สภาพอากาศของเดือนมีนาคม ใน Valle de Vaquerías เม็กซิโก

อุณหภูมิสูงรายวัน เพิ่มขึ้น ไป 3°C จาก 27°C เป็น 30°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า 19°C หรือสูงกว่า 35°C

อุณหภูมิต่ำรายวัน เพิ่มขึ้น ไป 3°C จาก 13°C เป็น 16°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า 8°C หรือสูงกว่า 20°C

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 28 กรกฎาคม วันที่ร้อนที่สุด ของปี อุณหภูมิ ใน Valle de Vaquerías โดยทั่วไปอยู่ในช่วงตั้งแต่ 23°C ถึง 35°C ส่วน 5 มกราคม วันที่หนาวที่สุด ของปีนั้น อุณหภูมิอยู่ในช่วงตั้งแต่ 10°C ถึง 21°C

ตัวเลขข้างล่างแสดงให้คุณเห็นลักษณะโดยรวมของอุณหภูมิเฉลี่ยรายชั่วโมงในช่วงไตรมาสที่เริ่มจากเดือน มีนาคม ของปี แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน โดยมีสีแสดงอุณหภูมิเฉลี่ยสำหรับชั่วโมงและวันดังกล่าว

Pampa del Infierno, อาร์เจนตินา (ห่างออกไป 7,154 กิโลเมตร) เป็นสถานที่ที่อยู่ไกลในต่างประเทศ โดยมีอุณหภูมิที่คล้ายคลึงกับ Valle de Vaquerías มากที่สุด (ดูข้อมูลเปรียบเทียบ)

© OpenStreetMap contributors

เปรียบเทียบ Valle de Vaquerías กับอีกเมืองหนึ่ง :

เปรียบเทียบแผนที่

เดือน มีนาคม ใน Valle de Vaquerías มีเมฆปกคลุม อยู่ในระดับคงที่เป็นสำคัญ โดยที่ร้อยละของเวลาที่ท้องฟ้า มืดครึ้ม หรือ มีเมฆเป็นส่วนมาก ยังคงอยู่ที่ประมาณ 36% ตลอดทั้งเดือน

วันที่ท้องฟ้าแจ่มใสมากที่สุดของเดือนคือ 14 มีนาคม โดยที่ท้องฟ้า แจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือ มีเมฆบางส่วน ในอัตรา 65% ของเวลา

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 5 กันยายน ซึ่งเป็นวันที่มีเมฆมากที่สุดของปี สภาพอากาศมีโอกาส 53% ที่จะมืดครึ้มหรือมีเมฆเป็นส่วนมาก ส่วนในวันที่ 31 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันที่แจ่มใสมากที่สุดของปี ท้องฟ้ามีโอกาส 77% ที่จะแจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือมีเมฆบางส่วน

วันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก หมายถึงวันที่มีหยาดน้ำฟ้าเป็นของเหลวหรือเทียบเท่าของเหลว ในปริมาณอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร ใน Valle de Vaquerías วันที่หยาดน้ำฟ้าจะตกมากในช่วงเดือน มีนาคม มีโอกาส อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ โดยยังคงอยู่ที่ 9% ตลอดเดือน

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง โอกาสที่จะมีตกรายวันสูงสุดของปีคือ 40% ในวันที่ 8 กันยายน และโอกาสน้อยที่สุดคือ 5% ในวันที่ 9 ธันวาคม

ปริมาณน้ำฝน

เพื่อแสดงให้เห็นความแตกต่างภายในเดือน ไม่ใช่แค่ปริมาณทั้งหมดในแต่ละเดือน เราแสดงปริมาณน้ำฝนที่สะสมภายในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลังแต่ละวัน

ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในช่วง 31 วันก่อนและหลัง ระหว่างเดือน มีนาคม ใน Valle de Vaquerías เพิ่มขึ้นช้า ๆ โดยในช่วงต้นเดือนอยู่ที่ 13 มิลลิเมตร น้อยมากที่เกิน 38 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า -0 มิลลิเมตร ส่วนในช่วงปลายเดือนอยู่ที่ 21 มิลลิเมตร น้อยมากที่เกิน 66 มิลลิเมตร

ตลอดระยะเวลาของวันที่ มีนาคม ใน Valle de Vaquerías ความยาวของเวลากลางวัน เพิ่มขึ้น ตั้งแต่ต้นเดือนถึงสิ้นเดือน ความยาวของเวลากลางวัน เพิ่มขึ้น ไป 45 นาที ซึ่งชี้ให้เห็นว่ามี การเพิ่มขึ้น รายวันโดยเฉลี่ยเท่ากับ 1 นาที และ 30 วินาที และมี การเพิ่มขึ้น รายสัปดาห์เท่ากับ 10 นาที และ 33 วินาที

วันที่สั้นที่สุดของเดือนคือวันที่ 1 มีนาคม โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 11 ชั่วโมง และ 40 นาที ส่วนวันที่ยาวที่สุดคือวันที่ 31 มีนาคม โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 12 ชั่วโมง และ 25 นาที

เวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นช้าที่สุดของเดือน ใน Valle de Vaquerías คือ 07:03 เมื่อวันที่ 1 มีนาคม และพระอาทิตย์ขึ้นเร็วที่สุดคือ ก่อนหน้านั้น 31 นาที ในเวลา 06:32 เมื่อวันที่ 31 มีนาคม

เวลาที่พระอาทิตย์ตกเร็วที่สุดคือ 18:42 เมื่อวันที่ 1 มีนาคม และเวลาที่พระอาทิตย์ตกช้าที่สุดคือ หลังจากนั้นอีก 14 นาที ในเวลา 18:57 เมื่อวันที่ 31 มีนาคม

ไม่มีการใช้เวลาออมแสง ใน Valle de Vaquerías ระหว่างปี พ.ศ. 2567

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 20 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันยาวนานที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 05:50 และตกในเวลาอีก 13 ชั่วโมง และ 44 นาที ต่อมาที่เวลา 19:34 ส่วนในวันที่ 21 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันสั้นที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 07:22 และตกในเวลาอีก 10 ชั่วโมง และ 32 นาที ต่อมาที่ 17:55

รูปด้านล่างแสดงภาพระดับความสูงของดวงอาทิตย์แบบย่อ (มุมของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า) และมุมทิศ (มุมที่ดวงอาทิตย์มุ่งหน้าไปบนเข็มทิศ) ในแต่ละชั่วโมงของแต่ละวันตลอดช่วงเวลาที่มีการรายงาน แกนนอนเป็นวันของปี ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ในวันใด ๆ และชั่วโมงของวันนั้น สีพื้นหลังแสดงถึงมุมทิศของดวงอาทิตย์ในขณะนั้น เส้นเท่าสีดำเป็นเส้นชั้นความสูงของระดับความสูงคงที่ของดวงอาทิตย์

ตัวเลขข้างล่างแสดงภาพรวมโดยย่อของข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับดวงจันทร์สำหรับเดือน มีนาคม 2567 แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ส่วนพื้นที่สีระบุเวลาที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า แถบแนวตั้งสีเทา (จันทร์ดับ) และแถบสีน้ำเงิน (จันทร์เต็มดวง) ระบุดิถีสำคัญของดวงจันทร์ ข้อมูลที่สัมพันธ์กับแต่ละแถบแสดงให้เห็นวันที่และเวลาที่ได้รับข้อมูลข้างขึ้นข้างแรม ส่วนข้อมูลเวลาที่อยู่ด้วยกันระบุเวลาที่ดวงจันทร์ขึ้นและตกสำหรับช่วงเวลาที่ใกล้ที่สุดที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า

เราตั้งค่าระดับความสบายต่อความชื้นที่จุดน้ำค้างเนื่องจากเป็นตัวกำหนดว่า เหงื่อจะระเหยออกจากผิวหนังเพื่อให้ร่างกายเย็นลงหรือไม่ จุดน้ำค้างที่ต่ำทำให้รู้สึกว่าแห้งกว่า ส่วนจุดน้ำค้างที่สูงขึ้นจะทำให้รู้สึกว่าชื้นมากกว่า สิ่งที่แตกต่างจากอุณหภูมิคือ โดยทั่วไปอุณหภูมิในตอนกลางคืนและกลางวันจะมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ จุดน้ำค้างมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงได้ช้ากว่า ดังนั้นขณะที่อุณหภูมิอาจลดลงในตอนกลางคืน แต่โดยทั่วไปแล้ว ช่วงกลางวันที่อบอ้าวจะตามด้วยช่วงกลางคืนที่อบอ้าวเช่นกัน

โอกาสที่วันใดวันหนึ่งจะ ร้อนอบอ้าว ใน Valle de Vaquerías เพิ่มขึ้น ระหว่างเดือน มีนาคม เพิ่มขึ้น จาก 1% เป็น 7% ตลอดช่วงเวลาของเดือนนั้น

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 3 กันยายน ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวมากที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 81% ของเวลาทั้งหมด ส่วนในวันที่ 30 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวน้อยที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 0% ของเวลาทั้งหมด

เนื้อหาในส่วนนี้จะกล่าวถึงเวกเตอร์ (ความเร็วและทิศทาง) ลมเฉลี่ยรายชั่วโมงในพื้นที่กว้าง ที่ระดับ 10 เมตรเหนือพื้นดิน ลมที่ประสบในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งจะขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศเฉพาะแห่งและปัจจัยอื่น ๆ เป็นสำคัญ โดยที่ความเร็วและทิศทางลมเฉพาะขณะจะแตกต่างกันมากมากกว่าค่าเฉลี่ยรายชั่วโมง

ความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมง ใน Valle de Vaquerías เพิ่มขึ้นช้า ๆ ระหว่างเดือน มีนาคม โดยเพิ่มขึ้นจาก 12.4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 13.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตลอดช่วงเวลาทั้งเดือน

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 3 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่ลมแรงที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 15.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนในวันที่ 16 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่ลมสงบมากที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 9.9 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ทิศทางลมเฉลี่ยรายชั่วโมง ใน Valle de Vaquerías ตลอดเดือน มีนาคม ส่วนใหญ่คือจาก ทิศตะวันออก โดยมีสัดส่วนสูงสุดเท่ากับ 41% ในวันที่ 31 มีนาคม

คำจำกัดความของฤดูเพาะปลูกจะแตกต่างกันไปทั่วโลก แต่เพื่อวัตถุประสงค์ของรายงานนี้ เราให้นิยามไว้ว่า เป็นช่วงเวลาต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุดที่อุณหภูมิไม่ใช่จุดเยือกแข็ง (≥ 0°C) ในปีนั้น (ปีปฏิทินในซีกโลกเหนือ หรือตั้งแต่ 1 กรกฎาคม จนถึง 30 มิถุนายน ในซีกโลกใต้)

อุณหภูมิ ใน Valle de Vaquerías มีอากาศอบอุ่นเพียงพอตลอดทั้งปี จึงไม่มีความหมายแต่ประการใดที่จะกล่าวถึงฤดูเพาะปลูกด้วยเงื่อนไขเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม เราได้แสดงแผนภูมิไว้ด้านล่างเพื่อให้เห็นการกระจายของอุณหภูมิที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปี

ค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกเป็นค่าการสะสมความร้อนรายปี ซึ่งใช้เพื่อทำนายพัฒนาการของพืชและสัตว์ และหมายถึงค่าอินทิกรัลความอุ่นเหนืออุณหภูมิพื้นฐาน โดยไม่คำนึงถึงส่วนเกินใด ๆ ที่สูงกว่าอุณหภูมิสูงสุด ในรายงานนี้ เราใช้ค่าพื้นฐานเท่ากับ 10°C และค่าสูงสุดเท่ากับ 30°C

จำนวนวันที่มีค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกโดยเฉลี่ย ใน Valle de Vaquerías เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ระหว่างเดือน มีนาคม โดยเพิ่มขึ้น 308°C จาก 384°C เป็น 692°C ตลอดระยะเวลาทั้งเดือน

หัวข้อนี้จะอธิบายเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบรายวันทั้งหมดที่ตกกระทบพื้นผิวดินเป็นบริเวณกว้าง โดยพิจารณาถึงความผันแปรตามฤดูกาลในด้านช่วงแสงในแต่ละวัน ระดับความสูงของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า และการดูดกลืนแสงโดยเมฆและองค์ประกอบอื่นในชั้นบรรยากาศ รังสีคลื่นสั้นครอบคลุมถึงแสงที่มองเห็นได้และรังสีอัลตราไวโอเลต

พลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวัน ใน Valle de Vaquerías เพิ่มขึ้นช้า ๆ ระหว่างเดือน มีนาคม โดยเพิ่มขึ้น 0.9 กว.-ชม. จาก 5.7 กว.-ชม. เป็น 6.6 กว.-ชม. ตลอดช่วงเวลาทั้งเดือน

เพื่อให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ของรายงานฉบับนี้ พิกัดภูมิศาสตร์ของ Valle de Vaquerías คือละติจูดที่ 25.632° ลองจิจูดที่ -100.147° และระดับความสูง 444 ม.

ภูมิประเทศภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ Valle de Vaquerías มีระดับความสูงที่แตกต่างกันเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น โดยที่ระดับความสูงมีการเปลี่ยนแปลงสูงสุด 93 เมตร และความสูงเหนือระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยเท่ากับ 447 เมตร ภายในรัศมี 16 กิโลเมตร มีระดับความสูงที่แตกต่างกันเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น (1,449 เมตร) ภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ยังมีระดับความสูงที่แตกต่างกันมากอย่างยิ่งเช่นกัน (3,561 เมตร)

พื้นที่ภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ Valle de Vaquerías ปกคลุมไปด้วย พื้นที่เพาะปลูก (71%) พุ่มไม้ (15%) และพื้นผิวเทียม (14%) ส่วนภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย พื้นที่เพาะปลูก (46%)และพื้นผิวเทียม (22%) และภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย พุ่มไม้ (44%)และพื้นที่เพาะปลูก (26%)