สภาพอากาศของเดือนพฤศจิกายน ใน Cape May สหรัฐอเมริกา

อุณหภูมิสูงรายวัน ลดลง ไป 5°C จาก 16°C เป็น 11°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า 5°C หรือสูงกว่า 21°C

อุณหภูมิต่ำรายวัน ลดลง ไป 5°C จาก 8°C เป็น 3°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า -3°C หรือสูงกว่า 14°C

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 20 กรกฎาคม วันที่ร้อนที่สุด ของปี อุณหภูมิ ใน Cape May โดยทั่วไปอยู่ในช่วงตั้งแต่ 21°C ถึง 29°C ส่วน 31 มกราคม วันที่หนาวที่สุด ของปีนั้น อุณหภูมิอยู่ในช่วงตั้งแต่ -2°C ถึง 6°C

ตัวเลขข้างล่างแสดงให้คุณเห็นลักษณะโดยรวมของอุณหภูมิเฉลี่ยรายชั่วโมงในช่วงไตรมาสที่เริ่มจากเดือน พฤศจิกายน ของปี แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน โดยมีสีแสดงอุณหภูมิเฉลี่ยสำหรับชั่วโมงและวันดังกล่าว

Gedzhukh, รัสเซีย (ห่างออกไป 9,331 กิโลเมตร)และAso, ญี่ปุ่น (11,598 กิโลเมตร) เป็นสถานที่ที่อยู่ไกลในต่างประเทศ โดยมีอุณหภูมิที่คล้ายคลึงกับ Cape May มากที่สุด (ดูข้อมูลเปรียบเทียบ)

© OpenStreetMap contributors

เปรียบเทียบ Cape May กับอีกเมืองหนึ่ง :

เปรียบเทียบแผนที่

เดือน พฤศจิกายน ใน Cape May มีเมฆปกคลุม เพิ่มขึ้นช้า ๆ โดยที่ร้อยละของเวลาที่ท้องฟ้า มืดครึ้ม หรือ มีเมฆเป็นส่วนมาก เพิ่มขึ้น จาก 42% เป็น 47%

วันที่ท้องฟ้าแจ่มใสมากที่สุดของเดือนคือ 2 พฤศจิกายน โดยที่ท้องฟ้า แจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือ มีเมฆบางส่วน ในอัตรา 59% ของเวลา

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 5 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่มีเมฆมากที่สุดของปี สภาพอากาศมีโอกาส 51% ที่จะมืดครึ้มหรือมีเมฆเป็นส่วนมาก ส่วนในวันที่ 11 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันที่แจ่มใสมากที่สุดของปี ท้องฟ้ามีโอกาส 64% ที่จะแจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือมีเมฆบางส่วน

วันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก หมายถึงวันที่มีหยาดน้ำฟ้าเป็นของเหลวหรือเทียบเท่าของเหลว ในปริมาณอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร ใน Cape May วันที่หยาดน้ำฟ้าจะตกมากในช่วงเดือน พฤศจิกายน มีโอกาส เพิ่มขึ้น โดยในช่วงต้นเดือนมีโอกาส 23% ส่วนช่วงปลายเดือนมีโอกาส 27%

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง โอกาสที่จะมีตกรายวันสูงสุดของปีคือ 36% ในวันที่ 5 สิงหาคม และโอกาสน้อยที่สุดคือ 20% ในวันที่ 19 ตุลาคม

ในช่วงเดือน พฤศจิกายน ใน Cape May โอกาสที่จะเป็นวันที่มี ฝนเท่านั้นเพิ่มขึ้น จาก 23% เป็น 25% โอกาสที่จะเป็นวันที่มี หิมะผสมฝน ยังคงอยู่ที่ 1% เป็นสำคัญตลอดทั้งวัน และโอกาสที่จะเป็นวันที่มี หิมะล้วน ยังคงอยู่ที่ 0% เป็นสำคัญตลอดทั้งวัน

ปริมาณน้ำฝน

เพื่อแสดงให้เห็นความแตกต่างภายในเดือน ไม่ใช่แค่ปริมาณทั้งหมดในแต่ละเดือน เราแสดงปริมาณน้ำฝนที่สะสมภายในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลังแต่ละวัน

ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลัง ระหว่างเดือน พฤศจิกายน ใน Cape May อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ โดยคงอยู่ที่ประมาณ 84 มิลลิเมตร ตลอดเดือน น้อยมากที่เกิน 163 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า 19 มิลลิเมตร

ตลอดระยะเวลาของวันที่ พฤศจิกายน ใน Cape May ความยาวของเวลากลางวัน ลดลง ตั้งแต่ต้นเดือนถึงสิ้นเดือน ความยาวของเวลากลางวัน ลดลง ไป 52 นาที ซึ่งชี้ให้เห็นว่ามี การลดลง รายวันโดยเฉลี่ยเท่ากับ 1 นาที และ 47 วินาที และมี การลดลง รายสัปดาห์เท่ากับ 12 นาที และ 30 วินาที

วันที่สั้นที่สุดของเดือนคือวันที่ 30 พฤศจิกายน โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 9 ชั่วโมง และ 39 นาที ส่วนวันที่ยาวที่สุดคือวันที่ 1 พฤศจิกายน โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 10 ชั่วโมง และ 31 นาที

เวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นช้าที่สุดของเดือน ใน Cape May คือ 07:28 เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน และพระอาทิตย์ขึ้นเร็วที่สุดคือ ก่อนหน้านั้น 59 นาที ในเวลา 06:29 เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน

เวลาที่พระอาทิตย์ตกช้าที่สุดคือ 17:58 เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน และเวลาที่พระอาทิตย์ตกเร็วที่สุดคือ หลังจากนั้นอีก 1 ชั่วโมง และ 20 นาที ในเวลา 16:37 เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน

เวลาออมแสง (DST) เริ่มต้นที่เวลา 01:00 ของวันที่ 3 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งปรับเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกให้ช้าลงหนึ่งชั่วโมง

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 20 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันยาวนานที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 05:34 และตกในเวลาอีก 14 ชั่วโมง และ 54 นาที ต่อมาที่เวลา 20:28 ส่วนในวันที่ 21 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันสั้นที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 07:15 และตกในเวลาอีก 9 ชั่วโมง และ 26 นาที ต่อมาที่ 16:41

รูปด้านล่างแสดงภาพระดับความสูงของดวงอาทิตย์แบบย่อ (มุมของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า) และมุมทิศ (มุมที่ดวงอาทิตย์มุ่งหน้าไปบนเข็มทิศ) ในแต่ละชั่วโมงของแต่ละวันตลอดช่วงเวลาที่มีการรายงาน แกนนอนเป็นวันของปี ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ในวันใด ๆ และชั่วโมงของวันนั้น สีพื้นหลังแสดงถึงมุมทิศของดวงอาทิตย์ในขณะนั้น เส้นเท่าสีดำเป็นเส้นชั้นความสูงของระดับความสูงคงที่ของดวงอาทิตย์

ตัวเลขข้างล่างแสดงภาพรวมโดยย่อของข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับดวงจันทร์สำหรับเดือน พฤศจิกายน 2567 แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ส่วนพื้นที่สีระบุเวลาที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า แถบแนวตั้งสีเทา (จันทร์ดับ) และแถบสีน้ำเงิน (จันทร์เต็มดวง) ระบุดิถีสำคัญของดวงจันทร์ ข้อมูลที่สัมพันธ์กับแต่ละแถบแสดงให้เห็นวันที่และเวลาที่ได้รับข้อมูลข้างขึ้นข้างแรม ส่วนข้อมูลเวลาที่อยู่ด้วยกันระบุเวลาที่ดวงจันทร์ขึ้นและตกสำหรับช่วงเวลาที่ใกล้ที่สุดที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า

เราตั้งค่าระดับความสบายต่อความชื้นที่จุดน้ำค้างเนื่องจากเป็นตัวกำหนดว่า เหงื่อจะระเหยออกจากผิวหนังเพื่อให้ร่างกายเย็นลงหรือไม่ จุดน้ำค้างที่ต่ำทำให้รู้สึกว่าแห้งกว่า ส่วนจุดน้ำค้างที่สูงขึ้นจะทำให้รู้สึกว่าชื้นมากกว่า สิ่งที่แตกต่างจากอุณหภูมิคือ โดยทั่วไปอุณหภูมิในตอนกลางคืนและกลางวันจะมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ จุดน้ำค้างมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงได้ช้ากว่า ดังนั้นขณะที่อุณหภูมิอาจลดลงในตอนกลางคืน แต่โดยทั่วไปแล้ว ช่วงกลางวันที่อบอ้าวจะตามด้วยช่วงกลางคืนที่อบอ้าวเช่นกัน

โอกาสที่วันใดวันหนึ่งจะ ร้อนอบอ้าว ใน Cape May อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ ระหว่างเดือน พฤศจิกายน โดยคงอยู่ภายในช่วง 1% ของ 1% ตลอดเดือน

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 28 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวมากที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 66% ของเวลาทั้งหมด ส่วนในวันที่ 9 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวน้อยที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 0% ของเวลาทั้งหมด

เนื้อหาในส่วนนี้จะกล่าวถึงเวกเตอร์ (ความเร็วและทิศทาง) ลมเฉลี่ยรายชั่วโมงในพื้นที่กว้าง ที่ระดับ 10 เมตรเหนือพื้นดิน ลมที่ประสบในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งจะขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศเฉพาะแห่งและปัจจัยอื่น ๆ เป็นสำคัญ โดยที่ความเร็วและทิศทางลมเฉพาะขณะจะแตกต่างกันมากมากกว่าค่าเฉลี่ยรายชั่วโมง

ความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมง ใน Cape May เพิ่มขึ้นช้า ๆ ระหว่างเดือน พฤศจิกายน โดยเพิ่มขึ้นจาก 22.8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 23.8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตลอดช่วงเวลาทั้งเดือน

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 13 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่ลมแรงที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 24.7 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนในวันที่ 25 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่ลมสงบมากที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 14.8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ทิศทางลมเฉลี่ยรายชั่วโมง ใน Cape May ตลอดเดือน พฤศจิกายน ส่วนใหญ่คือจาก ทิศตะวันตก โดยมีสัดส่วนสูงสุดเท่ากับ 37% ในวันที่ 30 พฤศจิกายน

Cape May ตั้งอยู่ใกล้แหล่งน้ำขนาดใหญ่ (เช่น มหาสมุทร ทะเล หรือทะเลสาบขนาดใหญ่) เนื้อหาในส่วนนี้จะรายงานเกี่ยวกับอุณหภูมิน้ำผิวดินในพื้นที่กว้างโดยเฉลี่ยของแหล่งน้ำนั้น

อุณหภูมิน้ำผิวดินเฉลี่ย ใน Cape May ลดลงอย่างรวดเร็ว ระหว่างเดือน พฤศจิกายน, ลดลง 5°C จาก 15°C เป็น 10°C ตลอดช่วงเวลาทั้งเดือน

คำจำกัดความของฤดูเพาะปลูกจะแตกต่างกันไปทั่วโลก แต่เพื่อวัตถุประสงค์ของรายงานนี้ เราให้นิยามไว้ว่า เป็นช่วงเวลาต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุดที่อุณหภูมิไม่ใช่จุดเยือกแข็ง (≥ 0°C) ในปีนั้น (ปีปฏิทินในซีกโลกเหนือ หรือตั้งแต่ 1 กรกฎาคม จนถึง 30 มิถุนายน ในซีกโลกใต้)

โดยทั่วไป ฤดูเพาะปลูก ใน Cape May จะมีเวลานาน 7.4 เดือน (225 วัน) โดยเริ่มตั้งแต่ประมาณวันที่ 31 มีนาคม ถึงประมาณวันที่ 12 พฤศจิกายน น้อยครั้งมากที่จะเริ่มต้นก่อนวันที่ 13 มีนาคม หรือหลังวันที่ 21 เมษายน และน้อยครั้งมากที่จะสิ้นสุดก่อนวันที่ 26 ตุลาคม หรือหลังวันที่ 28 พฤศจิกายน

ระหว่างเดือน พฤศจิกายน ใน Cape May โอกาสที่วันใดวันหนึ่งจะอยู่ภายในช่วงฤดูกาลเพาะปลูก ลดลงอย่างรวดเร็วมาก โดยลดลง จาก 79% เป็น 8% ตลอดช่วงเวลาทั้งเดือน

ค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกเป็นค่าการสะสมความร้อนรายปี ซึ่งใช้เพื่อทำนายพัฒนาการของพืชและสัตว์ และหมายถึงค่าอินทิกรัลความอุ่นเหนืออุณหภูมิพื้นฐาน โดยไม่คำนึงถึงส่วนเกินใด ๆ ที่สูงกว่าอุณหภูมิสูงสุด ในรายงานนี้ เราใช้ค่าพื้นฐานเท่ากับ 10°C และค่าสูงสุดเท่ากับ 30°C

จำนวนวันที่มีค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกโดยเฉลี่ย ใน Cape May เพิ่มขึ้นช้า ๆ ระหว่างเดือน พฤศจิกายน โดยเพิ่มขึ้น 56°C จาก 2,000°C เป็น 2,056°C ตลอดระยะเวลาทั้งเดือน

หัวข้อนี้จะอธิบายเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบรายวันทั้งหมดที่ตกกระทบพื้นผิวดินเป็นบริเวณกว้าง โดยพิจารณาถึงความผันแปรตามฤดูกาลในด้านช่วงแสงในแต่ละวัน ระดับความสูงของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า และการดูดกลืนแสงโดยเมฆและองค์ประกอบอื่นในชั้นบรรยากาศ รังสีคลื่นสั้นครอบคลุมถึงแสงที่มองเห็นได้และรังสีอัลตราไวโอเลต

พลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวัน ใน Cape May ลดลงช้า ๆ ระหว่างเดือน พฤศจิกายน โดยลดลง 0.9 กว.-ชม. จาก 3.1 กว.-ชม. เป็น 2.3 กว.-ชม. ตลอดช่วงเวลาทั้งเดือน

เพื่อให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ของรายงานฉบับนี้ พิกัดภูมิศาสตร์ของ Cape May คือละติจูดที่ 38.935° ลองจิจูดที่ -74.906° และระดับความสูง 1 ม.

ภูมิประเทศภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ Cape May มี ลักษณะราบเรียบเป็นสำคัญ โดยที่ระดับความสูงมีการเปลี่ยนแปลงสูงสุด 5 เมตร และความสูงเหนือระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยเท่ากับ 1 เมตร ภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ก็มีลักษณะราบเรียบเป็นสำคัญ (7 เมตร) เช่นกัน ภายในรัศมี 80 กิโลเมตร มีลักษณะราบเรียบเป็นสำคัญ (48 เมตร)

พื้นที่ภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ Cape May ปกคลุมไปด้วย น้ำ (60%)และพื้นผิวเทียม (32%) ส่วนภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย น้ำ (81%) และภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย น้ำ (56%)และพื้นที่เพาะปลูก (18%)