สภาพอากาศของเดือนกุมภาพันธ์ ใน Monte Buey อาร์เจนตินา

อุณหภูมิสูงรายวัน ลดลง ไป 1°C จาก 29°C เป็น 28°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า 23°C หรือสูงกว่า 34°C

อุณหภูมิต่ำรายวันอยู่ที่ประมาณ 17°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า 12°C หรือสูงกว่า 21°C

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 8 มกราคม วันที่ร้อนที่สุด ของปี อุณหภูมิ ใน Monte Buey โดยทั่วไปอยู่ในช่วงตั้งแต่ 18°C ถึง 30°C ส่วน 18 กรกฎาคม วันที่หนาวที่สุด ของปีนั้น อุณหภูมิอยู่ในช่วงตั้งแต่ 4°C ถึง 16°C

ตัวเลขข้างล่างแสดงให้คุณเห็นลักษณะโดยรวมของอุณหภูมิเฉลี่ยรายชั่วโมงในช่วงไตรมาสที่เริ่มจากเดือน กุมภาพันธ์ ของปี แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน โดยมีสีแสดงอุณหภูมิเฉลี่ยสำหรับชั่วโมงและวันดังกล่าว

Dungog, ออสเตรเลีย (ห่างออกไป 11,928 กิโลเมตร) เป็นสถานที่ที่อยู่ไกลในต่างประเทศ โดยมีอุณหภูมิที่คล้ายคลึงกับ Monte Buey มากที่สุด (ดูข้อมูลเปรียบเทียบ)

© OpenStreetMap contributors

เปรียบเทียบ Monte Buey กับอีกเมืองหนึ่ง :

เปรียบเทียบแผนที่

เดือน กุมภาพันธ์ ใน Monte Buey มีเมฆปกคลุม อยู่ในระดับคงที่เป็นสำคัญ โดยที่ร้อยละของเวลาที่ท้องฟ้า มืดครึ้ม หรือ มีเมฆเป็นส่วนมาก ยังคงอยู่ที่ประมาณ 26% ตลอดทั้งเดือน

วันที่ท้องฟ้าแจ่มใสมากที่สุดของเดือนคือ 2 กุมภาพันธ์ โดยที่ท้องฟ้า แจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือ มีเมฆบางส่วน ในอัตรา 75% ของเวลา

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 30 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันที่มีเมฆมากที่สุดของปี สภาพอากาศมีโอกาส 47% ที่จะมืดครึ้มหรือมีเมฆเป็นส่วนมาก ส่วนในวันที่ 16 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่แจ่มใสมากที่สุดของปี ท้องฟ้ามีโอกาส 75% ที่จะแจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือมีเมฆบางส่วน

วันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก หมายถึงวันที่มีหยาดน้ำฟ้าเป็นของเหลวหรือเทียบเท่าของเหลว ในปริมาณอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร ใน Monte Buey วันที่หยาดน้ำฟ้าจะตกมากในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ มีโอกาส อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ โดยยังคงอยู่ที่ 34% ตลอดเดือน

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง โอกาสที่จะมีตกรายวันสูงสุดของปีคือ 36% ในวันที่ 21 ธันวาคม และโอกาสน้อยที่สุดคือ 6% ในวันที่ 2 กรกฎาคม

ปริมาณน้ำฝน

เพื่อแสดงให้เห็นความแตกต่างภายในเดือน ไม่ใช่แค่ปริมาณทั้งหมดในแต่ละเดือน เราแสดงปริมาณน้ำฝนที่สะสมภายในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลังแต่ละวัน

ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลัง ระหว่างเดือน กุมภาพันธ์ ใน Monte Buey อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ โดยคงอยู่ที่ประมาณ 122 มิลลิเมตร ตลอดเดือน น้อยมากที่เกิน 210 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า 54 มิลลิเมตร

ปริมาณสะสมใน 31 วันโดยเฉลี่ยสูงสุด เท่ากับ 124 มิลลิเมตร ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์

ตลอดระยะเวลาของวันที่ กุมภาพันธ์ ใน Monte Buey ความยาวของเวลากลางวัน ลดลง ตั้งแต่ต้นเดือนถึงสิ้นเดือน ความยาวของเวลากลางวัน ลดลง ไป 53 นาที ซึ่งชี้ให้เห็นว่ามี การลดลง รายวันโดยเฉลี่ยเท่ากับ 1 นาที และ 53 วินาที และมี การลดลง รายสัปดาห์เท่ากับ 13 นาที และ 14 วินาที

วันที่สั้นที่สุดของเดือนคือวันที่ 29 กุมภาพันธ์ โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 12 ชั่วโมง และ 48 นาที ส่วนวันที่ยาวที่สุดคือวันที่ 1 กุมภาพันธ์ โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 13 ชั่วโมง และ 41 นาที

เวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นเร็วที่สุดของเดือน ใน Monte Buey คือ 06:32 เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ และพระอาทิตย์ขึ้นช้าที่สุดคือ หลังจากนั้นอีก 25 นาที ในเวลา 06:58 เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์

เวลาที่พระอาทิตย์ตกช้าที่สุดคือ 20:13 เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ และเวลาที่พระอาทิตย์ตกเร็วที่สุดคือ หลังจากนั้นอีก 28 นาที ในเวลา 19:45 เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์

ไม่มีการใช้เวลาออมแสง ใน Monte Buey ระหว่างปี พ.ศ. 2567

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 21 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันยาวนานที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 05:58 และตกในเวลาอีก 14 ชั่วโมง และ 20 นาที ต่อมาที่เวลา 20:18 ส่วนในวันที่ 20 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันสั้นที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 08:12 และตกในเวลาอีก 9 ชั่วโมง และ 59 นาที ต่อมาที่ 18:10

รูปด้านล่างแสดงภาพระดับความสูงของดวงอาทิตย์แบบย่อ (มุมของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า) และมุมทิศ (มุมที่ดวงอาทิตย์มุ่งหน้าไปบนเข็มทิศ) ในแต่ละชั่วโมงของแต่ละวันตลอดช่วงเวลาที่มีการรายงาน แกนนอนเป็นวันของปี ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ในวันใด ๆ และชั่วโมงของวันนั้น สีพื้นหลังแสดงถึงมุมทิศของดวงอาทิตย์ในขณะนั้น เส้นเท่าสีดำเป็นเส้นชั้นความสูงของระดับความสูงคงที่ของดวงอาทิตย์

ตัวเลขข้างล่างแสดงภาพรวมโดยย่อของข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับดวงจันทร์สำหรับเดือน กุมภาพันธ์ 2567 แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ส่วนพื้นที่สีระบุเวลาที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า แถบแนวตั้งสีเทา (จันทร์ดับ) และแถบสีน้ำเงิน (จันทร์เต็มดวง) ระบุดิถีสำคัญของดวงจันทร์ ข้อมูลที่สัมพันธ์กับแต่ละแถบแสดงให้เห็นวันที่และเวลาที่ได้รับข้อมูลข้างขึ้นข้างแรม ส่วนข้อมูลเวลาที่อยู่ด้วยกันระบุเวลาที่ดวงจันทร์ขึ้นและตกสำหรับช่วงเวลาที่ใกล้ที่สุดที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า

เราตั้งค่าระดับความสบายต่อความชื้นที่จุดน้ำค้างเนื่องจากเป็นตัวกำหนดว่า เหงื่อจะระเหยออกจากผิวหนังเพื่อให้ร่างกายเย็นลงหรือไม่ จุดน้ำค้างที่ต่ำทำให้รู้สึกว่าแห้งกว่า ส่วนจุดน้ำค้างที่สูงขึ้นจะทำให้รู้สึกว่าชื้นมากกว่า สิ่งที่แตกต่างจากอุณหภูมิคือ โดยทั่วไปอุณหภูมิในตอนกลางคืนและกลางวันจะมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ จุดน้ำค้างมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงได้ช้ากว่า ดังนั้นขณะที่อุณหภูมิอาจลดลงในตอนกลางคืน แต่โดยทั่วไปแล้ว ช่วงกลางวันที่อบอ้าวจะตามด้วยช่วงกลางคืนที่อบอ้าวเช่นกัน

โอกาสที่วันใดวันหนึ่งจะ ร้อนอบอ้าว ใน Monte Buey ลดลงช้า ๆ ระหว่างเดือน กุมภาพันธ์ ลดลง จาก 48% เป็น 45% ตลอดช่วงเวลาของเดือนนั้น

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 19 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวมากที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 50% ของเวลาทั้งหมด ส่วนในวันที่ 17 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวน้อยที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 0% ของเวลาทั้งหมด

เนื้อหาในส่วนนี้จะกล่าวถึงเวกเตอร์ (ความเร็วและทิศทาง) ลมเฉลี่ยรายชั่วโมงในพื้นที่กว้าง ที่ระดับ 10 เมตรเหนือพื้นดิน ลมที่ประสบในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งจะขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศเฉพาะแห่งและปัจจัยอื่น ๆ เป็นสำคัญ โดยที่ความเร็วและทิศทางลมเฉพาะขณะจะแตกต่างกันมากมากกว่าค่าเฉลี่ยรายชั่วโมง

ความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมง ใน Monte Buey is อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ ระหว่างเดือน กุมภาพันธ์ โดยคงอยู่ภายในช่วง 0.1 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ของ 8.4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตลอดเดือน

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 30 กันยายน ซึ่งเป็นวันที่ลมแรงที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 10.9 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันที่ลมสงบมากที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 8.2 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ความเร็วลมเฉลี่ยต่ำสุดรายวันระหว่างเดือน กุมภาพันธ์ คือ 8.2 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในวันที่ 29 กุมภาพันธ์

ทิศทางลมเฉลี่ยรายชั่วโมง ใน Monte Buey ตลอดเดือน กุมภาพันธ์ ส่วนใหญ่คือจาก ทิศเหนือ โดยมีสัดส่วนสูงสุดเท่ากับ 41% ในวันที่ 29 กุมภาพันธ์

คำจำกัดความของฤดูเพาะปลูกจะแตกต่างกันไปทั่วโลก แต่เพื่อวัตถุประสงค์ของรายงานนี้ เราให้นิยามไว้ว่า เป็นช่วงเวลาต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุดที่อุณหภูมิไม่ใช่จุดเยือกแข็ง (≥ 0°C) ในปีนั้น (ปีปฏิทินในซีกโลกเหนือ หรือตั้งแต่ 1 กรกฎาคม จนถึง 30 มิถุนายน ในซีกโลกใต้)

โดยทั่วไป ฤดูเพาะปลูก ใน Monte Buey จะมีเวลานาน 9.3 เดือน (282 วัน) โดยเริ่มตั้งแต่ประมาณวันที่ 27 สิงหาคม ถึงประมาณวันที่ 5 มิถุนายน น้อยครั้งมากที่จะเริ่มต้นก่อนวันที่ 1 สิงหาคม หรือหลังวันที่ 18 กันยายน และน้อยครั้งมากที่จะสิ้นสุดก่อนวันที่ 7 พฤษภาคม หรือหลังวันที่ 28 มิถุนายน

เดือน กุมภาพันธ์ ใน Monte Buey อยู่ภายในช่วงฤดูกาลเพาะปลูกมาโดยตลอด

ค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกเป็นค่าการสะสมความร้อนรายปี ซึ่งใช้เพื่อทำนายพัฒนาการของพืชและสัตว์ และหมายถึงค่าอินทิกรัลความอุ่นเหนืออุณหภูมิพื้นฐาน โดยไม่คำนึงถึงส่วนเกินใด ๆ ที่สูงกว่าอุณหภูมิสูงสุด ในรายงานนี้ เราใช้ค่าพื้นฐานเท่ากับ 10°C และค่าสูงสุดเท่ากับ 30°C

จำนวนวันที่มีค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกโดยเฉลี่ย ใน Monte Buey เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ระหว่างเดือน กุมภาพันธ์ โดยเพิ่มขึ้น 337°C จาก 1,696°C เป็น 2,033°C ตลอดระยะเวลาทั้งเดือน

หัวข้อนี้จะอธิบายเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบรายวันทั้งหมดที่ตกกระทบพื้นผิวดินเป็นบริเวณกว้าง โดยพิจารณาถึงความผันแปรตามฤดูกาลในด้านช่วงแสงในแต่ละวัน ระดับความสูงของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า และการดูดกลืนแสงโดยเมฆและองค์ประกอบอื่นในชั้นบรรยากาศ รังสีคลื่นสั้นครอบคลุมถึงแสงที่มองเห็นได้และรังสีอัลตราไวโอเลต

พลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวัน ใน Monte Buey ลดลง ระหว่างเดือน กุมภาพันธ์ โดยลดลง 1.0 กว.-ชม. จาก 7.3 กว.-ชม. เป็น 6.3 กว.-ชม. ตลอดช่วงเวลาทั้งเดือน

เพื่อให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ของรายงานฉบับนี้ พิกัดภูมิศาสตร์ของ Monte Buey คือละติจูดที่ -32.916° ลองจิจูดที่ -62.457° และระดับความสูง 113 ม.

ภูมิประเทศภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ Monte Buey มี ลักษณะราบเรียบเป็นสำคัญ โดยที่ระดับความสูงมีการเปลี่ยนแปลงสูงสุด 13 เมตร และความสูงเหนือระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยเท่ากับ 111 เมตร ภายในรัศมี 16 กิโลเมตร มีลักษณะราบเรียบเป็นสำคัญ (39 เมตร) ภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ยังมีระดับความสูงที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น (147 เมตร)

พื้นที่ภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ Monte Buey ปกคลุมไปด้วย พื้นที่เพาะปลูก (98%) ส่วนภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย พื้นที่เพาะปลูก (91%) และภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย พื้นที่เพาะปลูก (83%)