สภาพอากาศของเดือนมกราคม ใน เกาะนอร์ฟอล์ก เกาะนอร์ฟอล์ก

อุณหภูมิสูงรายวันอยู่ที่ประมาณ 25°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า 23°C หรือสูงกว่า 26°C

อุณหภูมิต่ำรายวันอยู่ที่ประมาณ 21°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า 18°C หรือสูงกว่า 23°C

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ วันที่ร้อนที่สุด ของปี อุณหภูมิ ใน เกาะนอร์ฟอล์ก โดยทั่วไปอยู่ในช่วงตั้งแต่ 21°C ถึง 25°C ส่วน 17 สิงหาคม วันที่หนาวที่สุด ของปีนั้น อุณหภูมิอยู่ในช่วงตั้งแต่ 15°C ถึง 19°C

ตัวเลขข้างล่างแสดงให้คุณเห็นลักษณะโดยรวมของอุณหภูมิเฉลี่ยรายชั่วโมงในช่วงไตรมาสที่เริ่มจากเดือน มกราคม ของปี แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน โดยมีสีแสดงอุณหภูมิเฉลี่ยสำหรับชั่วโมงและวันดังกล่าว

© OpenStreetMap contributors

เปรียบเทียบ เกาะนอร์ฟอล์ก กับอีกเมืองหนึ่ง :

เปรียบเทียบแผนที่

เดือน มกราคม ใน เกาะนอร์ฟอล์ก มีเมฆปกคลุม อยู่ในระดับคงที่เป็นสำคัญ โดยที่ร้อยละของเวลาที่ท้องฟ้า มืดครึ้ม หรือ มีเมฆเป็นส่วนมาก ยังคงอยู่ที่ประมาณ 41% ตลอดทั้งเดือน

วันที่ท้องฟ้าแจ่มใสมากที่สุดของเดือนคือ 15 มกราคม โดยที่ท้องฟ้า แจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือ มีเมฆบางส่วน ในอัตรา 60% ของเวลา

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 15 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่มีเมฆมากที่สุดของปี สภาพอากาศมีโอกาส 45% ที่จะมืดครึ้มหรือมีเมฆเป็นส่วนมาก ส่วนในวันที่ 1 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่แจ่มใสมากที่สุดของปี ท้องฟ้ามีโอกาส 76% ที่จะแจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือมีเมฆบางส่วน

วันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก หมายถึงวันที่มีหยาดน้ำฟ้าเป็นของเหลวหรือเทียบเท่าของเหลว ในปริมาณอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร ใน เกาะนอร์ฟอล์ก วันที่หยาดน้ำฟ้าจะตกมากในช่วงเดือน มกราคม มีโอกาส ลดลงช้า ๆ โดยในช่วงต้นเดือนมีโอกาส 21% ส่วนช่วงปลายเดือนมีโอกาส 19%

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง โอกาสที่จะมีตกรายวันสูงสุดของปีคือ 28% ในวันที่ 24 กรกฎาคม และโอกาสน้อยที่สุดคือ 13% ในวันที่ 1 ตุลาคม

ปริมาณน้ำฝน

เพื่อแสดงให้เห็นความแตกต่างภายในเดือน ไม่ใช่แค่ปริมาณทั้งหมดในแต่ละเดือน เราแสดงปริมาณน้ำฝนที่สะสมภายในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลังแต่ละวัน

ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลัง ระหว่างเดือน มกราคม ใน เกาะนอร์ฟอล์ก ลดลงช้า ๆ โดยในช่วงต้นเดือนอยู่ที่ 67 มิลลิเมตร น้อยมากที่เกิน 158 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า 12 มิลลิเมตร ส่วนในช่วงปลายเดือนอยู่ที่ 59 มิลลิเมตร น้อยมากที่เกิน 133 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า 5 มิลลิเมตร

ตลอดระยะเวลาของวันที่ มกราคม ใน เกาะนอร์ฟอล์ก ความยาวของเวลากลางวัน ลดลงช้า ๆ ตั้งแต่ต้นเดือนถึงสิ้นเดือน ความยาวของเวลากลางวัน ลดลง ไป 29 นาที ซึ่งชี้ให้เห็นว่ามี การลดลง รายวันโดยเฉลี่ยเท่ากับ 58 วินาที และมี การลดลง รายสัปดาห์เท่ากับ 6 นาที และ 45 วินาที

วันที่สั้นที่สุดของเดือนคือวันที่ 31 มกราคม โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 13 ชั่วโมง และ 29 นาที ส่วนวันที่ยาวที่สุดคือวันที่ 1 มกราคม โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 13 ชั่วโมง และ 58 นาที

เวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นเร็วที่สุดของเดือน ใน เกาะนอร์ฟอล์ก คือ 05:52 เมื่อวันที่ 1 มกราคม และพระอาทิตย์ขึ้นช้าที่สุดคือ หลังจากนั้นอีก 24 นาที ในเวลา 06:16 เมื่อวันที่ 31 มกราคม

เวลาที่พระอาทิตย์ตกช้าที่สุดคือ 19:51 เมื่อวันที่ 10 มกราคม และเวลาที่พระอาทิตย์ตกเร็วที่สุดคือ หลังจากนั้นอีก 6 นาที ในเวลา 19:45 เมื่อวันที่ 31 มกราคม

มีการใช้เวลาออมแสง ใน เกาะนอร์ฟอล์ก ระหว่างปี พ.ศ. 2567 แต่ไม่เริ่มต้นหรือสิ้นสุดลงในเดือน มกราคม ดังนั้นจึงมีการใช้เวลามาตรฐานตลอดทั้งเดือน

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 21 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันยาวนานที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 05:46 และตกในเวลาอีก 14 ชั่วโมง และ 0 นาที ต่อมาที่เวลา 19:46 ส่วนในวันที่ 20 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันสั้นที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 06:41 และตกในเวลาอีก 10 ชั่วโมง และ 17 นาที ต่อมาที่ 16:58

รูปด้านล่างแสดงภาพระดับความสูงของดวงอาทิตย์แบบย่อ (มุมของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า) และมุมทิศ (มุมที่ดวงอาทิตย์มุ่งหน้าไปบนเข็มทิศ) ในแต่ละชั่วโมงของแต่ละวันตลอดช่วงเวลาที่มีการรายงาน แกนนอนเป็นวันของปี ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ในวันใด ๆ และชั่วโมงของวันนั้น สีพื้นหลังแสดงถึงมุมทิศของดวงอาทิตย์ในขณะนั้น เส้นเท่าสีดำเป็นเส้นชั้นความสูงของระดับความสูงคงที่ของดวงอาทิตย์

ตัวเลขข้างล่างแสดงภาพรวมโดยย่อของข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับดวงจันทร์สำหรับเดือน มกราคม 2567 แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ส่วนพื้นที่สีระบุเวลาที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า แถบแนวตั้งสีเทา (จันทร์ดับ) และแถบสีน้ำเงิน (จันทร์เต็มดวง) ระบุดิถีสำคัญของดวงจันทร์ ข้อมูลที่สัมพันธ์กับแต่ละแถบแสดงให้เห็นวันที่และเวลาที่ได้รับข้อมูลข้างขึ้นข้างแรม ส่วนข้อมูลเวลาที่อยู่ด้วยกันระบุเวลาที่ดวงจันทร์ขึ้นและตกสำหรับช่วงเวลาที่ใกล้ที่สุดที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า

เราตั้งค่าระดับความสบายต่อความชื้นที่จุดน้ำค้างเนื่องจากเป็นตัวกำหนดว่า เหงื่อจะระเหยออกจากผิวหนังเพื่อให้ร่างกายเย็นลงหรือไม่ จุดน้ำค้างที่ต่ำทำให้รู้สึกว่าแห้งกว่า ส่วนจุดน้ำค้างที่สูงขึ้นจะทำให้รู้สึกว่าชื้นมากกว่า สิ่งที่แตกต่างจากอุณหภูมิคือ โดยทั่วไปอุณหภูมิในตอนกลางคืนและกลางวันจะมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ จุดน้ำค้างมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงได้ช้ากว่า ดังนั้นขณะที่อุณหภูมิอาจลดลงในตอนกลางคืน แต่โดยทั่วไปแล้ว ช่วงกลางวันที่อบอ้าวจะตามด้วยช่วงกลางคืนที่อบอ้าวเช่นกัน

โอกาสที่วันใดวันหนึ่งจะ ร้อนอบอ้าว ใน เกาะนอร์ฟอล์ก เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ระหว่างเดือน มกราคม เพิ่มขึ้น จาก 40% เป็น 51% ตลอดช่วงเวลาของเดือนนั้น

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวมากที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 53% ของเวลาทั้งหมด ส่วนในวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวน้อยที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 0% ของเวลาทั้งหมด

เนื้อหาในส่วนนี้จะกล่าวถึงเวกเตอร์ (ความเร็วและทิศทาง) ลมเฉลี่ยรายชั่วโมงในพื้นที่กว้าง ที่ระดับ 10 เมตรเหนือพื้นดิน ลมที่ประสบในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งจะขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศเฉพาะแห่งและปัจจัยอื่น ๆ เป็นสำคัญ โดยที่ความเร็วและทิศทางลมเฉพาะขณะจะแตกต่างกันมากมากกว่าค่าเฉลี่ยรายชั่วโมง

ความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมง ใน เกาะนอร์ฟอล์ก เพิ่มขึ้นช้า ๆ ระหว่างเดือน มกราคม โดยเพิ่มขึ้นจาก 22.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 23.4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตลอดช่วงเวลาทั้งเดือน

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 8 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่ลมแรงที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 26.8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนในวันที่ 9 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่ลมสงบมากที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 20.8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ทิศทางลมเฉลี่ยรายชั่วโมง ใน เกาะนอร์ฟอล์ก ตลอดเดือน มกราคม ส่วนใหญ่คือจาก ทิศตะวันออก โดยมีสัดส่วนสูงสุดเท่ากับ 60% ในวันที่ 31 มกราคม

เกาะนอร์ฟอล์ก ตั้งอยู่ใกล้แหล่งน้ำขนาดใหญ่ (เช่น มหาสมุทร ทะเล หรือทะเลสาบขนาดใหญ่) เนื้อหาในส่วนนี้จะรายงานเกี่ยวกับอุณหภูมิน้ำผิวดินในพื้นที่กว้างโดยเฉลี่ยของแหล่งน้ำนั้น

อุณหภูมิน้ำผิวดินเฉลี่ย ใน เกาะนอร์ฟอล์ก อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ ระหว่างเดือน มกราคม โดยคงอยู่ที่ประมาณ 23°C ตลอดเดือน

คำจำกัดความของฤดูเพาะปลูกจะแตกต่างกันไปทั่วโลก แต่เพื่อวัตถุประสงค์ของรายงานนี้ เราให้นิยามไว้ว่า เป็นช่วงเวลาต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุดที่อุณหภูมิไม่ใช่จุดเยือกแข็ง (≥ 0°C) ในปีนั้น (ปีปฏิทินในซีกโลกเหนือ หรือตั้งแต่ 1 กรกฎาคม จนถึง 30 มิถุนายน ในซีกโลกใต้)

อุณหภูมิ ใน เกาะนอร์ฟอล์ก มีอากาศอบอุ่นเพียงพอตลอดทั้งปี จึงไม่มีความหมายแต่ประการใดที่จะกล่าวถึงฤดูเพาะปลูกด้วยเงื่อนไขเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม เราได้แสดงแผนภูมิไว้ด้านล่างเพื่อให้เห็นการกระจายของอุณหภูมิที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปี

ค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกเป็นค่าการสะสมความร้อนรายปี ซึ่งใช้เพื่อทำนายพัฒนาการของพืชและสัตว์ และหมายถึงค่าอินทิกรัลความอุ่นเหนืออุณหภูมิพื้นฐาน โดยไม่คำนึงถึงส่วนเกินใด ๆ ที่สูงกว่าอุณหภูมิสูงสุด ในรายงานนี้ เราใช้ค่าพื้นฐานเท่ากับ 10°C และค่าสูงสุดเท่ากับ 30°C

จำนวนวันที่มีค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกโดยเฉลี่ย ใน เกาะนอร์ฟอล์ก เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ระหว่างเดือน มกราคม โดยเพิ่มขึ้น 371°C จาก 1,534°C เป็น 1,905°C ตลอดระยะเวลาทั้งเดือน

หัวข้อนี้จะอธิบายเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบรายวันทั้งหมดที่ตกกระทบพื้นผิวดินเป็นบริเวณกว้าง โดยพิจารณาถึงความผันแปรตามฤดูกาลในด้านช่วงแสงในแต่ละวัน ระดับความสูงของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า และการดูดกลืนแสงโดยเมฆและองค์ประกอบอื่นในชั้นบรรยากาศ รังสีคลื่นสั้นครอบคลุมถึงแสงที่มองเห็นได้และรังสีอัลตราไวโอเลต

พลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวัน ใน เกาะนอร์ฟอล์ก is อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ ระหว่างเดือน มกราคม โดยคงอยู่ภายในช่วง 0.2 กว.-ชม. ของ 7.1 กว.-ชม. ตลอดเดือน

เพื่อให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ของรายงานฉบับนี้ พิกัดภูมิศาสตร์ของ เกาะนอร์ฟอล์ก คือละติจูดที่ -29.033° ลองจิจูดที่ 167.950° และระดับความสูง 0 ม.

ภูมิประเทศภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ เกาะนอร์ฟอล์ก มี ลักษณะราบเรียบเป็นสำคัญ โดยที่ระดับความสูงมีการเปลี่ยนแปลงสูงสุด 0 เมตร และความสูงเหนือระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยเท่ากับ 0 เมตร ภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ก็มีลักษณะราบเรียบเป็นสำคัญ (0 เมตร) เช่นกัน ภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ก็มีลักษณะราบเรียบเป็นสำคัญ (0 เมตร) เช่นกัน

พื้นที่ภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ เกาะนอร์ฟอล์ก ปกคลุมไปด้วย ต้นไม้ (61%) ทุ่งหญ้า (23%) และน้ำ (10%) ส่วนภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย น้ำ (96%) และภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย น้ำ (100%)