สภาพอากาศในฤดูใบไม้ร่วงใน ประเทศมัลดีฟส์ มัลดีฟส์

อุณหภูมิสูงรายวันอยู่ที่ประมาณ 30°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า 29°C หรือสูงกว่า 31°C

อุณหภูมิต่ำรายวันอยู่ที่ประมาณ 27°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า 25°C หรือสูงกว่า 28°C

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 8 เมษายน วันที่ร้อนที่สุด ของปี อุณหภูมิ ใน ประเทศมัลดีฟส์ โดยทั่วไปอยู่ในช่วงตั้งแต่ 28°C ถึง 31°C ส่วน 4 ธันวาคม วันที่หนาวที่สุด ของปีนั้น อุณหภูมิอยู่ในช่วงตั้งแต่ 26°C ถึง 30°C

ตัวเลขข้างล่างแสดงให้คุณเห็นลักษณะโดยสรุปของอุณหภูมิเฉลี่ยรายชั่วโมงในฤดูใบไม้ร่วง แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน โดยมีสีแสดงอุณหภูมิเฉลี่ยสำหรับชั่วโมงและวันดังกล่าว

© OpenStreetMap contributors

เปรียบเทียบ ประเทศมัลดีฟส์ กับอีกเมืองหนึ่ง :

เปรียบเทียบแผนที่

ฤดูใบไม้ร่วงใน ประเทศมัลดีฟส์ มีเมฆปกคลุม ลดลงอย่างรวดเร็ว โดยที่ร้อยละของเวลาที่ท้องฟ้ามืดครึ้ม หรือมีเมฆเป็นส่วนมากลดลงจาก 83% เป็น 71%

วันที่ท้องฟ้าแจ่มใสมากที่สุดในฤดูใบไม้ร่วง คือ 30 พฤศจิกายน โดยที่ท้องฟ้า แจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือ มีเมฆบางส่วน ในอัตรา 29% ของเวลา

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 2 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่มีเมฆมากที่สุดของปี สภาพอากาศมีโอกาส 88% ที่จะมืดครึ้มหรือมีเมฆเป็นส่วนมาก ส่วนในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันที่แจ่มใสมากที่สุดของปี ท้องฟ้ามีโอกาส 43% ที่จะแจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือมีเมฆบางส่วน

วันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก หมายถึงวันที่มีหยาดน้ำฟ้าเป็นของเหลวหรือเทียบเท่าของเหลว ในปริมาณอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร ใน ประเทศมัลดีฟส์ วันที่ฝนจะตกในฤดูใบไม้ร่วง มีโอกาส ลดลงอย่างรวดเร็ว โดยในช่วงต้นฤดูมีโอกาส 52% ส่วนช่วงปลายฤดูมีโอกาส 46%

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง โอกาสที่จะมีตกรายวันสูงสุดของปีคือ 54% ในวันที่ 30 พฤษภาคม และโอกาสน้อยที่สุดคือ 9% ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์

ปริมาณน้ำฝน

เพื่อแสดงให้เห็นความแตกต่างภายในฤดูนั้น ๆ ไม่ใช่แค่ปริมาณทั้งหมดในแต่ละเดือน เราแสดงปริมาณน้ำฝนที่สะสมภายในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลังแต่ละวัน

ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลัง ระหว่างฤดูใบไม้ร่วงใน ประเทศมัลดีฟส์ เพิ่มขึ้นช้า ๆ โดยในช่วงต้นฤดูอยู่ที่ 144 มิลลิเมตร ซึ่งมีน้อยมากที่เกิน 249 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า 49 มิลลิเมตร ส่วนในช่วงปลายฤดูอยู่ที่ 152 มิลลิเมตร ซึ่งมีน้อยมากที่เกิน 268 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า 41 มิลลิเมตร

ปริมาณสะสมใน 31 วันโดยเฉลี่ยสูงสุด เท่ากับ 153 มิลลิเมตร ในวันที่ 24 พฤศจิกายน

ตลอดระยะเวลาของฤดูใบไม้ร่วงใน ประเทศมัลดีฟส์ ความยาวของเวลากลางวันจะอยู่ในระดับคงที่เป็นสำคัญ วันที่สั้นที่สุดของฤดูใบไม้ร่วงคือวันที่ 30 พฤศจิกายน โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 11 ชั่วโมง และ 57 นาที ส่วนวันที่ยาวที่สุดคือวันที่ 1 กันยายน โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 12 ชั่วโมง และ 10 นาที

เวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นช้าที่สุดในฤดูใบไม้ร่วงใน ประเทศมัลดีฟส์ คือ 06:02 ในวันที่ 1 กันยายน และพระอาทิตย์ขึ้นเร็วที่สุดคือ หลังจากนั้นอีก 11 นาที ในเวลา 05:51 เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม

เวลาที่พระอาทิตย์ตกช้าที่สุดคือ 18:13 เมื่อวันที่ 1 กันยายน และเวลาที่พระอาทิตย์ตกเร็วที่สุดคือ หลังจากนั้นอีก 22 นาที ในเวลา 17:51 เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน

ไม่มีการใช้เวลาออมแสง ใน ประเทศมัลดีฟส์ ระหว่างปี พ.ศ. 2567

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 20 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันยาวนานที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 06:00 และตกในเวลาอีก 12 ชั่วโมง และ 18 นาที ต่อมาที่เวลา 18:18 ส่วนในวันที่ 21 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันสั้นที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 06:08 และตกในเวลาอีก 11 ชั่วโมง และ 56 นาที ต่อมาที่ 18:04

รูปด้านล่างแสดงภาพระดับความสูงของดวงอาทิตย์แบบย่อ (มุมของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า) และมุมทิศ (มุมที่ดวงอาทิตย์มุ่งหน้าไปบนเข็มทิศ) ในแต่ละชั่วโมงของแต่ละวันตลอดช่วงเวลาที่มีการรายงาน แกนนอนเป็นวันของปี ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ในวันใด ๆ และชั่วโมงของวันนั้น สีพื้นหลังแสดงถึงมุมทิศของดวงอาทิตย์ในขณะนั้น เส้นเท่าสีดำเป็นเส้นชั้นความสูงของระดับความสูงคงที่ของดวงอาทิตย์

ตัวเลขข้างล่างแสดงภาพรวมโดยย่อของข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับดวงจันทร์สำหรับฤดูใบไม้ร่วง ปี พ.ศ. 2567 แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ส่วนพื้นที่สีระบุเวลาที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า แถบแนวตั้งสีเทา (จันทร์ดับ) และแถบสีน้ำเงิน (จันทร์เต็มดวง) ระบุดิถีสำคัญของดวงจันทร์ ข้อมูลที่สัมพันธ์กับแต่ละแถบแสดงให้เห็นวันที่และเวลาที่ได้รับข้อมูลข้างขึ้นข้างแรม ส่วนข้อมูลเวลาที่อยู่ด้วยกันระบุเวลาที่ดวงจันทร์ขึ้นและตกสำหรับช่วงเวลาที่ใกล้ที่สุดที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า

เราตั้งค่าระดับความสบายต่อความชื้นที่จุดน้ำค้างเนื่องจากเป็นตัวกำหนดว่า เหงื่อจะระเหยออกจากผิวหนังเพื่อให้ร่างกายเย็นลงหรือไม่ จุดน้ำค้างที่ต่ำทำให้รู้สึกว่าแห้งกว่า ส่วนจุดน้ำค้างที่สูงขึ้นจะทำให้รู้สึกว่าชื้นมากกว่า สิ่งที่แตกต่างจากอุณหภูมิคือ โดยทั่วไปอุณหภูมิในตอนกลางคืนและกลางวันจะมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ จุดน้ำค้างมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงได้ช้ากว่า ดังนั้นขณะที่อุณหภูมิอาจลดลงในตอนกลางคืน แต่โดยทั่วไปแล้ว ช่วงกลางวันที่อบอ้าวจะตามด้วยช่วงกลางคืนที่อบอ้าวเช่นกัน

ใน ประเทศมัลดีฟส์ โอกาสที่วันใดวันหนึ่งจะมีอากาศร้อนอบอ้าวนั้นอยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญในช่วงฤดูใบไม้ร่วง โดยคงอยู่ที่ประมาณ 100% ตลอดทั้งฤดู

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 18 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวมากที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 100% ของเวลาทั้งหมด ส่วนในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวน้อยที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 100% ของเวลาทั้งหมด

เนื้อหาในส่วนนี้จะกล่าวถึงเวกเตอร์ (ความเร็วและทิศทาง) ลมเฉลี่ยรายชั่วโมงในพื้นที่กว้าง ที่ระดับ 10 เมตรเหนือพื้นดิน ลมที่ประสบในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งจะขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศเฉพาะแห่งและปัจจัยอื่น ๆ เป็นสำคัญ โดยที่ความเร็วและทิศทางลมเฉพาะขณะจะแตกต่างกันมากมากกว่าค่าเฉลี่ยรายชั่วโมง

ความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมงใน ประเทศมัลดีฟส์ จะลดลง ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง โดยลดลงจาก 17.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 14.4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในช่วงฤดูกาลนั้น

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 31 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันที่ลมแรงที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 21.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนในวันที่ 27 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่ลมสงบมากที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 10.9 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ความเร็วลมเฉลี่ยสูงสุดรายวันในฤดูใบไม้ร่วง คือ 19.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในวันที่ 24 กันยายน ความเร็วลมเฉลี่ยต่ำสุดรายวันในฤดูใบไม้ร่วง คือ 14.0 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในวันที่ 24 พฤศจิกายน

ทิศทางลมใน ประเทศมัลดีฟส์ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงส่วนใหญ่มาจาก ทิศตะวันตก ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน ถึงวันที่ 28 พฤศจิกายนและทิศตะวันออก ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน

ประเทศมัลดีฟส์ ตั้งอยู่ใกล้แหล่งน้ำขนาดใหญ่ (เช่น มหาสมุทร ทะเล หรือทะเลสาบขนาดใหญ่) เนื้อหาในส่วนนี้จะรายงานเกี่ยวกับอุณหภูมิน้ำผิวดินในพื้นที่กว้างโดยเฉลี่ยของแหล่งน้ำนั้น

อุณหภูมิน้ำผิวดินเฉลี่ยใน ประเทศมัลดีฟส์ อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญในช่วงฤดูใบไม้ร่วง โดยคงอยู่ที่ประมาณ 29°C ตลอดฤดู

คำจำกัดความของฤดูเพาะปลูกจะแตกต่างกันไปทั่วโลก แต่เพื่อวัตถุประสงค์ของรายงานนี้ เราให้นิยามไว้ว่า เป็นช่วงเวลาต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุดที่อุณหภูมิไม่ใช่จุดเยือกแข็ง (≥ 0°C) ในปีนั้น (ปีปฏิทินในซีกโลกเหนือ หรือตั้งแต่ 1 กรกฎาคม จนถึง 30 มิถุนายน ในซีกโลกใต้)

อุณหภูมิ ใน ประเทศมัลดีฟส์ มีอากาศอบอุ่นเพียงพอตลอดทั้งปี จึงไม่มีความหมายแต่ประการใดที่จะกล่าวถึงฤดูเพาะปลูกด้วยเงื่อนไขเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม เราได้แสดงแผนภูมิไว้ด้านล่างเพื่อให้เห็นการกระจายของอุณหภูมิที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปี

ค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกเป็นค่าการสะสมความร้อนรายปี ซึ่งใช้เพื่อทำนายพัฒนาการของพืชและสัตว์ และหมายถึงค่าอินทิกรัลความอุ่นเหนืออุณหภูมิพื้นฐาน โดยไม่คำนึงถึงส่วนเกินใด ๆ ที่สูงกว่าอุณหภูมิสูงสุด ในรายงานนี้ เราใช้ค่าพื้นฐานเท่ากับ 10°C และค่าสูงสุดเท่ากับ 30°C

จำนวนวันที่มีค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกโดยเฉลี่ยใน ประเทศมัลดีฟส์ จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมากระหว่างฤดูใบไม้ร่วง โดยเพิ่มขึ้น 1,640°C จาก 4,552°C เป็น 6,192°C ภายในช่วงฤดูนั้น

หัวข้อนี้จะอธิบายเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบรายวันทั้งหมดที่ตกกระทบพื้นผิวดินเป็นบริเวณกว้าง โดยพิจารณาถึงความผันแปรตามฤดูกาลในด้านช่วงแสงในแต่ละวัน ระดับความสูงของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า และการดูดกลืนแสงโดยเมฆและองค์ประกอบอื่นในชั้นบรรยากาศ รังสีคลื่นสั้นครอบคลุมถึงแสงที่มองเห็นได้และรังสีอัลตราไวโอเลต

พลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวันใน ประเทศมัลดีฟส์ จะอยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญในช่วงฤดูใบไม้ร่วง โดยคงอยู่ภายใน 0.2 กว.-ชม. ของ 4.9 กว.-ชม. ตลอดฤดู

เพื่อให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ของรายงานฉบับนี้ พิกัดภูมิศาสตร์ของ ประเทศมัลดีฟส์ คือละติจูดที่ 3.200° ลองจิจูดที่ 73.000° และระดับความสูง 4 ม.

ภูมิประเทศภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ ประเทศมัลดีฟส์ มี ลักษณะราบเรียบเป็นสำคัญ โดยที่ระดับความสูงมีการเปลี่ยนแปลงสูงสุด 0 เมตร และความสูงเหนือระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยเท่ากับ 0 เมตร ภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ก็มีลักษณะราบเรียบเป็นสำคัญ (0 เมตร) เช่นกัน ภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ก็มีลักษณะราบเรียบเป็นสำคัญ (0 เมตร) เช่นกัน

พื้นที่ภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ ประเทศมัลดีฟส์ ปกคลุมไปด้วย น้ำ (100%) ส่วนภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย น้ำ (100%) และภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย น้ำ (100%)