สภาพอากาศของเดือนสิงหาคม ใน ประเทศมอลโดวา มอลโดวา

อุณหภูมิสูงรายวัน ลดลง ไป 3°C จาก 28°C เป็น 25°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า 19°C หรือสูงกว่า 34°C อุณหภูมิสูงเฉลี่ยรายวันสูงสุดคือ 28°C ในวันที่ 2 สิงหาคม

อุณหภูมิต่ำรายวัน ลดลง ไป 3°C จาก 16°C เป็น 13°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า 9°C หรือสูงกว่า 20°C

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 29 กรกฎาคม วันที่ร้อนที่สุด ของปี อุณหภูมิ ใน ประเทศมอลโดวา โดยทั่วไปอยู่ในช่วงตั้งแต่ 16°C ถึง 28°C ส่วน 21 มกราคม วันที่หนาวที่สุด ของปีนั้น อุณหภูมิอยู่ในช่วงตั้งแต่ -5°C ถึง 1°C

ตัวเลขข้างล่างแสดงให้คุณเห็นลักษณะโดยรวมของอุณหภูมิเฉลี่ยรายชั่วโมงในช่วงไตรมาสที่เริ่มจากเดือน สิงหาคม ของปี แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน โดยมีสีแสดงอุณหภูมิเฉลี่ยสำหรับชั่วโมงและวันดังกล่าว

© OpenStreetMap contributors

เปรียบเทียบ ประเทศมอลโดวา กับอีกเมืองหนึ่ง :

เปรียบเทียบแผนที่

เดือน สิงหาคม ใน ประเทศมอลโดวา มีเมฆปกคลุม เพิ่มขึ้น โดยที่ร้อยละของเวลาที่ท้องฟ้า มืดครึ้ม หรือ มีเมฆเป็นส่วนมาก เพิ่มขึ้น จาก 20% เป็น 30% โอกาสต่ำสุดที่ท้องฟ้าจะ มืดครึ้ม หรือ มีเมฆเป็นส่วนมาก ในวันที่ 2 สิงหาคม คือ 20%

วันที่ท้องฟ้าแจ่มใสมากที่สุดของเดือนคือ 2 สิงหาคม โดยที่ท้องฟ้า แจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือ มีเมฆบางส่วน ในอัตรา 80% ของเวลา

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 16 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่มีเมฆมากที่สุดของปี สภาพอากาศมีโอกาส 64% ที่จะมืดครึ้มหรือมีเมฆเป็นส่วนมาก ส่วนในวันที่ 2 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่แจ่มใสมากที่สุดของปี ท้องฟ้ามีโอกาส 80% ที่จะแจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือมีเมฆบางส่วน

วันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก หมายถึงวันที่มีหยาดน้ำฟ้าเป็นของเหลวหรือเทียบเท่าของเหลว ในปริมาณอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร ใน ประเทศมอลโดวา วันที่หยาดน้ำฟ้าจะตกมากในช่วงเดือน สิงหาคม มีโอกาส อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ โดยยังคงอยู่ที่ 17% ตลอดเดือน

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง โอกาสที่จะมีตกรายวันสูงสุดของปีคือ 26% ในวันที่ 1 มิถุนายน และโอกาสน้อยที่สุดคือ 10% ในวันที่ 23 มกราคม

ปริมาณน้ำฝน

เพื่อแสดงให้เห็นความแตกต่างภายในเดือน ไม่ใช่แค่ปริมาณทั้งหมดในแต่ละเดือน เราแสดงปริมาณน้ำฝนที่สะสมภายในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลังแต่ละวัน

ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลัง ระหว่างเดือน สิงหาคม ใน ประเทศมอลโดวา อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ โดยคงอยู่ที่ประมาณ 35 มิลลิเมตร ตลอดเดือน น้อยมากที่เกิน 79 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า 6 มิลลิเมตร

ปริมาณสะสมใน 31 วันโดยเฉลี่ยต่ำสุด เท่ากับ 32 มิลลิเมตร ในวันที่ 8 สิงหาคม

ตลอดระยะเวลาของวันที่ สิงหาคม ใน ประเทศมอลโดวา ความยาวของเวลากลางวัน ลดลงอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ต้นเดือนถึงสิ้นเดือน ความยาวของเวลากลางวัน ลดลง ไป 1 ชั่วโมง และ 31 นาที ซึ่งชี้ให้เห็นว่ามี การลดลง รายวันโดยเฉลี่ยเท่ากับ 3 นาที และ 1 วินาที และมี การลดลง รายสัปดาห์เท่ากับ 21 นาที และ 9 วินาที

วันที่สั้นที่สุดของเดือนคือวันที่ 31 สิงหาคม โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 13 ชั่วโมง และ 23 นาที ส่วนวันที่ยาวที่สุดคือวันที่ 1 สิงหาคม โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 14 ชั่วโมง และ 54 นาที

เวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นเร็วที่สุดของเดือน ใน ประเทศมอลโดวา คือ 05:44 เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม และพระอาทิตย์ขึ้นช้าที่สุดคือ หลังจากนั้นอีก 39 นาที ในเวลา 06:23 เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม

เวลาที่พระอาทิตย์ตกช้าที่สุดคือ 20:38 เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม และเวลาที่พระอาทิตย์ตกเร็วที่สุดคือ หลังจากนั้นอีก 52 นาที ในเวลา 19:47 เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม

มีการใช้เวลาออมแสง ใน ประเทศมอลโดวา ระหว่างปี พ.ศ. 2567 แต่ไม่เริ่มต้นหรือสิ้นสุดลงในเดือน สิงหาคม ดังนั้นจึงมีการใช้เวลามาตรฐานตลอดทั้งเดือน

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 20 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันยาวนานที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 05:09 และตกในเวลาอีก 15 ชั่วโมง และ 56 นาที ต่อมาที่เวลา 21:05 ส่วนในวันที่ 21 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันสั้นที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 07:49 และตกในเวลาอีก 8 ชั่วโมง และ 28 นาที ต่อมาที่ 16:18

รูปด้านล่างแสดงภาพระดับความสูงของดวงอาทิตย์แบบย่อ (มุมของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า) และมุมทิศ (มุมที่ดวงอาทิตย์มุ่งหน้าไปบนเข็มทิศ) ในแต่ละชั่วโมงของแต่ละวันตลอดช่วงเวลาที่มีการรายงาน แกนนอนเป็นวันของปี ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ในวันใด ๆ และชั่วโมงของวันนั้น สีพื้นหลังแสดงถึงมุมทิศของดวงอาทิตย์ในขณะนั้น เส้นเท่าสีดำเป็นเส้นชั้นความสูงของระดับความสูงคงที่ของดวงอาทิตย์

ตัวเลขข้างล่างแสดงภาพรวมโดยย่อของข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับดวงจันทร์สำหรับเดือน สิงหาคม 2567 แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ส่วนพื้นที่สีระบุเวลาที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า แถบแนวตั้งสีเทา (จันทร์ดับ) และแถบสีน้ำเงิน (จันทร์เต็มดวง) ระบุดิถีสำคัญของดวงจันทร์ ข้อมูลที่สัมพันธ์กับแต่ละแถบแสดงให้เห็นวันที่และเวลาที่ได้รับข้อมูลข้างขึ้นข้างแรม ส่วนข้อมูลเวลาที่อยู่ด้วยกันระบุเวลาที่ดวงจันทร์ขึ้นและตกสำหรับช่วงเวลาที่ใกล้ที่สุดที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า

เราตั้งค่าระดับความสบายต่อความชื้นที่จุดน้ำค้างเนื่องจากเป็นตัวกำหนดว่า เหงื่อจะระเหยออกจากผิวหนังเพื่อให้ร่างกายเย็นลงหรือไม่ จุดน้ำค้างที่ต่ำทำให้รู้สึกว่าแห้งกว่า ส่วนจุดน้ำค้างที่สูงขึ้นจะทำให้รู้สึกว่าชื้นมากกว่า สิ่งที่แตกต่างจากอุณหภูมิคือ โดยทั่วไปอุณหภูมิในตอนกลางคืนและกลางวันจะมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ จุดน้ำค้างมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงได้ช้ากว่า ดังนั้นขณะที่อุณหภูมิอาจลดลงในตอนกลางคืน แต่โดยทั่วไปแล้ว ช่วงกลางวันที่อบอ้าวจะตามด้วยช่วงกลางคืนที่อบอ้าวเช่นกัน

โอกาสที่วันใดวันหนึ่งจะ ร้อนอบอ้าว ใน ประเทศมอลโดวา ลดลง ระหว่างเดือน สิงหาคม ลดลง จาก 7% เป็น 1% ตลอดช่วงเวลาของเดือนนั้น

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 22 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวมากที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 8% ของเวลาทั้งหมด ส่วนในวันที่ 12 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวน้อยที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 0% ของเวลาทั้งหมด

เนื้อหาในส่วนนี้จะกล่าวถึงเวกเตอร์ (ความเร็วและทิศทาง) ลมเฉลี่ยรายชั่วโมงในพื้นที่กว้าง ที่ระดับ 10 เมตรเหนือพื้นดิน ลมที่ประสบในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งจะขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศเฉพาะแห่งและปัจจัยอื่น ๆ เป็นสำคัญ โดยที่ความเร็วและทิศทางลมเฉพาะขณะจะแตกต่างกันมากมากกว่าค่าเฉลี่ยรายชั่วโมง

ความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมง ใน ประเทศมอลโดวา เพิ่มขึ้นช้า ๆ ระหว่างเดือน สิงหาคม โดยเพิ่มขึ้นจาก 12.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 13.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตลอดช่วงเวลาทั้งเดือน

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 8 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่ลมแรงที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 16.7 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนในวันที่ 2 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่ลมสงบมากที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 12.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ความเร็วลมเฉลี่ยต่ำสุดรายวันระหว่างเดือน สิงหาคม คือ 12.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในวันที่ 3 สิงหาคม

ทิศทางลมเฉลี่ยรายชั่วโมง ใน ประเทศมอลโดวา ตลอดเดือน สิงหาคม ส่วนใหญ่คือจาก ทิศเหนือ โดยมีสัดส่วนสูงสุดเท่ากับ 47% ในวันที่ 11 สิงหาคม

คำจำกัดความของฤดูเพาะปลูกจะแตกต่างกันไปทั่วโลก แต่เพื่อวัตถุประสงค์ของรายงานนี้ เราให้นิยามไว้ว่า เป็นช่วงเวลาต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุดที่อุณหภูมิไม่ใช่จุดเยือกแข็ง (≥ 0°C) ในปีนั้น (ปีปฏิทินในซีกโลกเหนือ หรือตั้งแต่ 1 กรกฎาคม จนถึง 30 มิถุนายน ในซีกโลกใต้)

โดยทั่วไป ฤดูเพาะปลูก ใน ประเทศมอลโดวา จะมีเวลานาน 6.5 เดือน (198 วัน) โดยเริ่มตั้งแต่ประมาณวันที่ 9 เมษายน ถึงประมาณวันที่ 25 ตุลาคม น้อยครั้งมากที่จะเริ่มต้นก่อนวันที่ 22 มีนาคม หรือหลังวันที่ 28 เมษายน และน้อยครั้งมากที่จะสิ้นสุดก่อนวันที่ 8 ตุลาคม หรือหลังวันที่ 12 พฤศจิกายน

เดือน สิงหาคม ใน ประเทศมอลโดวา อยู่ภายในช่วงฤดูกาลเพาะปลูกมาโดยตลอด

ค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกเป็นค่าการสะสมความร้อนรายปี ซึ่งใช้เพื่อทำนายพัฒนาการของพืชและสัตว์ และหมายถึงค่าอินทิกรัลความอุ่นเหนืออุณหภูมิพื้นฐาน โดยไม่คำนึงถึงส่วนเกินใด ๆ ที่สูงกว่าอุณหภูมิสูงสุด ในรายงานนี้ เราใช้ค่าพื้นฐานเท่ากับ 10°C และค่าสูงสุดเท่ากับ 30°C

จำนวนวันที่มีค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกโดยเฉลี่ย ใน ประเทศมอลโดวา เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ระหว่างเดือน สิงหาคม โดยเพิ่มขึ้น 342°C จาก 1,016°C เป็น 1,357°C ตลอดระยะเวลาทั้งเดือน

หัวข้อนี้จะอธิบายเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบรายวันทั้งหมดที่ตกกระทบพื้นผิวดินเป็นบริเวณกว้าง โดยพิจารณาถึงความผันแปรตามฤดูกาลในด้านช่วงแสงในแต่ละวัน ระดับความสูงของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า และการดูดกลืนแสงโดยเมฆและองค์ประกอบอื่นในชั้นบรรยากาศ รังสีคลื่นสั้นครอบคลุมถึงแสงที่มองเห็นได้และรังสีอัลตราไวโอเลต

พลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวัน ใน ประเทศมอลโดวา ลดลง ระหว่างเดือน สิงหาคม โดยลดลง 1.3 กว.-ชม. จาก 6.6 กว.-ชม. เป็น 5.3 กว.-ชม. ตลอดช่วงเวลาทั้งเดือน

เพื่อให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ของรายงานฉบับนี้ พิกัดภูมิศาสตร์ของ ประเทศมอลโดวา คือละติจูดที่ 47.250° ลองจิจูดที่ 28.583° และระดับความสูง 0 ม.

ภูมิประเทศภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ ประเทศมอลโดวา มี ลักษณะราบเรียบเป็นสำคัญ โดยที่ระดับความสูงมีการเปลี่ยนแปลงสูงสุด 0 เมตร และความสูงเหนือระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยเท่ากับ 0 เมตร ภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ก็มีลักษณะราบเรียบเป็นสำคัญ (0 เมตร) เช่นกัน ภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ก็มีลักษณะราบเรียบเป็นสำคัญ (0 เมตร) เช่นกัน

พื้นที่ภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ ประเทศมอลโดวา ปกคลุมไปด้วย พื้นที่เพาะปลูก (71%)และต้นไม้ (14%) ส่วนภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย พื้นที่เพาะปลูก (55%)และต้นไม้ (30%) และภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย พื้นที่เพาะปลูก (64%)และต้นไม้ (18%)