ประมาณ 0% ตลอดทั้งฤดู

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 2 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวมากที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 0% ของเวลาทั้งหมด ส่วนในวันที่ 1 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวน้อยที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 0% ของเวลาทั้งหมด

เนื้อหาในส่วนนี้จะกล่าวถึงเวกเตอร์ (ความเร็วและทิศทาง) ลมเฉลี่ยรายชั่วโมงในพื้นที่กว้าง ที่ระดับ 10 เมตรเหนือพื้นดิน ลมที่ประสบในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งจะขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศเฉพาะแห่งและปัจจัยอื่น ๆ เป็นสำคัญ โดยที่ความเร็วและทิศทางลมเฉพาะขณะจะแตกต่างกันมากมากกว่าค่าเฉลี่ยรายชั่วโมง

ความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมงใน Mount Olympus จะอยู่ในระดับคงที่เป็นสำคัญ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ โดยคงอยู่ภายใน 0.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ของ 10.2 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตลอดฤดู

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 4 เมษายน ซึ่งเป็นวันที่ลมแรงที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 10.7 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนในวันที่ 21 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่ลมสงบมากที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 8.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ความเร็วลมเฉลี่ยสูงสุดรายวันในฤดูใบไม้ผลิ คือ 10.7 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในวันที่ 4 เมษายน

ทิศทางลมใน Mount Olympus ในช่วงฤดูใบไม้ผลิส่วนใหญ่มาจาก ทิศใต้ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ถึงวันที่ 25 มีนาคมและทิศตะวันตก ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม

คำจำกัดความของฤดูเพาะปลูกจะแตกต่างกันไปทั่วโลก แต่เพื่อวัตถุประสงค์ของรายงานนี้ เราให้นิยามไว้ว่า เป็นช่วงเวลาต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุดที่อุณหภูมิไม่ใช่จุดเยือกแข็ง (≥ 0°C) ในปีนั้น (ปีปฏิทินในซีกโลกเหนือ หรือตั้งแต่ 1 กรกฎาคม จนถึง 30 มิถุนายน ในซีกโลกใต้)

โดยทั่วไป ฤดูเพาะปลูก ใน Mount Olympus จะมีเวลานาน 5.2 เดือน (159 วัน) โดยเริ่มตั้งแต่ประมาณวันที่ 3 พฤษภาคม ถึงประมาณวันที่ 9 ตุลาคม น้อยครั้งมากที่จะเริ่มต้นก่อนวันที่ 15 เมษายน หรือหลังวันที่ 22 พฤษภาคม และน้อยครั้งมากที่จะสิ้นสุดก่อนวันที่ 22 กันยายน หรือหลังวันที่ 28 ตุลาคม

ในช่วงฤดูใบไม้ผลิใน Mount Olympus โอกาสที่วันใดวันหนึ่งอยู่ภายในช่วงฤดูกาลเพาะปลูกจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาก โดยเพิ่มขึ้นจาก 0% เป็น 98% ภายในฤดูนั้น

ค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกเป็นค่าการสะสมความร้อนรายปี ซึ่งใช้เพื่อทำนายพัฒนาการของพืชและสัตว์ และหมายถึงค่าอินทิกรัลความอุ่นเหนืออุณหภูมิพื้นฐาน โดยไม่คำนึงถึงส่วนเกินใด ๆ ที่สูงกว่าอุณหภูมิสูงสุด ในรายงานนี้ เราใช้ค่าพื้นฐานเท่ากับ 10°C และค่าสูงสุดเท่ากับ 30°C

จำนวนวันที่มีค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกโดยเฉลี่ยใน Mount Olympus จะเพิ่มขึ้นระหว่างฤดูใบไม้ผลิ โดยเพิ่มขึ้น 188°C จาก 1°C เป็น 189°C ภายในช่วงฤดูนั้น

หัวข้อนี้จะอธิบายเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบรายวันทั้งหมดที่ตกกระทบพื้นผิวดินเป็นบริเวณกว้าง โดยพิจารณาถึงความผันแปรตามฤดูกาลในด้านช่วงแสงในแต่ละวัน ระดับความสูงของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า และการดูดกลืนแสงโดยเมฆและองค์ประกอบอื่นในชั้นบรรยากาศ รังสีคลื่นสั้นครอบคลุมถึงแสงที่มองเห็นได้และรังสีอัลตราไวโอเลต

พลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวันใน Mount Olympus จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมากในช่วงฤดูใบไม้ผลิ โดยเพิ่มขึ้น 3.6 กว.-ชม. จาก 4.1 กว.-ชม. เป็น 7.7 กว.-ชม. ภายในฤดูนั้น

เพื่อให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ของรายงานฉบับนี้ พิกัดภูมิศาสตร์ของ Mount Olympus คือละติจูดที่ 40.686° ลองจิจูดที่ -111.789° และระดับความสูง 1,559 ม.

ภูมิประเทศภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ Mount Olympus มีระดับความสูงที่แตกต่างกัน อย่างยิ่ง โดยที่ระดับความสูงมีการเปลี่ยนแปลงสูงสุด 1,213 เมตร และความสูงเหนือระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยเท่ากับ 1,701 เมตร ภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ยังมีระดับความสูงที่แตกต่างกันมากอย่างยิ่งเช่นกัน (2,144 เมตร) ภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ยังมีระดับความสูงที่แตกต่างกันมากอย่างยิ่งเช่นกัน (2,493 เมตร)

พื้นที่ภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ Mount Olympus ปกคลุมไปด้วย พื้นผิวเทียม (42%) ต้นไม้ (35%) และพุ่มไม้ (20%) ส่วนภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย ต้นไม้ (35%)และพื้นผิวเทียม (35%) และภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย พุ่มไม้ (41%)และต้นไม้ (25%)