สภาพอากาศในฤดูใบไม้ร่วงใน หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา

อุณหภูมิสูงรายวันอยู่ที่ประมาณ 30°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า 29°C หรือสูงกว่า 32°C อุณหภูมิสูงเฉลี่ยรายวันสูงสุดคือ 30°C ในวันที่ 10 กันยายน

อุณหภูมิต่ำรายวันอยู่ที่ประมาณ 26°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า 24°C หรือสูงกว่า 27°C อุณหภูมิต่ำเฉลี่ยรายวันสูงสุดคือ 26°C ในวันที่ 18 พฤศจิกายน

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 12 มิถุนายน วันที่ร้อนที่สุด ของปี อุณหภูมิ ใน หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา โดยทั่วไปอยู่ในช่วงตั้งแต่ 26°C ถึง 31°C ส่วน 18 กุมภาพันธ์ วันที่หนาวที่สุด ของปีนั้น อุณหภูมิอยู่ในช่วงตั้งแต่ 24°C ถึง 29°C

ตัวเลขข้างล่างแสดงให้คุณเห็นลักษณะโดยสรุปของอุณหภูมิเฉลี่ยรายชั่วโมงในฤดูใบไม้ร่วง แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน โดยมีสีแสดงอุณหภูมิเฉลี่ยสำหรับชั่วโมงและวันดังกล่าว

© OpenStreetMap contributors

เปรียบเทียบ หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา กับอีกเมืองหนึ่ง :

เปรียบเทียบแผนที่

ฤดูใบไม้ร่วงใน หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา มีเมฆปกคลุม ลดลงอย่างรวดเร็วมาก โดยที่ร้อยละของเวลาที่ท้องฟ้ามืดครึ้ม หรือมีเมฆเป็นส่วนมากลดลงจาก 90% เป็น 57%

วันที่ท้องฟ้าแจ่มใสมากที่สุดในฤดูใบไม้ร่วง คือ 30 พฤศจิกายน โดยที่ท้องฟ้า แจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือ มีเมฆบางส่วน ในอัตรา 43% ของเวลา

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 13 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่มีเมฆมากที่สุดของปี สภาพอากาศมีโอกาส 92% ที่จะมืดครึ้มหรือมีเมฆเป็นส่วนมาก ส่วนในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันที่แจ่มใสมากที่สุดของปี ท้องฟ้ามีโอกาส 53% ที่จะแจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือมีเมฆบางส่วน

วันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก หมายถึงวันที่มีหยาดน้ำฟ้าเป็นของเหลวหรือเทียบเท่าของเหลว ในปริมาณอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร ใน หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา วันที่ฝนจะตกในฤดูใบไม้ร่วง มีโอกาส ลดลงอย่างรวดเร็วมาก โดยในช่วงต้นฤดูมีโอกาส 60% ส่วนช่วงปลายฤดูมีโอกาส 19%

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง โอกาสที่จะมีตกรายวันสูงสุดของปีคือ 62% ในวันที่ 22 กันยายน และโอกาสน้อยที่สุดคือ 3% ในวันที่ 21 มีนาคม

ปริมาณน้ำฝน

เพื่อแสดงให้เห็นความแตกต่างภายในฤดูนั้น ๆ ไม่ใช่แค่ปริมาณทั้งหมดในแต่ละเดือน เราแสดงปริมาณน้ำฝนที่สะสมภายในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลังแต่ละวัน

ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลัง ระหว่างฤดูใบไม้ร่วงใน หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา ลดลงอย่างรวดเร็วมาก โดยในช่วงต้นฤดูอยู่ที่ 218 มิลลิเมตร ซึ่งมีน้อยมากที่เกิน 380 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า 78 มิลลิเมตร ส่วนในช่วงปลายฤดูอยู่ที่ 54 มิลลิเมตร ซึ่งมีน้อยมากที่เกิน 133 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า 1 มิลลิเมตร

ตลอดระยะเวลาของฤดูใบไม้ร่วงใน หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา ความยาวของเวลากลางวันจะลดลงอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ต้นฤดูถึงสิ้นฤดู ความยาวของเวลากลางวันจะลดลงไป 1 ชั่วโมง และ 7 นาที ซึ่งชี้ให้เห็นว่ามีการลดลงรายวันโดยเฉลี่ยเท่ากับ 44 วินาที และมีการลดลงรายสัปดาห์เท่ากับ 5 นาที และ 11 วินาที

วันที่สั้นที่สุดของฤดูใบไม้ร่วงคือวันที่ 30 พฤศจิกายน โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 11 ชั่วโมง และ 18 นาที ส่วนวันที่ยาวที่สุดคือวันที่ 1 กันยายน โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 12 ชั่วโมง และ 25 นาที

เวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นเร็วที่สุดของฤดูใบไม้ร่วงใน หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา คือเวลา 06:04 ในวันที่ 1 กันยายน และพระอาทิตย์ขึ้นช้าที่สุดคือหลังจากนั้นอีก 22 นาที ในเวลา 06:26 ของวันที่ 30 พฤศจิกายน

เวลาที่พระอาทิตย์ตกช้าที่สุดคือ 18:29 เมื่อวันที่ 1 กันยายน และเวลาที่พระอาทิตย์ตกเร็วที่สุดคือ หลังจากนั้นอีก 45 นาที ในเวลา 17:43 เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน

ไม่มีการใช้เวลาออมแสง ใน หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา ระหว่างปี พ.ศ. 2567

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 20 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันยาวนานที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 05:47 และตกในเวลาอีก 13 ชั่วโมง และ 2 นาที ต่อมาที่เวลา 18:49 ส่วนในวันที่ 21 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันสั้นที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 06:38 และตกในเวลาอีก 11 ชั่วโมง และ 14 นาที ต่อมาที่ 17:51

รูปด้านล่างแสดงภาพระดับความสูงของดวงอาทิตย์แบบย่อ (มุมของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า) และมุมทิศ (มุมที่ดวงอาทิตย์มุ่งหน้าไปบนเข็มทิศ) ในแต่ละชั่วโมงของแต่ละวันตลอดช่วงเวลาที่มีการรายงาน แกนนอนเป็นวันของปี ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ในวันใด ๆ และชั่วโมงของวันนั้น สีพื้นหลังแสดงถึงมุมทิศของดวงอาทิตย์ในขณะนั้น เส้นเท่าสีดำเป็นเส้นชั้นความสูงของระดับความสูงคงที่ของดวงอาทิตย์

ตัวเลขข้างล่างแสดงภาพรวมโดยย่อของข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับดวงจันทร์สำหรับฤดูใบไม้ร่วง ปี พ.ศ. 2567 แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ส่วนพื้นที่สีระบุเวลาที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า แถบแนวตั้งสีเทา (จันทร์ดับ) และแถบสีน้ำเงิน (จันทร์เต็มดวง) ระบุดิถีสำคัญของดวงจันทร์ ข้อมูลที่สัมพันธ์กับแต่ละแถบแสดงให้เห็นวันที่และเวลาที่ได้รับข้อมูลข้างขึ้นข้างแรม ส่วนข้อมูลเวลาที่อยู่ด้วยกันระบุเวลาที่ดวงจันทร์ขึ้นและตกสำหรับช่วงเวลาที่ใกล้ที่สุดที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า

เราตั้งค่าระดับความสบายต่อความชื้นที่จุดน้ำค้างเนื่องจากเป็นตัวกำหนดว่า เหงื่อจะระเหยออกจากผิวหนังเพื่อให้ร่างกายเย็นลงหรือไม่ จุดน้ำค้างที่ต่ำทำให้รู้สึกว่าแห้งกว่า ส่วนจุดน้ำค้างที่สูงขึ้นจะทำให้รู้สึกว่าชื้นมากกว่า สิ่งที่แตกต่างจากอุณหภูมิคือ โดยทั่วไปอุณหภูมิในตอนกลางคืนและกลางวันจะมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ จุดน้ำค้างมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงได้ช้ากว่า ดังนั้นขณะที่อุณหภูมิอาจลดลงในตอนกลางคืน แต่โดยทั่วไปแล้ว ช่วงกลางวันที่อบอ้าวจะตามด้วยช่วงกลางคืนที่อบอ้าวเช่นกัน

ใน หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา โอกาสที่วันใดวันหนึ่งจะมีอากาศร้อนอบอ้าวนั้นอยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญในช่วงฤดูใบไม้ร่วง โดยคงอยู่ที่ประมาณ 100% ตลอดทั้งฤดู

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 30 เมษายน ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวมากที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 100% ของเวลาทั้งหมด ส่วนในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวน้อยที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 96% ของเวลาทั้งหมด

เนื้อหาในส่วนนี้จะกล่าวถึงเวกเตอร์ (ความเร็วและทิศทาง) ลมเฉลี่ยรายชั่วโมงในพื้นที่กว้าง ที่ระดับ 10 เมตรเหนือพื้นดิน ลมที่ประสบในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งจะขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศเฉพาะแห่งและปัจจัยอื่น ๆ เป็นสำคัญ โดยที่ความเร็วและทิศทางลมเฉพาะขณะจะแตกต่างกันมากมากกว่าค่าเฉลี่ยรายชั่วโมง

ความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมงใน หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาก ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง โดยเพิ่มขึ้นจาก 18.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 27.7 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในช่วงฤดูกาลนั้น

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 7 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่ลมแรงที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 28.0 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนในวันที่ 7 กันยายน ซึ่งเป็นวันที่ลมสงบมากที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 18.1 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ความเร็วลมเฉลี่ยต่ำสุดรายวันในฤดูใบไม้ร่วง คือ 18.1 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในวันที่ 7 กันยายน

ทิศทางลมเฉลี่ยรายชั่วโมงใน หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา ตลอดฤดูใบไม้ร่วงส่วนใหญ่คือ จากทิศตะวันออก โดยมีสัดส่วนสูงสุดเท่ากับ 94% ในวันที่ 28 พฤศจิกายน

หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา ตั้งอยู่ใกล้แหล่งน้ำขนาดใหญ่ (เช่น มหาสมุทร ทะเล หรือทะเลสาบขนาดใหญ่) เนื้อหาในส่วนนี้จะรายงานเกี่ยวกับอุณหภูมิน้ำผิวดินในพื้นที่กว้างโดยเฉลี่ยของแหล่งน้ำนั้น

อุณหภูมิน้ำผิวดินเฉลี่ยใน หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญในช่วงฤดูใบไม้ร่วง โดยคงอยู่ที่ประมาณ 29°C ตลอดฤดู

คำจำกัดความของฤดูเพาะปลูกจะแตกต่างกันไปทั่วโลก แต่เพื่อวัตถุประสงค์ของรายงานนี้ เราให้นิยามไว้ว่า เป็นช่วงเวลาต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุดที่อุณหภูมิไม่ใช่จุดเยือกแข็ง (≥ 0°C) ในปีนั้น (ปีปฏิทินในซีกโลกเหนือ หรือตั้งแต่ 1 กรกฎาคม จนถึง 30 มิถุนายน ในซีกโลกใต้)

อุณหภูมิ ใน หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา มีอากาศอบอุ่นเพียงพอตลอดทั้งปี จึงไม่มีความหมายแต่ประการใดที่จะกล่าวถึงฤดูเพาะปลูกด้วยเงื่อนไขเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม เราได้แสดงแผนภูมิไว้ด้านล่างเพื่อให้เห็นการกระจายของอุณหภูมิที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปี

ค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกเป็นค่าการสะสมความร้อนรายปี ซึ่งใช้เพื่อทำนายพัฒนาการของพืชและสัตว์ และหมายถึงค่าอินทิกรัลความอุ่นเหนืออุณหภูมิพื้นฐาน โดยไม่คำนึงถึงส่วนเกินใด ๆ ที่สูงกว่าอุณหภูมิสูงสุด ในรายงานนี้ เราใช้ค่าพื้นฐานเท่ากับ 10°C และค่าสูงสุดเท่ากับ 30°C

จำนวนวันที่มีค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกโดยเฉลี่ยใน หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมากระหว่างฤดูใบไม้ร่วง โดยเพิ่มขึ้น 1,584°C จาก 4,196°C เป็น 5,780°C ภายในช่วงฤดูนั้น

หัวข้อนี้จะอธิบายเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบรายวันทั้งหมดที่ตกกระทบพื้นผิวดินเป็นบริเวณกว้าง โดยพิจารณาถึงความผันแปรตามฤดูกาลในด้านช่วงแสงในแต่ละวัน ระดับความสูงของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า และการดูดกลืนแสงโดยเมฆและองค์ประกอบอื่นในชั้นบรรยากาศ รังสีคลื่นสั้นครอบคลุมถึงแสงที่มองเห็นได้และรังสีอัลตราไวโอเลต

พลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวันใน หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา จะเพิ่มขึ้นช้า ๆในช่วงฤดูใบไม้ร่วง โดยเพิ่มขึ้น 0.8 กว.-ชม. จาก 4.0 กว.-ชม. เป็น 4.9 กว.-ชม. ภายในฤดูนั้น

เพื่อให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ของรายงานฉบับนี้ พิกัดภูมิศาสตร์ของ หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา คือละติจูดที่ 15.214° ลองจิจูดที่ 145.756° และระดับความสูง 0 ม.

ภูมิประเทศภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา มี ลักษณะราบเรียบเป็นสำคัญ โดยที่ระดับความสูงมีการเปลี่ยนแปลงสูงสุด 0 เมตร และความสูงเหนือระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยเท่ากับ 0 เมตร ภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ก็มีลักษณะราบเรียบเป็นสำคัญ (0 เมตร) เช่นกัน ภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ก็มีลักษณะราบเรียบเป็นสำคัญ (0 เมตร) เช่นกัน

พื้นที่ภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา ปกคลุมไปด้วย พื้นที่เพาะปลูก (79%)และต้นไม้ (14%) ส่วนภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย น้ำ (89%) และภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย น้ำ (99%)