สภาพอากาศของเดือนธันวาคม ใน เจอร์ซีย์ เจอร์ซีย์

อุณหภูมิสูงรายวัน ลดลง ไป 1°C จาก 10°C เป็น 9°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า 4°C หรือสูงกว่า 13°C

อุณหภูมิต่ำรายวัน ลดลง ไป 1°C จาก 7°C เป็น 5°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า 1°C หรือสูงกว่า 10°C

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 2 สิงหาคม วันที่ร้อนที่สุด ของปี อุณหภูมิ ใน เจอร์ซีย์ โดยทั่วไปอยู่ในช่วงตั้งแต่ 15°C ถึง 20°C ส่วน 9 กุมภาพันธ์ วันที่หนาวที่สุด ของปีนั้น อุณหภูมิอยู่ในช่วงตั้งแต่ 4°C ถึง 8°C

ตัวเลขข้างล่างแสดงให้คุณเห็นลักษณะโดยรวมของอุณหภูมิเฉลี่ยรายชั่วโมงในช่วงไตรมาสที่เริ่มจากเดือน ธันวาคม ของปี แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน โดยมีสีแสดงอุณหภูมิเฉลี่ยสำหรับชั่วโมงและวันดังกล่าว

© OpenStreetMap contributors

เปรียบเทียบ เจอร์ซีย์ กับอีกเมืองหนึ่ง :

เปรียบเทียบแผนที่

เดือน ธันวาคม ใน เจอร์ซีย์ มีเมฆปกคลุม เพิ่มขึ้นช้า ๆ โดยที่ร้อยละของเวลาที่ท้องฟ้า มืดครึ้ม หรือ มีเมฆเป็นส่วนมาก เพิ่มขึ้น จาก 59% เป็น 64% โอกาสสูงสุดที่ท้องฟ้าจะ มืดครึ้ม หรือ มีเมฆเป็นส่วนมาก ในวันที่ 29 ธันวาคม คือ 64%

วันที่ท้องฟ้าแจ่มใสมากที่สุดของเดือนคือ 1 ธันวาคม โดยที่ท้องฟ้า แจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือ มีเมฆบางส่วน ในอัตรา 41% ของเวลา

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 29 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่มีเมฆมากที่สุดของปี สภาพอากาศมีโอกาส 64% ที่จะมืดครึ้มหรือมีเมฆเป็นส่วนมาก ส่วนในวันที่ 17 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่แจ่มใสมากที่สุดของปี ท้องฟ้ามีโอกาส 61% ที่จะแจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือมีเมฆบางส่วน

วันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก หมายถึงวันที่มีหยาดน้ำฟ้าเป็นของเหลวหรือเทียบเท่าของเหลว ในปริมาณอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร ใน เจอร์ซีย์ วันที่หยาดน้ำฟ้าจะตกมากในช่วงเดือน ธันวาคม มีโอกาส อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ โดยยังคงอยู่ที่ 37% ตลอดเดือน

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง โอกาสที่จะมีตกรายวันสูงสุดของปีคือ 38% ในวันที่ 11 ธันวาคม และโอกาสน้อยที่สุดคือ 16% ในวันที่ 1 สิงหาคม

ปริมาณน้ำฝน

เพื่อแสดงให้เห็นความแตกต่างภายในเดือน ไม่ใช่แค่ปริมาณทั้งหมดในแต่ละเดือน เราแสดงปริมาณน้ำฝนที่สะสมภายในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลังแต่ละวัน

ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลัง ระหว่างเดือน ธันวาคม ใน เจอร์ซีย์ อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ โดยคงอยู่ที่ประมาณ 69 มิลลิเมตร ตลอดเดือน น้อยมากที่เกิน 118 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า 24 มิลลิเมตร

ปริมาณสะสมใน 31 วันโดยเฉลี่ยสูงสุด เท่ากับ 71 มิลลิเมตร ในวันที่ 15 ธันวาคม

ตลอดระยะเวลาของวันที่ ธันวาคม ใน เจอร์ซีย์ ความยาวของเวลากลางวัน อยู่ในระดับคงที่เป็นสำคัญ วันที่สั้นที่สุดของเดือนคือวันที่ 21 ธันวาคม โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 8 ชั่วโมง และ 12 นาที ส่วนวันที่ยาวที่สุดคือวันที่ 1 ธันวาคม โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 8 ชั่วโมง และ 30 นาที

เวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นเร็วที่สุดของเดือน ใน เจอร์ซีย์ คือ 07:42 เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม และพระอาทิตย์ขึ้นช้าที่สุดคือ หลังจากนั้นอีก 21 นาที ในเวลา 08:03 เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม

เวลาที่พระอาทิตย์ตกเร็วที่สุดคือ 16:09 เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม และเวลาที่พระอาทิตย์ตกช้าที่สุดคือ หลังจากนั้นอีก 10 นาที ในเวลา 16:20 เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม

มีการใช้เวลาออมแสง ใน เจอร์ซีย์ ระหว่างปี พ.ศ. 2567 แต่ไม่เริ่มต้นหรือสิ้นสุดลงในเดือน ธันวาคม ดังนั้นจึงมีการใช้เวลาออมแสงตลอดทั้งเดือน

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 20 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันยาวนานที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 05:02 และตกในเวลาอีก 16 ชั่วโมง และ 14 นาที ต่อมาที่เวลา 21:17 ส่วนในวันที่ 21 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันสั้นที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 08:01 และตกในเวลาอีก 8 ชั่วโมง และ 12 นาที ต่อมาที่ 16:12

รูปด้านล่างแสดงภาพระดับความสูงของดวงอาทิตย์แบบย่อ (มุมของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า) และมุมทิศ (มุมที่ดวงอาทิตย์มุ่งหน้าไปบนเข็มทิศ) ในแต่ละชั่วโมงของแต่ละวันตลอดช่วงเวลาที่มีการรายงาน แกนนอนเป็นวันของปี ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ในวันใด ๆ และชั่วโมงของวันนั้น สีพื้นหลังแสดงถึงมุมทิศของดวงอาทิตย์ในขณะนั้น เส้นเท่าสีดำเป็นเส้นชั้นความสูงของระดับความสูงคงที่ของดวงอาทิตย์

ตัวเลขข้างล่างแสดงภาพรวมโดยย่อของข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับดวงจันทร์สำหรับเดือน ธันวาคม 2567 แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ส่วนพื้นที่สีระบุเวลาที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า แถบแนวตั้งสีเทา (จันทร์ดับ) และแถบสีน้ำเงิน (จันทร์เต็มดวง) ระบุดิถีสำคัญของดวงจันทร์ ข้อมูลที่สัมพันธ์กับแต่ละแถบแสดงให้เห็นวันที่และเวลาที่ได้รับข้อมูลข้างขึ้นข้างแรม ส่วนข้อมูลเวลาที่อยู่ด้วยกันระบุเวลาที่ดวงจันทร์ขึ้นและตกสำหรับช่วงเวลาที่ใกล้ที่สุดที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า

เราตั้งค่าระดับความสบายต่อความชื้นที่จุดน้ำค้างเนื่องจากเป็นตัวกำหนดว่า เหงื่อจะระเหยออกจากผิวหนังเพื่อให้ร่างกายเย็นลงหรือไม่ จุดน้ำค้างที่ต่ำทำให้รู้สึกว่าแห้งกว่า ส่วนจุดน้ำค้างที่สูงขึ้นจะทำให้รู้สึกว่าชื้นมากกว่า สิ่งที่แตกต่างจากอุณหภูมิคือ โดยทั่วไปอุณหภูมิในตอนกลางคืนและกลางวันจะมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ จุดน้ำค้างมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงได้ช้ากว่า ดังนั้นขณะที่อุณหภูมิอาจลดลงในตอนกลางคืน แต่โดยทั่วไปแล้ว ช่วงกลางวันที่อบอ้าวจะตามด้วยช่วงกลางคืนที่อบอ้าวเช่นกัน

โอกาสที่วันใดวันหนึ่งจะ ร้อนอบอ้าว ใน เจอร์ซีย์ is อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ ระหว่างเดือน ธันวาคม โดยคงอยู่ที่ประมาณ 0% ตลอดเดือน

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 18 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวมากที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 1% ของเวลาทั้งหมด ส่วนในวันที่ 1 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวน้อยที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 0% ของเวลาทั้งหมด

เนื้อหาในส่วนนี้จะกล่าวถึงเวกเตอร์ (ความเร็วและทิศทาง) ลมเฉลี่ยรายชั่วโมงในพื้นที่กว้าง ที่ระดับ 10 เมตรเหนือพื้นดิน ลมที่ประสบในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งจะขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศเฉพาะแห่งและปัจจัยอื่น ๆ เป็นสำคัญ โดยที่ความเร็วและทิศทางลมเฉพาะขณะจะแตกต่างกันมากมากกว่าค่าเฉลี่ยรายชั่วโมง

ความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมง ใน เจอร์ซีย์ เพิ่มขึ้นช้า ๆ ระหว่างเดือน ธันวาคม โดยเพิ่มขึ้นจาก 29.4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 30.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตลอดช่วงเวลาทั้งเดือน

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 1 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่ลมแรงที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 30.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนในวันที่ 4 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่ลมสงบมากที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 18.2 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ทิศทางลมเฉลี่ยรายชั่วโมง ใน เจอร์ซีย์ ตลอดเดือน ธันวาคม ส่วนใหญ่คือจาก ทิศตะวันตก โดยมีสัดส่วนสูงสุดเท่ากับ 37% ในวันที่ 30 ธันวาคม

เจอร์ซีย์ ตั้งอยู่ใกล้แหล่งน้ำขนาดใหญ่ (เช่น มหาสมุทร ทะเล หรือทะเลสาบขนาดใหญ่) เนื้อหาในส่วนนี้จะรายงานเกี่ยวกับอุณหภูมิน้ำผิวดินในพื้นที่กว้างโดยเฉลี่ยของแหล่งน้ำนั้น

อุณหภูมิน้ำผิวดินเฉลี่ย ใน เจอร์ซีย์ ลดลงช้า ๆ ระหว่างเดือน ธันวาคม, ลดลง 2°C จาก 12°C เป็น 10°C ตลอดช่วงเวลาทั้งเดือน

คำจำกัดความของฤดูเพาะปลูกจะแตกต่างกันไปทั่วโลก แต่เพื่อวัตถุประสงค์ของรายงานนี้ เราให้นิยามไว้ว่า เป็นช่วงเวลาต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุดที่อุณหภูมิไม่ใช่จุดเยือกแข็ง (≥ 0°C) ในปีนั้น (ปีปฏิทินในซีกโลกเหนือ หรือตั้งแต่ 1 กรกฎาคม จนถึง 30 มิถุนายน ในซีกโลกใต้)

โดยทั่วไป ฤดูเพาะปลูก ใน เจอร์ซีย์ จะมีเวลานาน 10 เดือน (314 วัน) โดยเริ่มตั้งแต่ประมาณวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ถึงประมาณวันที่ 23 ธันวาคม น้อยครั้งมากที่จะเริ่มต้นหลังวันที่ 18 มีนาคม หรือสิ้นสุดก่อนวันที่ 20 พฤศจิกายน

ระหว่างเดือน ธันวาคม ใน เจอร์ซีย์ โอกาสที่วันใดวันหนึ่งจะอยู่ภายในช่วงฤดูกาลเพาะปลูก ลดลงอย่างรวดเร็ว โดยลดลง จาก 80% เป็น 39% ตลอดช่วงเวลาทั้งเดือน

ค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกเป็นค่าการสะสมความร้อนรายปี ซึ่งใช้เพื่อทำนายพัฒนาการของพืชและสัตว์ และหมายถึงค่าอินทิกรัลความอุ่นเหนืออุณหภูมิพื้นฐาน โดยไม่คำนึงถึงส่วนเกินใด ๆ ที่สูงกว่าอุณหภูมิสูงสุด ในรายงานนี้ เราใช้ค่าพื้นฐานเท่ากับ 10°C และค่าสูงสุดเท่ากับ 30°C

จำนวนวันที่มีค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกโดยเฉลี่ย ใน เจอร์ซีย์ อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ ระหว่างเดือน ธันวาคม โดยยังคงอยู่ภายในช่วง 5°C ของ 1,020°C ตลอดเดือน

หัวข้อนี้จะอธิบายเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบรายวันทั้งหมดที่ตกกระทบพื้นผิวดินเป็นบริเวณกว้าง โดยพิจารณาถึงความผันแปรตามฤดูกาลในด้านช่วงแสงในแต่ละวัน ระดับความสูงของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า และการดูดกลืนแสงโดยเมฆและองค์ประกอบอื่นในชั้นบรรยากาศ รังสีคลื่นสั้นครอบคลุมถึงแสงที่มองเห็นได้และรังสีอัลตราไวโอเลต

พลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวัน ใน เจอร์ซีย์ is อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ ระหว่างเดือน ธันวาคม โดยคงอยู่ภายในช่วง 0.1 กว.-ชม. ของ 0.9 กว.-ชม. ตลอดเดือน

พลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยต่ำสุดรายวันระหว่างเดือน ธันวาคม คือ 0.8 กว.-ชม. ในวันที่ 26 ธันวาคม

เพื่อให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ของรายงานฉบับนี้ พิกัดภูมิศาสตร์ของ เจอร์ซีย์ คือละติจูดที่ 49.217° ลองจิจูดที่ -2.117° และระดับความสูง 0 ม.

ภูมิประเทศภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ เจอร์ซีย์ มี ลักษณะราบเรียบเป็นสำคัญ โดยที่ระดับความสูงมีการเปลี่ยนแปลงสูงสุด 0 เมตร และความสูงเหนือระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยเท่ากับ 0 เมตร ภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ก็มีลักษณะราบเรียบเป็นสำคัญ (0 เมตร) เช่นกัน ภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ก็มีลักษณะราบเรียบเป็นสำคัญ (0 เมตร) เช่นกัน

พื้นที่ภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ เจอร์ซีย์ ปกคลุมไปด้วย ทุ่งหญ้า (47%)และต้นไม้ (39%) ส่วนภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย น้ำ (92%) และภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย น้ำ (73%)และพื้นที่เพาะปลูก (11%)