สภาพอากาศของเดือนตุลาคม ใน Monte Santo บราซิล

อุณหภูมิสูงรายวัน เพิ่มขึ้น ไป 1°C จาก 32°C เป็น 34°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า 30°C หรือสูงกว่า 36°C

อุณหภูมิต่ำรายวัน เพิ่มขึ้น ไป 1°C จาก 20°C เป็น 21°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า 19°C หรือสูงกว่า 23°C

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 12 พฤศจิกายน วันที่ร้อนที่สุด ของปี อุณหภูมิ ใน Monte Santo โดยทั่วไปอยู่ในช่วงตั้งแต่ 21°C ถึง 34°C ส่วน 1 สิงหาคม วันที่หนาวที่สุด ของปีนั้น อุณหภูมิอยู่ในช่วงตั้งแต่ 18°C ถึง 28°C

ตัวเลขข้างล่างแสดงให้คุณเห็นลักษณะโดยรวมของอุณหภูมิเฉลี่ยรายชั่วโมงในช่วงไตรมาสที่เริ่มจากเดือน ตุลาคม ของปี แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน โดยมีสีแสดงอุณหภูมิเฉลี่ยสำหรับชั่วโมงและวันดังกล่าว

Ciro Redondo, คิวบา (ห่างออกไป 5,615 กิโลเมตร) เป็นสถานที่ที่อยู่ไกลในต่างประเทศ โดยมีอุณหภูมิที่คล้ายคลึงกับ Monte Santo มากที่สุด (ดูข้อมูลเปรียบเทียบ)

© OpenStreetMap contributors

เปรียบเทียบ Monte Santo กับอีกเมืองหนึ่ง :

เปรียบเทียบแผนที่

เดือน ตุลาคม ใน Monte Santo มีเมฆปกคลุม เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาก โดยที่ร้อยละของเวลาที่ท้องฟ้า มืดครึ้ม หรือ มีเมฆเป็นส่วนมาก เพิ่มขึ้น จาก 32% เป็น 53%

วันที่ท้องฟ้าแจ่มใสมากที่สุดของเดือนคือ 1 ตุลาคม โดยที่ท้องฟ้า แจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือ มีเมฆบางส่วน ในอัตรา 68% ของเวลา

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 5 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่มีเมฆมากที่สุดของปี สภาพอากาศมีโอกาส 67% ที่จะมืดครึ้มหรือมีเมฆเป็นส่วนมาก ส่วนในวันที่ 11 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่แจ่มใสมากที่สุดของปี ท้องฟ้ามีโอกาส 74% ที่จะแจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือมีเมฆบางส่วน

วันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก หมายถึงวันที่มีหยาดน้ำฟ้าเป็นของเหลวหรือเทียบเท่าของเหลว ในปริมาณอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร ใน Monte Santo วันที่หยาดน้ำฟ้าจะตกมากในช่วงเดือน ตุลาคม มีโอกาส เพิ่มขึ้น โดยในช่วงต้นเดือนมีโอกาส 5% ส่วนช่วงปลายเดือนมีโอกาส 10%

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง โอกาสที่จะมีตกรายวันสูงสุดของปีคือ 24% ในวันที่ 25 มีนาคม และโอกาสน้อยที่สุดคือ 4% ในวันที่ 10 กันยายน

ปริมาณน้ำฝน

เพื่อแสดงให้เห็นความแตกต่างภายในเดือน ไม่ใช่แค่ปริมาณทั้งหมดในแต่ละเดือน เราแสดงปริมาณน้ำฝนที่สะสมภายในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลังแต่ละวัน

ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในช่วง 31 วันก่อนและหลัง ระหว่างเดือน ตุลาคม ใน Monte Santo เพิ่มขึ้น โดยในช่วงต้นเดือนอยู่ที่ 8 มิลลิเมตร น้อยมากที่เกิน 26 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า -0 มิลลิเมตร ส่วนในช่วงปลายเดือนอยู่ที่ 23 มิลลิเมตร น้อยมากที่เกิน 58 มิลลิเมตร

ตลอดระยะเวลาของวันที่ ตุลาคม ใน Monte Santo ความยาวของเวลากลางวัน เพิ่มขึ้นช้า ๆ ตั้งแต่ต้นเดือนถึงสิ้นเดือน ความยาวของเวลากลางวัน เพิ่มขึ้น ไป 17 นาที ซึ่งชี้ให้เห็นว่ามี การเพิ่มขึ้น รายวันโดยเฉลี่ยเท่ากับ 34 วินาที และมี การเพิ่มขึ้น รายสัปดาห์เท่ากับ 3 นาที และ 56 วินาที

วันที่สั้นที่สุดของเดือนคือวันที่ 1 ตุลาคม โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 12 ชั่วโมง และ 12 นาที ส่วนวันที่ยาวที่สุดคือวันที่ 31 ตุลาคม โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 12 ชั่วโมง และ 29 นาที

เวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นช้าที่สุดของเดือน ใน Monte Santo คือ 05:20 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม และพระอาทิตย์ขึ้นเร็วที่สุดคือ ก่อนหน้านั้น 14 นาที ในเวลา 05:06 เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม

เวลาที่พระอาทิตย์ตกเร็วที่สุดคือ 17:32 เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม และเวลาที่พระอาทิตย์ตกช้าที่สุดคือ หลังจากนั้นอีก 2 นาที และ 37 วินาที ในเวลา 17:35 เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม

ไม่มีการใช้เวลาออมแสง ใน Monte Santo ระหว่างปี พ.ศ. 2567

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 21 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันยาวนานที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 05:13 และตกในเวลาอีก 12 ชั่วโมง และ 44 นาที ต่อมาที่เวลา 17:57 ส่วนในวันที่ 20 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันสั้นที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 05:53 และตกในเวลาอีก 11 ชั่วโมง และ 31 นาที ต่อมาที่ 17:24

รูปด้านล่างแสดงภาพระดับความสูงของดวงอาทิตย์แบบย่อ (มุมของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า) และมุมทิศ (มุมที่ดวงอาทิตย์มุ่งหน้าไปบนเข็มทิศ) ในแต่ละชั่วโมงของแต่ละวันตลอดช่วงเวลาที่มีการรายงาน แกนนอนเป็นวันของปี ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ในวันใด ๆ และชั่วโมงของวันนั้น สีพื้นหลังแสดงถึงมุมทิศของดวงอาทิตย์ในขณะนั้น เส้นเท่าสีดำเป็นเส้นชั้นความสูงของระดับความสูงคงที่ของดวงอาทิตย์

ตัวเลขข้างล่างแสดงภาพรวมโดยย่อของข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับดวงจันทร์สำหรับเดือน ตุลาคม 2567 แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ส่วนพื้นที่สีระบุเวลาที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า แถบแนวตั้งสีเทา (จันทร์ดับ) และแถบสีน้ำเงิน (จันทร์เต็มดวง) ระบุดิถีสำคัญของดวงจันทร์ ข้อมูลที่สัมพันธ์กับแต่ละแถบแสดงให้เห็นวันที่และเวลาที่ได้รับข้อมูลข้างขึ้นข้างแรม ส่วนข้อมูลเวลาที่อยู่ด้วยกันระบุเวลาที่ดวงจันทร์ขึ้นและตกสำหรับช่วงเวลาที่ใกล้ที่สุดที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า

เราตั้งค่าระดับความสบายต่อความชื้นที่จุดน้ำค้างเนื่องจากเป็นตัวกำหนดว่า เหงื่อจะระเหยออกจากผิวหนังเพื่อให้ร่างกายเย็นลงหรือไม่ จุดน้ำค้างที่ต่ำทำให้รู้สึกว่าแห้งกว่า ส่วนจุดน้ำค้างที่สูงขึ้นจะทำให้รู้สึกว่าชื้นมากกว่า สิ่งที่แตกต่างจากอุณหภูมิคือ โดยทั่วไปอุณหภูมิในตอนกลางคืนและกลางวันจะมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ จุดน้ำค้างมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงได้ช้ากว่า ดังนั้นขณะที่อุณหภูมิอาจลดลงในตอนกลางคืน แต่โดยทั่วไปแล้ว ช่วงกลางวันที่อบอ้าวจะตามด้วยช่วงกลางคืนที่อบอ้าวเช่นกัน

โอกาสที่วันใดวันหนึ่งจะ ร้อนอบอ้าว ใน Monte Santo เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ระหว่างเดือน ตุลาคม เพิ่มขึ้น จาก 19% เป็น 30% ตลอดช่วงเวลาของเดือนนั้น

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 21 เมษายน ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวมากที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 72% ของเวลาทั้งหมด ส่วนในวันที่ 21 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวน้อยที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 11% ของเวลาทั้งหมด

เนื้อหาในส่วนนี้จะกล่าวถึงเวกเตอร์ (ความเร็วและทิศทาง) ลมเฉลี่ยรายชั่วโมงในพื้นที่กว้าง ที่ระดับ 10 เมตรเหนือพื้นดิน ลมที่ประสบในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งจะขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศเฉพาะแห่งและปัจจัยอื่น ๆ เป็นสำคัญ โดยที่ความเร็วและทิศทางลมเฉพาะขณะจะแตกต่างกันมากมากกว่าค่าเฉลี่ยรายชั่วโมง

ความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมง ใน Monte Santo is อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ ระหว่างเดือน ตุลาคม โดยคงอยู่ภายในช่วง 0.4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ของ 20.7 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตลอดเดือน

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 10 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันที่ลมแรงที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 21.1 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนในวันที่ 23 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่ลมสงบมากที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 15.7 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ความเร็วลมเฉลี่ยสูงสุดรายวันระหว่างเดือน ตุลาคม คือ 21.1 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในวันที่ 10 ตุลาคม

ทิศทางลมเฉลี่ยรายชั่วโมง ใน Monte Santo ตลอดเดือน ตุลาคม ส่วนใหญ่คือจาก ทิศตะวันออก โดยมีสัดส่วนสูงสุดเท่ากับ 93% ในวันที่ 30 ตุลาคม

คำจำกัดความของฤดูเพาะปลูกจะแตกต่างกันไปทั่วโลก แต่เพื่อวัตถุประสงค์ของรายงานนี้ เราให้นิยามไว้ว่า เป็นช่วงเวลาต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุดที่อุณหภูมิไม่ใช่จุดเยือกแข็ง (≥ 0°C) ในปีนั้น (ปีปฏิทินในซีกโลกเหนือ หรือตั้งแต่ 1 กรกฎาคม จนถึง 30 มิถุนายน ในซีกโลกใต้)

อุณหภูมิ ใน Monte Santo มีอากาศอบอุ่นเพียงพอตลอดทั้งปี จึงไม่มีความหมายแต่ประการใดที่จะกล่าวถึงฤดูเพาะปลูกด้วยเงื่อนไขเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม เราได้แสดงแผนภูมิไว้ด้านล่างเพื่อให้เห็นการกระจายของอุณหภูมิที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปี

ค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกเป็นค่าการสะสมความร้อนรายปี ซึ่งใช้เพื่อทำนายพัฒนาการของพืชและสัตว์ และหมายถึงค่าอินทิกรัลความอุ่นเหนืออุณหภูมิพื้นฐาน โดยไม่คำนึงถึงส่วนเกินใด ๆ ที่สูงกว่าอุณหภูมิสูงสุด ในรายงานนี้ เราใช้ค่าพื้นฐานเท่ากับ 10°C และค่าสูงสุดเท่ากับ 30°C

จำนวนวันที่มีค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกโดยเฉลี่ย ใน Monte Santo เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ระหว่างเดือน ตุลาคม โดยเพิ่มขึ้น 464°C จาก 1,198°C เป็น 1,662°C ตลอดระยะเวลาทั้งเดือน

หัวข้อนี้จะอธิบายเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบรายวันทั้งหมดที่ตกกระทบพื้นผิวดินเป็นบริเวณกว้าง โดยพิจารณาถึงความผันแปรตามฤดูกาลในด้านช่วงแสงในแต่ละวัน ระดับความสูงของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า และการดูดกลืนแสงโดยเมฆและองค์ประกอบอื่นในชั้นบรรยากาศ รังสีคลื่นสั้นครอบคลุมถึงแสงที่มองเห็นได้และรังสีอัลตราไวโอเลต

พลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวัน ใน Monte Santo อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ ระหว่างเดือน ตุลาคม โดยคงอยู่ที่ประมาณ 7.4 กว.-ชม. ตลอดเดือน

พลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยสูงสุดรายวันระหว่างเดือนเดือน ตุลาคม คือ 7.5 กว.-ชม. ในวันที่ 19 ตุลาคม

เพื่อให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ของรายงานฉบับนี้ พิกัดภูมิศาสตร์ของ Monte Santo คือละติจูดที่ -10.438° ลองจิจูดที่ -39.333° และระดับความสูง 483 ม.

ภูมิประเทศภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ Monte Santo มีระดับความสูงที่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญมาก โดยที่ระดับความสูงมีการเปลี่ยนแปลงสูงสุด 422 เมตร และความสูงเหนือระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยเท่ากับ 472 เมตร ภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ยังมีระดับความสูงที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญมากเช่นกัน (489 เมตร) ภายในรัศมี 80 กิโลเมตร มีระดับความสูงที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญมาก (777 เมตร)

พื้นที่ภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ Monte Santo ปกคลุมไปด้วย ทุ่งหญ้า (30%) พุ่มไม้ (30%) ต้นไม้ (27%) และพื้นที่เพาะปลูก (13%) ส่วนภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย พุ่มไม้ (34%)และต้นไม้ (31%) และภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย พุ่มไม้ (43%)และต้นไม้ (27%)