สภาพอากาศในฤดูหนาวที่ ท่าอากาศยานโรนัลด์เรแกนวอชิงตันเนชันเนล รัฐเวอร์จิเนีย, สหรัฐอเมริกาอุณหภูมิสูงรายวันอยู่ที่ประมาณ 9°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า -1°C หรือสูงกว่า 19°C อุณหภูมิสูงเฉลี่ยรายวันต่ำสุดคือ 6°C ในวันที่ 22 มกราคม อุณหภูมิต่ำรายวันอยู่ที่ประมาณ 1°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า -8°C หรือสูงกว่า 10°C อุณหภูมิเฉลี่ยรายวันต่ำสุดคือ -1°C ในวันที่ 30 มกราคม สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 20 กรกฎาคม วันที่ร้อนที่สุด ของปี อุณหภูมิ ที่ ท่าอากาศยานโรนัลด์เรแกนวอชิงตันเนชันเนล โดยทั่วไปอยู่ในช่วงตั้งแต่ 23°C ถึง 31°C ส่วน 30 มกราคม วันที่หนาวที่สุด ของปีนั้น อุณหภูมิอยู่ในช่วงตั้งแต่ -1°C ถึง 6°C ตัวเลขข้างล่างแสดงให้คุณเห็นลักษณะโดยสรุปของอุณหภูมิเฉลี่ยรายชั่วโมงในฤดูหนาว แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน โดยมีสีแสดงอุณหภูมิเฉลี่ยสำหรับชั่วโมงและวันดังกล่าว อุณหภูมิเฉลี่ยรายชั่วโมงในฤดูหนาวที่ ท่าอากาศยานโรนัลด์เรแกนวอชิงตันเนชันเนล
เยือกเย็น
-9°C
ต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง
0°C
หนาวจัด
7°C
หนาว
13°C
เย็น
18°C
กำลังสบาย
24°C
อุ่น
29°C
ร้อน
35°C
ร้อนระอุ
Qabaqçöl, อาเซอร์ไบจาน (ห่างออกไป 9,388 กิโลเมตร) เป็นสถานที่ที่อยู่ไกลในต่างประเทศ โดยมีอุณหภูมิที่คล้ายคลึงกับ ท่าอากาศยานโรนัลด์เรแกนวอชิงตันเนชันเนล มากที่สุด (ดูข้อมูลเปรียบเทียบ) เมฆฤดูหนาวที่ ท่าอากาศยานโรนัลด์เรแกนวอชิงตันเนชันเนล มีเมฆปกคลุม อยู่ในระดับคงที่เป็นสำคัญ โดยที่ร้อยละของเวลาที่ท้องฟ้ามืดครึ้ม หรือมีเมฆเป็นส่วนมากยังคงอยู่ที่ประมาณ 50% ตลอดทั้งฤดู โอกาสสูงสุดที่ท้องฟ้าจะ มืดครึ้ม หรือ มีเมฆเป็นส่วนมาก ในวันที่ 5 มกราคม คือ 52% วันที่ท้องฟ้าแจ่มใสมากที่สุดในฤดูหนาว คือ 1 ธันวาคม โดยที่ท้องฟ้า แจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือ มีเมฆบางส่วน ในอัตรา 52% ของเวลา สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 5 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่มีเมฆมากที่สุดของปี สภาพอากาศมีโอกาส 52% ที่จะมืดครึ้มหรือมีเมฆเป็นส่วนมาก ส่วนในวันที่ 22 กันยายน ซึ่งเป็นวันที่แจ่มใสมากที่สุดของปี ท้องฟ้ามีโอกาส 65% ที่จะแจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือมีเมฆบางส่วน หยาดน้ำฟ้าวันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก หมายถึงวันที่มีหยาดน้ำฟ้าเป็นของเหลวหรือเทียบเท่าของเหลว ในปริมาณอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร ที่ ท่าอากาศยานโรนัลด์เรแกนวอชิงตันเนชันเนล วันที่ฝนจะตกในฤดูหนาว มีโอกาส อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ โดยยังคงอยู่ที่ 23% ตลอดฤดู สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง โอกาสที่จะมีตกรายวันสูงสุดของปีคือ 39% ในวันที่ 16 มิถุนายน และโอกาสน้อยที่สุดคือ 20% ในวันที่ 19 ตุลาคม ในฤดูหนาวที่ ท่าอากาศยานโรนัลด์เรแกนวอชิงตันเนชันเนล โอกาสที่จะเป็นวันที่มี ฝนเท่านั้นลดลง จาก 22% เป็น 20% โอกาสที่จะเป็นวันที่มี หิมะปนฝนเพิ่มขึ้น จาก 1% เป็น 4% และโอกาสที่จะเป็นวันที่มี หิมะล้วน ยังคงอยู่ที่ 2% เป็นสำคัญตลอดทั้งวัน ปริมาณน้ำฝนเพื่อแสดงให้เห็นความแตกต่างภายในฤดูนั้น ๆ ไม่ใช่แค่ปริมาณทั้งหมดในแต่ละเดือน เราแสดงปริมาณน้ำฝนที่สะสมภายในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลังแต่ละวัน ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลัง ระหว่างฤดูหนาวที่ ท่าอากาศยานโรนัลด์เรแกนวอชิงตันเนชันเนล ลดลง โดยในช่วงต้นฤดูอยู่ที่ 78 มิลลิเมตร ซึ่งมีน้อยมากที่เกิน 137 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า 30 มิลลิเมตร ส่วนในช่วงปลายฤดูอยู่ที่ 63 มิลลิเมตร ซึ่งมีน้อยมากที่เกิน 112 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า 22 มิลลิเมตร ปริมาณสะสมใน 31 วันโดยเฉลี่ยต่ำสุด เท่ากับ 51 มิลลิเมตร ในวันที่ 30 มกราคม ปริมาณหิมะเช่นเดียวกับปริมาณฝน เราพิจารณาปริมาณหิมะที่สะสมภายในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลังแต่ละวัน ปริมาณหิมะเฉลี่ยตลอดช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลังแต่ละวันในฤดูหนาวที่ ท่าอากาศยานโรนัลด์เรแกนวอชิงตันเนชันเนล เพิ่มขึ้น โดยในช่วงต้นฤดูอยู่ที่ 36 มิลลิเมตร น้อยมากที่เกิน 124 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า -0 มิลลิเมตร ส่วนในช่วงปลายฤดูอยู่ที่ 90 มิลลิเมตร น้อยมากที่เกิน 282 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า -0 มิลลิเมตร ปริมาณสะสมใน 31 วันโดยเฉลี่ยสูงสุด เท่ากับ 147 มิลลิเมตร ในวันที่ 30 มกราคม ดวงอาทิตย์ตลอดระยะเวลาของฤดูหนาวที่ ท่าอากาศยานโรนัลด์เรแกนวอชิงตันเนชันเนล ความยาวของเวลากลางวันจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ต้นฤดูถึงสิ้นฤดู ความยาวของเวลากลางวันจะเพิ่มขึ้นไป 1 ชั่วโมง และ 40 นาที ซึ่งชี้ให้เห็นว่ามีการเพิ่มขึ้นรายวันโดยเฉลี่ยเท่ากับ 1 นาที และ 8 วินาที และมีการเพิ่มขึ้นรายสัปดาห์เท่ากับ 7 นาที และ 54 วินาที วันที่สั้นที่สุดของฤดูหนาวคือวันที่ 21 ธันวาคม โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 9 ชั่วโมง และ 27 นาที ส่วนวันที่ยาวที่สุดคือวันที่ 28 กุมภาพันธ์ โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 11 ชั่วโมง และ 19 นาที เวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นช้าที่สุดในฤดูหนาวที่ ท่าอากาศยานโรนัลด์เรแกนวอชิงตันเนชันเนล คือ 07:26 ในวันที่ 5 มกราคม และพระอาทิตย์ขึ้นเร็วที่สุดคือ หลังจากนั้นอีก 45 นาที ในเวลา 06:41 เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ เวลาที่พระอาทิตย์ตกเร็วที่สุดคือ 16:46 เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม และเวลาที่พระอาทิตย์ตกช้าที่สุดคือ หลังจากนั้นอีก 1 ชั่วโมง และ 14 นาที ในเวลา 18:00 เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ มีการใช้เวลาออมแสงที่ ท่าอากาศยานโรนัลด์เรแกนวอชิงตันเนชันเนล ระหว่างปี พ.ศ. 2567 แต่ไม่เริ่มต้นหรือสิ้นสุดลงในฤดูหนาว ดังนั้นจึงมีการใช้เวลาออมแสงตลอดทั้งฤดูกาล สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 20 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันยาวนานที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 05:43 และตกในเวลาอีก 14 ชั่วโมง และ 54 นาที ต่อมาที่เวลา 20:36 ส่วนในวันที่ 21 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันสั้นที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 07:23 และตกในเวลาอีก 9 ชั่วโมง และ 27 นาที ต่อมาที่ 16:49 รูปด้านล่างแสดงภาพระดับความสูงของดวงอาทิตย์แบบย่อ (มุมของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า) และมุมทิศ (มุมที่ดวงอาทิตย์มุ่งหน้าไปบนเข็มทิศ) ในแต่ละชั่วโมงของแต่ละวันตลอดช่วงเวลาที่มีการรายงาน แกนนอนเป็นวันของปี ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ในวันใด ๆ และชั่วโมงของวันนั้น สีพื้นหลังแสดงถึงมุมทิศของดวงอาทิตย์ในขณะนั้น เส้นเท่าสีดำเป็นเส้นชั้นความสูงของระดับความสูงคงที่ของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ตัวเลขข้างล่างแสดงภาพรวมโดยย่อของข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับดวงจันทร์สำหรับฤดูหนาว ปี พ.ศ. 2567 แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ส่วนพื้นที่สีระบุเวลาที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า แถบแนวตั้งสีเทา (จันทร์ดับ) และแถบสีน้ำเงิน (จันทร์เต็มดวง) ระบุดิถีสำคัญของดวงจันทร์ ข้อมูลที่สัมพันธ์กับแต่ละแถบแสดงให้เห็นวันที่และเวลาที่ได้รับข้อมูลข้างขึ้นข้างแรม ส่วนข้อมูลเวลาที่อยู่ด้วยกันระบุเวลาที่ดวงจันทร์ขึ้นและตกสำหรับช่วงเวลาที่ใกล้ที่สุดที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า ความชื้นเราตั้งค่าระดับความสบายต่อความชื้นที่จุดน้ำค้างเนื่องจากเป็นตัวกำหนดว่า เหงื่อจะระเหยออกจากผิวหนังเพื่อให้ร่างกายเย็นลงหรือไม่ จุดน้ำค้างที่ต่ำทำให้รู้สึกว่าแห้งกว่า ส่วนจุดน้ำค้างที่สูงขึ้นจะทำให้รู้สึกว่าชื้นมากกว่า สิ่งที่แตกต่างจากอุณหภูมิคือ โดยทั่วไปอุณหภูมิในตอนกลางคืนและกลางวันจะมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ จุดน้ำค้างมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงได้ช้ากว่า ดังนั้นขณะที่อุณหภูมิอาจลดลงในตอนกลางคืน แต่โดยทั่วไปแล้ว ช่วงกลางวันที่อบอ้าวจะตามด้วยช่วงกลางคืนที่อบอ้าวเช่นกัน ที่ ท่าอากาศยานโรนัลด์เรแกนวอชิงตันเนชันเนล โอกาสที่วันใดวันหนึ่งจะมีอากาศร้อนอบอ้าวนั้นอยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญในช่วงฤดูหนาว โดยคงอยู่ที่ประมาณ 0% ตลอดทั้งฤดู สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 27 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวมากที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 68% ของเวลาทั้งหมด ส่วนในวันที่ 9 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวน้อยที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 0% ของเวลาทั้งหมด ลมเนื้อหาในส่วนนี้จะกล่าวถึงเวกเตอร์ (ความเร็วและทิศทาง) ลมเฉลี่ยรายชั่วโมงในพื้นที่กว้าง ที่ระดับ 10 เมตรเหนือพื้นดิน ลมที่ประสบในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งจะขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศเฉพาะแห่งและปัจจัยอื่น ๆ เป็นสำคัญ โดยที่ความเร็วและทิศทางลมเฉพาะขณะจะแตกต่างกันมากมากกว่าค่าเฉลี่ยรายชั่วโมง ความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมงที่ ท่าอากาศยานโรนัลด์เรแกนวอชิงตันเนชันเนล จะเพิ่มขึ้น ในช่วงฤดูหนาว โดยเพิ่มขึ้นจาก 13.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 15.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในช่วงฤดูกาลนั้น สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันที่ลมแรงที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 15.4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนในวันที่ 31 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่ลมสงบมากที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 9.2 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความเร็วลมเฉลี่ยสูงสุดรายวันในฤดูหนาว คือ 15.4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ทิศทางลมเฉลี่ยรายชั่วโมงที่ ท่าอากาศยานโรนัลด์เรแกนวอชิงตันเนชันเนล ตลอดฤดูหนาวส่วนใหญ่คือ จากทิศตะวันตก โดยมีสัดส่วนสูงสุดเท่ากับ 38% ในวันที่ 16 มกราคม อุณหภูมิน้ำท่าอากาศยานโรนัลด์เรแกนวอชิงตันเนชันเนล ตั้งอยู่ใกล้แหล่งน้ำขนาดใหญ่ (เช่น มหาสมุทร ทะเล หรือทะเลสาบขนาดใหญ่) เนื้อหาในส่วนนี้จะรายงานเกี่ยวกับอุณหภูมิน้ำผิวดินในพื้นที่กว้างโดยเฉลี่ยของแหล่งน้ำนั้น อุณหภูมิน้ำผิวดินเฉลี่ยที่ ท่าอากาศยานโรนัลด์เรแกนวอชิงตันเนชันเนล ลดลงอย่างรวดเร็วมากในช่วงฤดูหนาว โดยลดลง 7°C จาก 9°C เป็น 3°C ภายในช่วงฤดูนั้น อุณหภูมิน้ำผิวดินเฉลี่ยต่ำสุดในช่วงฤดูหนาวคือ 2°C ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ฤดูกาลเพาะปลูกคำจำกัดความของฤดูเพาะปลูกจะแตกต่างกันไปทั่วโลก แต่เพื่อวัตถุประสงค์ของรายงานนี้ เราให้นิยามไว้ว่า เป็นช่วงเวลาต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุดที่อุณหภูมิไม่ใช่จุดเยือกแข็ง (≥ 0°C) ในปีนั้น (ปีปฏิทินในซีกโลกเหนือ หรือตั้งแต่ 1 กรกฎาคม จนถึง 30 มิถุนายน ในซีกโลกใต้) โดยทั่วไป ฤดูเพาะปลูก ที่ ท่าอากาศยานโรนัลด์เรแกนวอชิงตันเนชันเนล จะมีเวลานาน 7.9 เดือน (242 วัน) โดยเริ่มตั้งแต่ประมาณวันที่ 24 มีนาคม ถึงประมาณวันที่ 21 พฤศจิกายน น้อยครั้งมากที่จะเริ่มต้นก่อนวันที่ 5 มีนาคม หรือหลังวันที่ 11 เมษายน และน้อยครั้งมากที่จะสิ้นสุดก่อนวันที่ 1 พฤศจิกายน หรือหลังวันที่ 15 ธันวาคม ฤดูหนาวที่ ท่าอากาศยานโรนัลด์เรแกนวอชิงตันเนชันเนล มีโอกาสมากกว่าครึ่งที่จะอยู่ภายนอกช่วงฤดูกาลเพาะปลูก โดยที่วันใดวันหนึ่งมีโอกาสจะอยู่ในฤดูกาลเพาะปลูกเท่ากับช่วงต่ำของ 0% ในวันที่ 24 มกราคม เวลาที่อยู่ในแถบอุณหภูมิต่าง ๆ และฤดูกาลเพาะปลูกในฤดูหนาวที่ ท่าอากาศยานโรนัลด์เรแกนวอชิงตันเนชันเนล
เยือกเย็น
-9°C
ต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง
0°C
หนาวจัด
7°C
หนาว
13°C
เย็น
18°C
กำลังสบาย
24°C
อุ่น
29°C
ร้อน
35°C
ร้อนระอุ
ค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกเป็นค่าการสะสมความร้อนรายปี ซึ่งใช้เพื่อทำนายพัฒนาการของพืชและสัตว์ และหมายถึงค่าอินทิกรัลความอุ่นเหนืออุณหภูมิพื้นฐาน โดยไม่คำนึงถึงส่วนเกินใด ๆ ที่สูงกว่าอุณหภูมิสูงสุด ในรายงานนี้ เราใช้ค่าพื้นฐานเท่ากับ 10°C และค่าสูงสุดเท่ากับ 30°C จำนวนวันที่มีค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกโดยเฉลี่ยที่ ท่าอากาศยานโรนัลด์เรแกนวอชิงตันเนชันเนล จะลดลงอย่างรวดเร็วมากระหว่างฤดูหนาว โดยลดลง 2,438°C จาก 2,460°C เป็น 22°C ภายในช่วงฤดูนั้น พลังงานแสงอาทิตย์หัวข้อนี้จะอธิบายเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบรายวันทั้งหมดที่ตกกระทบพื้นผิวดินเป็นบริเวณกว้าง โดยพิจารณาถึงความผันแปรตามฤดูกาลในด้านช่วงแสงในแต่ละวัน ระดับความสูงของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า และการดูดกลืนแสงโดยเมฆและองค์ประกอบอื่นในชั้นบรรยากาศ รังสีคลื่นสั้นครอบคลุมถึงแสงที่มองเห็นได้และรังสีอัลตราไวโอเลต พลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวันที่ ท่าอากาศยานโรนัลด์เรแกนวอชิงตันเนชันเนล จะเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาว โดยเพิ่มขึ้น 1.4 กว.-ชม. จาก 2.2 กว.-ชม. เป็น 3.7 กว.-ชม. ภายในฤดูนั้น พลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยต่ำสุดรายวันในช่วงฤดูหนาวคือ 2.0 กว.-ชม. ในวันที่ 23 ธันวาคม ภูมิประเทศเพื่อให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ของรายงานฉบับนี้ พิกัดภูมิศาสตร์ของ ท่าอากาศยานโรนัลด์เรแกนวอชิงตันเนชันเนล คือละติจูดที่ 38.852° ลองจิจูดที่ -77.037° และระดับความสูง 4 ม. ภูมิประเทศภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ ท่าอากาศยานโรนัลด์เรแกนวอชิงตันเนชันเนล มีระดับความสูงที่แตกต่างกันเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น โดยที่ระดับความสูงมีการเปลี่ยนแปลงสูงสุด 51 เมตร และความสูงเหนือระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยเท่ากับ 6 เมตร ภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ยังมีระดับความสูงที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น (145 เมตร) ภายในรัศมี 80 กิโลเมตร มีระดับความสูงที่แตกต่างกันเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น (582 เมตร) พื้นที่ภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ ท่าอากาศยานโรนัลด์เรแกนวอชิงตันเนชันเนล ปกคลุมไปด้วย พื้นผิวเทียม (66%)และน้ำ (31%) ส่วนภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย พื้นผิวเทียม (83%) และภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย ต้นไม้ (40%)และพื้นที่เพาะปลูก (22%) แหล่งข้อมูลรายงานนี้แสดงให้เห็นถึงสภาพอากาศทั่วไป ที่ ท่าอากาศยานโรนัลด์เรแกนวอชิงตันเนชันเนล โดยอาศัยการวิเคราะห์ทางสถิติของรายงานสภาพอากาศรายชั่วโมงในอดีตและการสร้างแบบจำลองขึ้นมาใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2523 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2559 อุณหภูมิและจุดน้ำค้างท่าอากาศยานโรนัลด์เรแกนวอชิงตันเนชันเนล มีสถานีตรวจวัดสภาพอากาศ ซึ่งรายงานไว้อย่างน่าเชื่อถือพอสมควรในช่วงการวิเคราะห์ที่เราได้รวมไว้ในเครือข่ายของเรา หากมีให้ใช้ได้ ก็จะนำค่าอุณหภูมิและจุดน้ำค้างที่ตรวจวัดไว้ในอดีตจากสถานีตรวจวัดสภาพอากาศแห่งนี้มาใช้โดยตรง บันทึกข้อมูลเหล่านี้ได้มาจากชุดข้อมูลพื้นผิวแบบครบวงจรรายชั่วโมง ของ NOAA โดยย้อนกลับไปที่บันทึกข้อมูล ICAO METAR ตามความจำเป็น ในกรณีที่การตรวจวัดจากสถานีนี้ขาดหายไปหรือผิดพลาด เราจะกลับไปใช้บันทึกจากสถานีใกล้เคียง โดยปรับให้เหมาะสมกับความแตกต่างที่มีอยู่ทั่วไปตามฤดูกาลและในแต่ละวัน ในวันใด ๆ ของปีและชั่วโมงใด ๆ ของวัน จะมีการเลือกสถานีทางเลือกสำรอง เพื่อให้การพยากรณ์ในช่วงเวลาหลายปีที่มีการตรวจวัดจากทั้งสองสถานีมีข้อผิดพลาดน้อยที่สุด สถานีที่เราอาจใช้เป็นทางเลือกสำรองจะรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ Washington Executive Airport/Hyde Field College Park Airport Mount Vernon Hospital Heliport Montgomery County Airpark Tipton Airport ท่าอากาศยานนานาชาติวอชิงตันดัลเลส Quantico Marine Corps Airfield / Turner Field และBaltimore-Washington International Airport ข้อมูลอื่น ๆข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งดวงอาทิตย์ (เช่น อาทิตย์ขึ้น และอาทิตย์ตก) เป็นการคำนวณโดยใช้สูตรทางดาราศาสตร์จากหนังสือ Astronomical Algorithms ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 โดย Jean Meeus ข้อมูลสภาพอากาศอื่น ๆ ทั้งหมด ซึ่งรวมถึงปริมาณเมฆปกคลุม หยาดน้ำฟ้า ความเร็วและทิศทางลม และคลื่นวิทยุจากอาทิตย์ เป็นข้อมูลจาก MERRA-2 Modern-Era Retrospective Analysis ของ NASA การวิเคราะห์ซ้ำนี้มีการผนวกรวมการวัดแบบต่าง ๆ ในพื้นที่กว้างโดยอาศัยแบบจำลองทางอุตุนิยมวิทยาที่ทันสมัยระดับโลก เพื่อสร้างบันทึกประวัติสภาพอากาศรายชั่วโมงทั่วโลกขึ้นมาใหม่บนตารางกริด 50 กิโลเมตร ข้อมูลการใช้ที่ดินมาจากฐานข้อมูล Global Land Cover SHARE ซึ่งองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติเป็นผู้เผยแพร่ ข้อมูลระดับความสูงมาจาก Shuttle Radar Topography Mission (SRTM) ที่ห้องปฏิบัติการ Jet Propulsion ของ NASA เป็นผู้เผยแพร่ ชื่อ ตำแหน่งที่ตั้ง และเขตเวลาของสถานที่และสนามบินบางแห่งมาจาก ฐานข้อมูลภูมิศาสตร์ GeoNames AskGeo.com จัดเสนอเขตเวลาสำหรับสนามบินและสถานีตรวจวัดอากาศ แผนที่อยู่ภายใต้ลิขสิทธิ์ © OpenStreetMap ผู้มีส่วนร่วม ข้อสงวนสิทธิ์ข้อมูลบนไซต์นี้จัดไว้ให้ตามที่เป็นอยู่โดยไม่มีการรับรองความถูกต้องแม่นยำหรือความเหมาะสมเพื่อจุดประสงค์ใด ๆ ข้อมูลสภาพอากาศมีแนวโน้มที่จะเกิดข้อผิดพลาด ขัดข้อง และข้อบกพร่องอื่น ๆ ได้ เราไม่รับผิดชอบต่อการตัดสินใจใด ๆ ที่กระทำโดยอาศัยเนื้อหาที่นำเสนอให้บนเว็บไซต์นี้ เราให้ความสนใจกับการกำหนดข้อมูลใหม่ตามแบบจำลอง MERRA-2 สำหรับชุดข้อมูลสำคัญจำนวนหนึ่ง โดยใช้ความรอบคอบมากเป็นพิเศษ แม้มีข้อได้เปรียบมหาศาลจากความสมบูรณ์เชิงเวลาและเชิงพื้นที่ แต่การกำหนดข้อมูลใหม่เหล่านี้: (1) ขึ้นอยู่กับแบบจำลองคอมพิวเตอร์ที่อาจมีข้อผิดพลาดตามแบบจำลอง (2) เป็นการสุ่มตัวอย่างแบบคร่าว ๆ บนตารางกริด 50 กม. ดังนั้นจึงไม่สามารถกำหนดตัวแปรท้องถิ่นของจุลภูมิอากาศหลายแห่งให้ใหม่ได้ และ (3) มีปัญหาเฉพาะกับสภาพอากาศในพื้นที่ชายฝั่งบางแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกาะขนาดเล็ก เราขอเตือนเพิ่มเติมว่า คะแนนการเดินทางของเรานั้นเชื่อถือได้มากเท่า ๆ กับข้อมูลที่รองรับเท่านั้น สภาพอากาศในตำแหน่งที่ตั้งและเวลาใด ๆ นั้นคาดการณ์ได้ยากและแปรปรวนอยู่เสมอ คำจำกัดความของคะแนนจะสะท้อนถึงความชอบบางอย่างที่อาจไม่ตรงกับความชอบของผู้อ่านบางท่านโดยเฉพาะ กรุณาอ่านข้อกำหนดฉบับเต็มของเราที่หน้าข้อกำหนดการใช้บริการของเรา |