สภาพอากาศในฤดูใบไม้ผลิใน ประเทศโมนาโก โมนาโกอุณหภูมิสูงรายวัน เพิ่มขึ้น ไป 8°C จาก 14°C เป็น 22°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า 11°C หรือสูงกว่า 26°C อุณหภูมิต่ำรายวัน เพิ่มขึ้น ไป 9°C จาก 7°C เป็น 16°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า 4°C หรือสูงกว่า 19°C สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 6 สิงหาคม วันที่ร้อนที่สุด ของปี อุณหภูมิ ใน ประเทศโมนาโก โดยทั่วไปอยู่ในช่วงตั้งแต่ 21°C ถึง 28°C ส่วน 12 มกราคม วันที่หนาวที่สุด ของปีนั้น อุณหภูมิอยู่ในช่วงตั้งแต่ 5°C ถึง 13°C ตัวเลขข้างล่างแสดงให้คุณเห็นลักษณะโดยสรุปของอุณหภูมิเฉลี่ยรายชั่วโมงในฤดูใบไม้ผลิ แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน โดยมีสีแสดงอุณหภูมิเฉลี่ยสำหรับชั่วโมงและวันดังกล่าว เมฆฤดูใบไม้ผลิใน ประเทศโมนาโก มีเมฆปกคลุม อยู่ในระดับคงที่เป็นสำคัญ โดยที่ร้อยละของเวลาที่ท้องฟ้ามืดครึ้ม หรือมีเมฆเป็นส่วนมากยังคงอยู่ที่ประมาณ 43% ตลอดทั้งฤดู โอกาสสูงสุดที่ท้องฟ้าจะ มืดครึ้ม หรือ มีเมฆเป็นส่วนมาก ในวันที่ 7 พฤษภาคม คือ 47% วันที่ท้องฟ้าแจ่มใสมากที่สุดในฤดูใบไม้ผลิ คือ 31 พฤษภาคม โดยที่ท้องฟ้า แจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือ มีเมฆบางส่วน ในอัตรา 61% ของเวลา สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 20 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันที่มีเมฆมากที่สุดของปี สภาพอากาศมีโอกาส 48% ที่จะมืดครึ้มหรือมีเมฆเป็นส่วนมาก ส่วนในวันที่ 20 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่แจ่มใสมากที่สุดของปี ท้องฟ้ามีโอกาส 82% ที่จะแจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือมีเมฆบางส่วน หยาดน้ำฟ้าวันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก หมายถึงวันที่มีหยาดน้ำฟ้าเป็นของเหลวหรือเทียบเท่าของเหลว ในปริมาณอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร ใน ประเทศโมนาโก วันที่ฝนจะตกในฤดูใบไม้ผลิ มีโอกาส อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ โดยยังคงอยู่ที่ 18% ตลอดฤดู สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง โอกาสที่จะมีตกรายวันสูงสุดของปีคือ 25% ในวันที่ 17 พฤศจิกายน และโอกาสน้อยที่สุดคือ 6% ในวันที่ 14 กรกฎาคม ปริมาณน้ำฝนเพื่อแสดงให้เห็นความแตกต่างภายในฤดูนั้น ๆ ไม่ใช่แค่ปริมาณทั้งหมดในแต่ละเดือน เราแสดงปริมาณน้ำฝนที่สะสมภายในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลังแต่ละวัน ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลัง ระหว่างฤดูใบไม้ผลิใน ประเทศโมนาโก ลดลงช้า ๆ โดยในช่วงต้นฤดูอยู่ที่ 38 มิลลิเมตร ซึ่งมีน้อยมากที่เกิน 86 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า 3 มิลลิเมตร ส่วนในช่วงปลายฤดูอยู่ที่ 31 มิลลิเมตร ซึ่งมีน้อยมากที่เกิน 66 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า 5 มิลลิเมตร ปริมาณสะสมใน 31 วันโดยเฉลี่ยสูงสุด เท่ากับ 50 มิลลิเมตร ในวันที่ 24 เมษายน ดวงอาทิตย์ตลอดระยะเวลาของฤดูใบไม้ผลิใน ประเทศโมนาโก ความยาวของเวลากลางวันจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาก ตั้งแต่ต้นฤดูถึงสิ้นฤดู ความยาวของเวลากลางวันจะเพิ่มขึ้นไป 4 ชั่วโมง และ 0 นาที ซึ่งชี้ให้เห็นว่ามีการเพิ่มขึ้นรายวันโดยเฉลี่ยเท่ากับ 2 นาที และ 38 วินาที และมีการเพิ่มขึ้นรายสัปดาห์เท่ากับ 18 นาที และ 28 วินาที วันที่สั้นที่สุดของฤดูใบไม้ผลิคือวันที่ 1 มีนาคม โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 11 ชั่วโมง และ 13 นาที ส่วนวันที่ยาวที่สุดคือวันที่ 31 พฤษภาคม โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 15 ชั่วโมง และ 13 นาที เวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นช้าที่สุดในฤดูใบไม้ผลิใน ประเทศโมนาโก คือ 07:13 ในวันที่ 31 มีนาคม และพระอาทิตย์ขึ้นเร็วที่สุดคือ หลังจากนั้นอีก 1 ชั่วโมง และ 21 นาที ในเวลา 05:51 เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม เวลาที่พระอาทิตย์ตกเร็วที่สุดคือ 18:19 เมื่อวันที่ 1 มีนาคม และเวลาที่พระอาทิตย์ตกช้าที่สุดคือ หลังจากนั้นอีก 2 ชั่วโมง และ 45 นาที ในเวลา 21:04 เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม เวลาออมแสง (DST) สิ้นสุดลงในเวลา 03:00 ของวันที่ 31 มีนาคม 2567 ซึ่งปรับเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกให้เร็วขึ้นหนึ่งชั่วโมง สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 20 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันยาวนานที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 05:48 และตกในเวลาอีก 15 ชั่วโมง และ 27 นาที ต่อมาที่เวลา 21:15 ส่วนในวันที่ 21 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันสั้นที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 08:01 และตกในเวลาอีก 8 ชั่วโมง และ 55 นาที ต่อมาที่ 16:56 รูปด้านล่างแสดงภาพระดับความสูงของดวงอาทิตย์แบบย่อ (มุมของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า) และมุมทิศ (มุมที่ดวงอาทิตย์มุ่งหน้าไปบนเข็มทิศ) ในแต่ละชั่วโมงของแต่ละวันตลอดช่วงเวลาที่มีการรายงาน แกนนอนเป็นวันของปี ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ในวันใด ๆ และชั่วโมงของวันนั้น สีพื้นหลังแสดงถึงมุมทิศของดวงอาทิตย์ในขณะนั้น เส้นเท่าสีดำเป็นเส้นชั้นความสูงของระดับความสูงคงที่ของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ตัวเลขข้างล่างแสดงภาพรวมโดยย่อของข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับดวงจันทร์สำหรับฤดูใบไม้ผลิ ปี พ.ศ. 2567 แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ส่วนพื้นที่สีระบุเวลาที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า แถบแนวตั้งสีเทา (จันทร์ดับ) และแถบสีน้ำเงิน (จันทร์เต็มดวง) ระบุดิถีสำคัญของดวงจันทร์ ข้อมูลที่สัมพันธ์กับแต่ละแถบแสดงให้เห็นวันที่และเวลาที่ได้รับข้อมูลข้างขึ้นข้างแรม ส่วนข้อมูลเวลาที่อยู่ด้วยกันระบุเวลาที่ดวงจันทร์ขึ้นและตกสำหรับช่วงเวลาที่ใกล้ที่สุดที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า ความชื้นเราตั้งค่าระดับความสบายต่อความชื้นที่จุดน้ำค้างเนื่องจากเป็นตัวกำหนดว่า เหงื่อจะระเหยออกจากผิวหนังเพื่อให้ร่างกายเย็นลงหรือไม่ จุดน้ำค้างที่ต่ำทำให้รู้สึกว่าแห้งกว่า ส่วนจุดน้ำค้างที่สูงขึ้นจะทำให้รู้สึกว่าชื้นมากกว่า สิ่งที่แตกต่างจากอุณหภูมิคือ โดยทั่วไปอุณหภูมิในตอนกลางคืนและกลางวันจะมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ จุดน้ำค้างมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงได้ช้ากว่า ดังนั้นขณะที่อุณหภูมิอาจลดลงในตอนกลางคืน แต่โดยทั่วไปแล้ว ช่วงกลางวันที่อบอ้าวจะตามด้วยช่วงกลางคืนที่อบอ้าวเช่นกัน ใน ประเทศโมนาโก โอกาสที่วันใดวันหนึ่งจะมีอากาศร้อนอบอ้าวนั้นเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ โดยจะเพิ่มขึ้นจาก 0% เป็น 6% ภายในฤดูนั้น สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 5 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวมากที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 52% ของเวลาทั้งหมด ส่วนในวันที่ 1 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวน้อยที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 0% ของเวลาทั้งหมด ลมเนื้อหาในส่วนนี้จะกล่าวถึงเวกเตอร์ (ความเร็วและทิศทาง) ลมเฉลี่ยรายชั่วโมงในพื้นที่กว้าง ที่ระดับ 10 เมตรเหนือพื้นดิน ลมที่ประสบในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งจะขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศเฉพาะแห่งและปัจจัยอื่น ๆ เป็นสำคัญ โดยที่ความเร็วและทิศทางลมเฉพาะขณะจะแตกต่างกันมากมากกว่าค่าเฉลี่ยรายชั่วโมง ความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมงใน ประเทศโมนาโก จะลดลง ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ โดยลดลงจาก 13.9 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 10.8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในช่วงฤดูกาลนั้น สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 25 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันที่ลมแรงที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 14.2 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนในวันที่ 9 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่ลมสงบมากที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 9.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทิศทางลมใน ประเทศโมนาโก ในช่วงฤดูใบไม้ผลิส่วนใหญ่มาจาก ทิศตะวันออก ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ถึงวันที่ 24 พฤษภาคมและทิศใต้ ตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม อุณหภูมิน้ำประเทศโมนาโก ตั้งอยู่ใกล้แหล่งน้ำขนาดใหญ่ (เช่น มหาสมุทร ทะเล หรือทะเลสาบขนาดใหญ่) เนื้อหาในส่วนนี้จะรายงานเกี่ยวกับอุณหภูมิน้ำผิวดินในพื้นที่กว้างโดยเฉลี่ยของแหล่งน้ำนั้น อุณหภูมิน้ำผิวดินเฉลี่ยใน ประเทศโมนาโก เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงฤดูใบไม้ผลิ โดยเพิ่มขึ้น 6°C จาก 13°C เป็น 19°C ภายในช่วงฤดูนั้น ฤดูกาลเพาะปลูกคำจำกัดความของฤดูเพาะปลูกจะแตกต่างกันไปทั่วโลก แต่เพื่อวัตถุประสงค์ของรายงานนี้ เราให้นิยามไว้ว่า เป็นช่วงเวลาต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุดที่อุณหภูมิไม่ใช่จุดเยือกแข็ง (≥ 0°C) ในปีนั้น (ปีปฏิทินในซีกโลกเหนือ หรือตั้งแต่ 1 กรกฎาคม จนถึง 30 มิถุนายน ในซีกโลกใต้) แม้ว่าไม่เป็นเช่นนั้นทุกปี แต่ฤดูหนาวบางปี ใน ประเทศโมนาโก จะมีอุณหภูมิเยือกแข็งบ้าง วันที่ที่มีแนวโน้มน้อยที่สุดที่จะอยู่ในฤดูเพาะปลูกคือ 16 มกราคม โดยมีโอกาส 66% เวลาที่อยู่ในแถบอุณหภูมิต่าง ๆ และฤดูกาลเพาะปลูกในฤดูใบไม้ผลิใน ประเทศโมนาโก
เยือกเย็น
-9°C
ต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง
0°C
หนาวจัด
7°C
หนาว
13°C
เย็น
18°C
กำลังสบาย
24°C
อุ่น
29°C
ร้อน
35°C
ร้อนระอุ
ค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกเป็นค่าการสะสมความร้อนรายปี ซึ่งใช้เพื่อทำนายพัฒนาการของพืชและสัตว์ และหมายถึงค่าอินทิกรัลความอุ่นเหนืออุณหภูมิพื้นฐาน โดยไม่คำนึงถึงส่วนเกินใด ๆ ที่สูงกว่าอุณหภูมิสูงสุด ในรายงานนี้ เราใช้ค่าพื้นฐานเท่ากับ 10°C และค่าสูงสุดเท่ากับ 30°C จำนวนวันที่มีค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกโดยเฉลี่ยใน ประเทศโมนาโก จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วระหว่างฤดูใบไม้ผลิ โดยเพิ่มขึ้น 420°C จาก 55°C เป็น 474°C ภายในช่วงฤดูนั้น พลังงานแสงอาทิตย์หัวข้อนี้จะอธิบายเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบรายวันทั้งหมดที่ตกกระทบพื้นผิวดินเป็นบริเวณกว้าง โดยพิจารณาถึงความผันแปรตามฤดูกาลในด้านช่วงแสงในแต่ละวัน ระดับความสูงของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า และการดูดกลืนแสงโดยเมฆและองค์ประกอบอื่นในชั้นบรรยากาศ รังสีคลื่นสั้นครอบคลุมถึงแสงที่มองเห็นได้และรังสีอัลตราไวโอเลต พลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวันใน ประเทศโมนาโก จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมากในช่วงฤดูใบไม้ผลิ โดยเพิ่มขึ้น 3.4 กว.-ชม. จาก 3.6 กว.-ชม. เป็น 7.1 กว.-ชม. ภายในฤดูนั้น ภูมิประเทศเพื่อให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ของรายงานฉบับนี้ พิกัดภูมิศาสตร์ของ ประเทศโมนาโก คือละติจูดที่ 43.731° ลองจิจูดที่ 7.419° และระดับความสูง 0 ม. ภูมิประเทศภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ ประเทศโมนาโก มี ลักษณะราบเรียบเป็นสำคัญ โดยที่ระดับความสูงมีการเปลี่ยนแปลงสูงสุด 0 เมตร และความสูงเหนือระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยเท่ากับ 0 เมตร ภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ก็มีลักษณะราบเรียบเป็นสำคัญ (0 เมตร) เช่นกัน ภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ก็มีลักษณะราบเรียบเป็นสำคัญ (0 เมตร) เช่นกัน พื้นที่ภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ ประเทศโมนาโก ปกคลุมไปด้วย น้ำ (61%) พื้นผิวเทียม (16%) และต้นไม้ (12%) ส่วนภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย น้ำ (53%)และต้นไม้ (22%) และภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย น้ำ (47%)และต้นไม้ (30%) แหล่งข้อมูลรายงานนี้แสดงให้เห็นถึงสภาพอากาศทั่วไป ใน ประเทศโมนาโก โดยอาศัยการวิเคราะห์ทางสถิติของรายงานสภาพอากาศรายชั่วโมงในอดีตและการสร้างแบบจำลองขึ้นมาใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2523 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2559 รายละเอียดเกี่ยวกับแหล่งข้อมูลที่ใช้สำหรับรายงานฉบับนี้มีให้ดูได้ที่หน้า Nice Côte d'Azur International Airport ข้อสงวนสิทธิ์ข้อมูลบนไซต์นี้จัดไว้ให้ตามที่เป็นอยู่โดยไม่มีการรับรองความถูกต้องแม่นยำหรือความเหมาะสมเพื่อจุดประสงค์ใด ๆ ข้อมูลสภาพอากาศมีแนวโน้มที่จะเกิดข้อผิดพลาด ขัดข้อง และข้อบกพร่องอื่น ๆ ได้ เราไม่รับผิดชอบต่อการตัดสินใจใด ๆ ที่กระทำโดยอาศัยเนื้อหาที่นำเสนอให้บนเว็บไซต์นี้ เราให้ความสนใจกับการกำหนดข้อมูลใหม่ตามแบบจำลอง MERRA-2 สำหรับชุดข้อมูลสำคัญจำนวนหนึ่ง โดยใช้ความรอบคอบมากเป็นพิเศษ แม้มีข้อได้เปรียบมหาศาลจากความสมบูรณ์เชิงเวลาและเชิงพื้นที่ แต่การกำหนดข้อมูลใหม่เหล่านี้: (1) ขึ้นอยู่กับแบบจำลองคอมพิวเตอร์ที่อาจมีข้อผิดพลาดตามแบบจำลอง (2) เป็นการสุ่มตัวอย่างแบบคร่าว ๆ บนตารางกริด 50 กม. ดังนั้นจึงไม่สามารถกำหนดตัวแปรท้องถิ่นของจุลภูมิอากาศหลายแห่งให้ใหม่ได้ และ (3) มีปัญหาเฉพาะกับสภาพอากาศในพื้นที่ชายฝั่งบางแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกาะขนาดเล็ก เราขอเตือนเพิ่มเติมว่า คะแนนการเดินทางของเรานั้นเชื่อถือได้มากเท่า ๆ กับข้อมูลที่รองรับเท่านั้น สภาพอากาศในตำแหน่งที่ตั้งและเวลาใด ๆ นั้นคาดการณ์ได้ยากและแปรปรวนอยู่เสมอ คำจำกัดความของคะแนนจะสะท้อนถึงความชอบบางอย่างที่อาจไม่ตรงกับความชอบของผู้อ่านบางท่านโดยเฉพาะ กรุณาอ่านข้อกำหนดฉบับเต็มของเราที่หน้าข้อกำหนดการใช้บริการของเรา สถานที่แห่งอื่นโมนาโกสถานที่ |