สภาพอากาศของเดือนมกราคม ใน Walvis Bay นามิเบียอุณหภูมิสูงรายวันอยู่ที่ประมาณ 20°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า 17°C หรือสูงกว่า 24°C อุณหภูมิต่ำรายวันอยู่ที่ประมาณ 16°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า 13°C หรือสูงกว่า 18°C สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 5 เมษายน วันที่ร้อนที่สุด ของปี อุณหภูมิ ใน Walvis Bay โดยทั่วไปอยู่ในช่วงตั้งแต่ 14°C ถึง 22°C ส่วน 17 สิงหาคม วันที่หนาวที่สุด ของปีนั้น อุณหภูมิอยู่ในช่วงตั้งแต่ 10°C ถึง 19°C ตัวเลขข้างล่างแสดงให้คุณเห็นลักษณะโดยรวมของอุณหภูมิเฉลี่ยรายชั่วโมงในช่วงไตรมาสที่เริ่มจากเดือน มกราคม ของปี แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน โดยมีสีแสดงอุณหภูมิเฉลี่ยสำหรับชั่วโมงและวันดังกล่าว อุณหภูมิเฉลี่ยรายชั่วโมงในเดือน มกราคม ใน Walvis Bay
เยือกเย็น
-9°C
ต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง
0°C
หนาวจัด
7°C
หนาว
13°C
เย็น
18°C
กำลังสบาย
24°C
อุ่น
29°C
ร้อน
35°C
ร้อนระอุ
Port Hueneme, รัฐแคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา (ห่างออกไป 15,384 กิโลเมตร) เป็นสถานที่ที่อยู่ไกลในต่างประเทศ โดยมีอุณหภูมิที่คล้ายคลึงกับ Walvis Bay มากที่สุด (ดูข้อมูลเปรียบเทียบ) เมฆเดือน มกราคม ใน Walvis Bay มีเมฆปกคลุม เพิ่มขึ้นช้า ๆ โดยที่ร้อยละของเวลาที่ท้องฟ้า มืดครึ้ม หรือ มีเมฆเป็นส่วนมาก เพิ่มขึ้น จาก 20% เป็น 28% โอกาสสูงสุดที่ท้องฟ้าจะ มืดครึ้ม หรือ มีเมฆเป็นส่วนมาก ในวันที่ 30 มกราคม คือ 28% วันที่ท้องฟ้าแจ่มใสมากที่สุดของเดือนคือ 1 มกราคม โดยที่ท้องฟ้า แจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือ มีเมฆบางส่วน ในอัตรา 80% ของเวลา สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 30 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่มีเมฆมากที่สุดของปี สภาพอากาศมีโอกาส 28% ที่จะมืดครึ้มหรือมีเมฆเป็นส่วนมาก ส่วนในวันที่ 18 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันที่แจ่มใสมากที่สุดของปี ท้องฟ้ามีโอกาส 93% ที่จะแจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือมีเมฆบางส่วน หยาดน้ำฟ้าวันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก หมายถึงวันที่มีหยาดน้ำฟ้าเป็นของเหลวหรือเทียบเท่าของเหลว ในปริมาณอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร ใน Walvis Bay วันที่หยาดน้ำฟ้าจะตกมากในช่วงเดือน มกราคม มีโอกาส อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ โดยยังคงอยู่ที่ 2% ตลอดเดือน สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง โอกาสที่จะมีตกรายวันสูงสุดของปีคือ 3% ในวันที่ 7 เมษายน และโอกาสน้อยที่สุดคือ -0% ในวันที่ 25 สิงหาคม ปริมาณน้ำฝนเพื่อแสดงให้เห็นความแตกต่างภายในเดือน ไม่ใช่แค่ปริมาณทั้งหมดในแต่ละเดือน เราแสดงปริมาณน้ำฝนที่สะสมภายในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลังแต่ละวัน ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลัง ระหว่างเดือน มกราคม ใน Walvis Bay อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ โดยคงอยู่ที่ประมาณ 2 มิลลิเมตร ตลอดเดือน น้อยมากที่เกิน 8 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า -0 มิลลิเมตร ดวงอาทิตย์ตลอดระยะเวลาของวันที่ มกราคม ใน Walvis Bay ความยาวของเวลากลางวัน ลดลงช้า ๆ ตั้งแต่ต้นเดือนถึงสิ้นเดือน ความยาวของเวลากลางวัน ลดลง ไป 23 นาที ซึ่งชี้ให้เห็นว่ามี การลดลง รายวันโดยเฉลี่ยเท่ากับ 46 วินาที และมี การลดลง รายสัปดาห์เท่ากับ 5 นาที และ 19 วินาที วันที่สั้นที่สุดของเดือนคือวันที่ 31 มกราคม โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 13 ชั่วโมง และ 8 นาที ส่วนวันที่ยาวที่สุดคือวันที่ 1 มกราคม โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 13 ชั่วโมง และ 31 นาที เวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นเร็วที่สุดของเดือน ใน Walvis Bay คือ 06:20 เมื่อวันที่ 1 มกราคม และพระอาทิตย์ขึ้นช้าที่สุดคือ หลังจากนั้นอีก 21 นาที ในเวลา 06:41 เมื่อวันที่ 31 มกราคม เวลาที่พระอาทิตย์ตกช้าที่สุดคือ 19:52 เมื่อวันที่ 14 มกราคม และเวลาที่พระอาทิตย์ตกเร็วที่สุดคือ หลังจากนั้นอีก 4 นาที ในเวลา 19:49 เมื่อวันที่ 31 มกราคม ไม่มีการใช้เวลาออมแสง ใน Walvis Bay ระหว่างปี พ.ศ. 2568 สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 21 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันยาวนานที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 06:13 และตกในเวลาอีก 13 ชั่วโมง และ 33 นาที ต่อมาที่เวลา 19:46 ส่วนในวันที่ 21 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันสั้นที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 07:42 และตกในเวลาอีก 10 ชั่วโมง และ 43 นาที ต่อมาที่ 18:25 รูปด้านล่างแสดงภาพระดับความสูงของดวงอาทิตย์แบบย่อ (มุมของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า) และมุมทิศ (มุมที่ดวงอาทิตย์มุ่งหน้าไปบนเข็มทิศ) ในแต่ละชั่วโมงของแต่ละวันตลอดช่วงเวลาที่มีการรายงาน แกนนอนเป็นวันของปี ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ในวันใด ๆ และชั่วโมงของวันนั้น สีพื้นหลังแสดงถึงมุมทิศของดวงอาทิตย์ในขณะนั้น เส้นเท่าสีดำเป็นเส้นชั้นความสูงของระดับความสูงคงที่ของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ตัวเลขข้างล่างแสดงภาพรวมโดยย่อของข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับดวงจันทร์สำหรับเดือน มกราคม 2568 แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ส่วนพื้นที่สีระบุเวลาที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า แถบแนวตั้งสีเทา (จันทร์ดับ) และแถบสีน้ำเงิน (จันทร์เต็มดวง) ระบุดิถีสำคัญของดวงจันทร์ ข้อมูลที่สัมพันธ์กับแต่ละแถบแสดงให้เห็นวันที่และเวลาที่ได้รับข้อมูลข้างขึ้นข้างแรม ส่วนข้อมูลเวลาที่อยู่ด้วยกันระบุเวลาที่ดวงจันทร์ขึ้นและตกสำหรับช่วงเวลาที่ใกล้ที่สุดที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า
ความชื้นเราตั้งค่าระดับความสบายต่อความชื้นที่จุดน้ำค้างเนื่องจากเป็นตัวกำหนดว่า เหงื่อจะระเหยออกจากผิวหนังเพื่อให้ร่างกายเย็นลงหรือไม่ จุดน้ำค้างที่ต่ำทำให้รู้สึกว่าแห้งกว่า ส่วนจุดน้ำค้างที่สูงขึ้นจะทำให้รู้สึกว่าชื้นมากกว่า สิ่งที่แตกต่างจากอุณหภูมิคือ โดยทั่วไปอุณหภูมิในตอนกลางคืนและกลางวันจะมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ จุดน้ำค้างมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงได้ช้ากว่า ดังนั้นขณะที่อุณหภูมิอาจลดลงในตอนกลางคืน แต่โดยทั่วไปแล้ว ช่วงกลางวันที่อบอ้าวจะตามด้วยช่วงกลางคืนที่อบอ้าวเช่นกัน โอกาสที่วันใดวันหนึ่งจะ ร้อนอบอ้าว ใน Walvis Bay เพิ่มขึ้น ระหว่างเดือน มกราคม เพิ่มขึ้น จาก 2% เป็น 8% ตลอดช่วงเวลาของเดือนนั้น สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวมากที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 9% ของเวลาทั้งหมด ส่วนในวันที่ 20 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวน้อยที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 0% ของเวลาทั้งหมด ลมเนื้อหาในส่วนนี้จะกล่าวถึงเวกเตอร์ (ความเร็วและทิศทาง) ลมเฉลี่ยรายชั่วโมงในพื้นที่กว้าง ที่ระดับ 10 เมตรเหนือพื้นดิน ลมที่ประสบในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งจะขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศเฉพาะแห่งและปัจจัยอื่น ๆ เป็นสำคัญ โดยที่ความเร็วและทิศทางลมเฉพาะขณะจะแตกต่างกันมากมากกว่าค่าเฉลี่ยรายชั่วโมง ความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมง ใน Walvis Bay ลดลงช้า ๆ ระหว่างเดือน มกราคม โดยลดลงจาก 13.7 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 12.8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตลอดช่วงเวลาทั้งเดือน สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 14 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่ลมแรงที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 15.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนในวันที่ 13 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่ลมสงบมากที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 12.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทิศทางลมเฉลี่ยรายชั่วโมง ใน Walvis Bay ตลอดเดือน มกราคม ส่วนใหญ่คือจาก ทิศใต้ โดยมีสัดส่วนสูงสุดเท่ากับ 63% ในวันที่ 1 มกราคม อุณหภูมิน้ำWalvis Bay ตั้งอยู่ใกล้แหล่งน้ำขนาดใหญ่ (เช่น มหาสมุทร ทะเล หรือทะเลสาบขนาดใหญ่) เนื้อหาในส่วนนี้จะรายงานเกี่ยวกับอุณหภูมิน้ำผิวดินในพื้นที่กว้างโดยเฉลี่ยของแหล่งน้ำนั้น อุณหภูมิน้ำผิวดินเฉลี่ย ใน Walvis Bay เพิ่มขึ้นช้า ๆ ระหว่างเดือน มกราคม, เพิ่มขึ้น 1°C จาก 17°C เป็น 18°C ตลอดช่วงเวลาทั้งเดือน ฤดูกาลเพาะปลูกคำจำกัดความของฤดูเพาะปลูกจะแตกต่างกันไปทั่วโลก แต่เพื่อวัตถุประสงค์ของรายงานนี้ เราให้นิยามไว้ว่า เป็นช่วงเวลาต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุดที่อุณหภูมิไม่ใช่จุดเยือกแข็ง (≥ 0°C) ในปีนั้น (ปีปฏิทินในซีกโลกเหนือ หรือตั้งแต่ 1 กรกฎาคม จนถึง 30 มิถุนายน ในซีกโลกใต้) อุณหภูมิ ใน Walvis Bay มีอากาศอบอุ่นเพียงพอตลอดทั้งปี จึงไม่มีความหมายแต่ประการใดที่จะกล่าวถึงฤดูเพาะปลูกด้วยเงื่อนไขเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม เราได้แสดงแผนภูมิไว้ด้านล่างเพื่อให้เห็นการกระจายของอุณหภูมิที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปี เวลาที่อยู่ในแถบอุณหภูมิต่าง ๆ และฤดูกาลเพาะปลูกใน มกราคม ใน Walvis Bay
เยือกเย็น
-9°C
ต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง
0°C
หนาวจัด
7°C
หนาว
13°C
เย็น
18°C
กำลังสบาย
24°C
อุ่น
29°C
ร้อน
35°C
ร้อนระอุ
ค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกเป็นค่าการสะสมความร้อนรายปี ซึ่งใช้เพื่อทำนายพัฒนาการของพืชและสัตว์ และหมายถึงค่าอินทิกรัลความอุ่นเหนืออุณหภูมิพื้นฐาน โดยไม่คำนึงถึงส่วนเกินใด ๆ ที่สูงกว่าอุณหภูมิสูงสุด ในรายงานนี้ เราใช้ค่าพื้นฐานเท่ากับ 10°C และค่าสูงสุดเท่ากับ 30°C จำนวนวันที่มีค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกโดยเฉลี่ย ใน Walvis Bay เพิ่มขึ้น ระหว่างเดือน มกราคม โดยเพิ่มขึ้น 229°C จาก 897°C เป็น 1,126°C ตลอดระยะเวลาทั้งเดือน พลังงานแสงอาทิตย์หัวข้อนี้จะอธิบายเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบรายวันทั้งหมดที่ตกกระทบพื้นผิวดินเป็นบริเวณกว้าง โดยพิจารณาถึงความผันแปรตามฤดูกาลในด้านช่วงแสงในแต่ละวัน ระดับความสูงของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า และการดูดกลืนแสงโดยเมฆและองค์ประกอบอื่นในชั้นบรรยากาศ รังสีคลื่นสั้นครอบคลุมถึงแสงที่มองเห็นได้และรังสีอัลตราไวโอเลต พลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวัน ใน Walvis Bay is อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ ระหว่างเดือน มกราคม โดยคงอยู่ภายในช่วง 0.2 กว.-ชม. ของ 8.4 กว.-ชม. ตลอดเดือน ภูมิประเทศเพื่อให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ของรายงานฉบับนี้ พิกัดภูมิศาสตร์ของ Walvis Bay คือละติจูดที่ -22.958° ลองจิจูดที่ 14.505° และระดับความสูง 6 ม. ภูมิประเทศภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ Walvis Bay มีระดับความสูงที่แตกต่างกันเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น โดยที่ระดับความสูงมีการเปลี่ยนแปลงสูงสุด 38 เมตร และความสูงเหนือระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยเท่ากับ 5 เมตร ภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ยังมีระดับความสูงที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น (115 เมตร) ภายในรัศมี 80 กิโลเมตร มีระดับความสูงที่แตกต่างกันเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น (879 เมตร) พื้นที่ภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ Walvis Bay ปกคลุมไปด้วย ป่าเรือนยอดห่าง (40%) ผืนดินว่างเปล่า (25%) ทุ่งหญ้า (17%) และน้ำ (16%) ส่วนภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย ผืนดินว่างเปล่า (49%)และน้ำ (39%) และภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย น้ำ (48%)และผืนดินว่างเปล่า (46%) แหล่งข้อมูลรายงานนี้แสดงให้เห็นถึงสภาพอากาศทั่วไป ใน Walvis Bay โดยอาศัยการวิเคราะห์ทางสถิติของรายงานสภาพอากาศรายชั่วโมงในอดีตและการสร้างแบบจำลองขึ้นมาใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2523 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2559 อุณหภูมิและจุดน้ำค้างเครือข่ายของเรามีสถานีตรวจวัดสภาพอากาศเพียงแห่งเดียวคือ Walvis Bay Airport ที่เหมาะในการใช้เป็นตัวแทนสำหรับบันทึกข้อมูลอุณหภูมิและจุดน้ำค้างในอดีตของ Walvis Bay ด้วยระยะห่าง 15 กิโลเมตร จาก Walvis Bay ซึ่งใกล้กว่าเกณฑ์ที่เรากำหนดไว้ที่ 150 กิโลเมตร จึงถือว่าสถานีแห่งนี้อยู่ใกล้เพียงพอที่จะใช้เป็นแหล่งข้อมูลหลักของเราสำหรับบันทึกข้อมูลอุณหภูมิและจุดน้ำค้าง บันทึกข้อมูลของสถานีได้รับการแก้ไขเพื่อชดเชยความแตกต่างของระดับความสูงระหว่างสถานีกับ Walvis Bay ตามบรรยากาศมาตรฐานสากล และโดยการเปลี่ยนแปลงสัมพัทธ์ที่มีอยู่ใน MERRA-2 satellite-era reanalysis ระหว่างตำแหน่งที่ตั้งทั้งสองแห่ง โปรดทราบว่า สถานีเองอาจลงข้อมูลเพิ่มเติมในบันทึกโดยใช้ข้อมูลจากสถานีอื่นที่อยู่ใกล้เคียงหรือจาก MERRA-2 reanalysis ข้อมูลอื่น ๆข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งดวงอาทิตย์ (เช่น อาทิตย์ขึ้น และอาทิตย์ตก) เป็นการคำนวณโดยใช้สูตรทางดาราศาสตร์จากหนังสือ Astronomical Algorithms ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 โดย Jean Meeus ข้อมูลสภาพอากาศอื่น ๆ ทั้งหมด ซึ่งรวมถึงปริมาณเมฆปกคลุม หยาดน้ำฟ้า ความเร็วและทิศทางลม และคลื่นวิทยุจากอาทิตย์ เป็นข้อมูลจาก MERRA-2 Modern-Era Retrospective Analysis ของ NASA การวิเคราะห์ซ้ำนี้มีการผนวกรวมการวัดแบบต่าง ๆ ในพื้นที่กว้างโดยอาศัยแบบจำลองทางอุตุนิยมวิทยาที่ทันสมัยระดับโลก เพื่อสร้างบันทึกประวัติสภาพอากาศรายชั่วโมงทั่วโลกขึ้นมาใหม่บนตารางกริด 50 กิโลเมตร ข้อมูลการใช้ที่ดินมาจากฐานข้อมูล Global Land Cover SHARE ซึ่งองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติเป็นผู้เผยแพร่ ข้อมูลระดับความสูงมาจาก Shuttle Radar Topography Mission (SRTM) ที่ห้องปฏิบัติการ Jet Propulsion ของ NASA เป็นผู้เผยแพร่ ชื่อ ตำแหน่งที่ตั้ง และเขตเวลาของสถานที่และสนามบินบางแห่งมาจาก ฐานข้อมูลภู |