สภาพอากาศของเดือนมกราคม ที่ Joe Foss Field รัฐเซาท์ดาโคตา, สหรัฐอเมริกา

อุณหภูมิสูงรายวันอยู่ที่ประมาณ -3°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า -14°C หรือสูงกว่า 7°C อุณหภูมิสูงเฉลี่ยรายวันต่ำสุดคือ -3°C ในวันที่ 5 มกราคม

อุณหภูมิต่ำรายวันอยู่ที่ประมาณ -12°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า -24°C หรือสูงกว่า -2°C อุณหภูมิเฉลี่ยรายวันต่ำสุดคือ -12°C ในวันที่ 12 มกราคม

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 19 กรกฎาคม วันที่ร้อนที่สุด ของปี อุณหภูมิ ที่ Joe Foss Field โดยทั่วไปอยู่ในช่วงตั้งแต่ 18°C ถึง 29°C ส่วน 12 มกราคม วันที่หนาวที่สุด ของปีนั้น อุณหภูมิอยู่ในช่วงตั้งแต่ -12°C ถึง -3°C

ตัวเลขข้างล่างแสดงให้คุณเห็นลักษณะโดยรวมของอุณหภูมิเฉลี่ยรายชั่วโมงในช่วงไตรมาสที่เริ่มจากเดือน มกราคม ของปี แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน โดยมีสีแสดงอุณหภูมิเฉลี่ยสำหรับชั่วโมงและวันดังกล่าว

อัลมาตี, คาซัคสถาน (ห่างออกไป 10,350 กิโลเมตร)และJiuquan, จีน (10,636 กิโลเมตร) เป็นสถานที่ที่อยู่ไกลในต่างประเทศ โดยมีอุณหภูมิที่คล้ายคลึงกับ Joe Foss Field มากที่สุด (ดูข้อมูลเปรียบเทียบ)

© Esri, และคณะ

เปรียบเทียบ Joe Foss Field กับอีกเมืองหนึ่ง :

เปรียบเทียบแผนที่

เดือน มกราคม ที่ Joe Foss Field มีเมฆปกคลุม อยู่ในระดับคงที่เป็นสำคัญ โดยที่ร้อยละของเวลาที่ท้องฟ้า มืดครึ้ม หรือ มีเมฆเป็นส่วนมาก ยังคงอยู่ที่ประมาณ 55% ตลอดทั้งเดือน

วันที่ท้องฟ้าแจ่มใสมากที่สุดของเดือนคือ 5 มกราคม โดยที่ท้องฟ้า แจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือ มีเมฆบางส่วน ในอัตรา 46% ของเวลา

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันที่มีเมฆมากที่สุดของปี สภาพอากาศมีโอกาส 56% ที่จะมืดครึ้มหรือมีเมฆเป็นส่วนมาก ส่วนในวันที่ 27 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่แจ่มใสมากที่สุดของปี ท้องฟ้ามีโอกาส 74% ที่จะแจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือมีเมฆบางส่วน

วันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก หมายถึงวันที่มีหยาดน้ำฟ้าเป็นของเหลวหรือเทียบเท่าของเหลว ในปริมาณอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร ที่ Joe Foss Field วันที่หยาดน้ำฟ้าจะตกมากในช่วงเดือน มกราคม มีโอกาส อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ โดยยังคงอยู่ที่ 5% ตลอดเดือน

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง โอกาสที่จะมีตกรายวันสูงสุดของปีคือ 39% ในวันที่ 12 มิถุนายน และโอกาสน้อยที่สุดคือ 4% ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์

ในช่วงเดือน มกราคม ที่ Joe Foss Field โอกาสที่จะเป็นวันที่มี ฝนล้วน ยังคงอยู่ที่ 1% เป็นสำคัญตลอดทั้งวัน โอกาสที่จะเป็นวันที่มี หิมะผสมฝน ยังคงอยู่ที่ 1% เป็นสำคัญตลอดทั้งวัน และโอกาสที่จะเป็นวันที่มี หิมะล้วน ยังคงอยู่ที่ 4% เป็นสำคัญตลอดทั้งวัน

ปริมาณน้ำฝน

เพื่อแสดงให้เห็นความแตกต่างภายในเดือน ไม่ใช่แค่ปริมาณทั้งหมดในแต่ละเดือน เราแสดงปริมาณน้ำฝนที่สะสมภายในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลังแต่ละวัน

ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลัง ระหว่างเดือน มกราคม ที่ Joe Foss Field อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ โดยคงอยู่ที่ประมาณ 2 มิลลิเมตร ตลอดเดือน น้อยมากที่เกิน 9 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า -0 มิลลิเมตร

ปริมาณสะสมใน 31 วันโดยเฉลี่ยต่ำสุด เท่ากับ 2 มิลลิเมตร ในวันที่ 25 มกราคม

ปริมาณหิมะ

เช่นเดียวกับปริมาณฝน เราพิจารณาปริมาณหิมะที่สะสมภายในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลังแต่ละวัน

ปริมาณหิมะเฉลี่ยตลอดช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลังแต่ละวันในเดือนมกราคม ที่ Joe Foss Field อยู่ในระดับคงที่เป็นสำคัญ โดยคงอยู่ที่ประมาณ 51 มิลลิเมตร ตลอดช่วงเวลานั้น และน้อยมากที่จะเกิน 137 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า -0 มิลลิเมตร

ปริมาณสะสมใน 31 วันโดยเฉลี่ยต่ำสุด เท่ากับ 49 มิลลิเมตร ในวันที่ 26 มกราคม

ตลอดระยะเวลาของวันที่ มกราคม ที่ Joe Foss Field ความยาวของเวลากลางวัน เพิ่มขึ้น ตั้งแต่ต้นเดือนถึงสิ้นเดือน ความยาวของเวลากลางวัน เพิ่มขึ้น ไป 52 นาที ซึ่งชี้ให้เห็นว่ามี การเพิ่มขึ้น รายวันโดยเฉลี่ยเท่ากับ 1 นาที และ 44 วินาที และมี การเพิ่มขึ้น รายสัปดาห์เท่ากับ 12 นาที และ 6 วินาที

วันที่สั้นที่สุดของเดือนคือวันที่ 1 มกราคม โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 9 ชั่วโมง และ 1 นาที ส่วนวันที่ยาวที่สุดคือวันที่ 31 มกราคม โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 9 ชั่วโมง และ 53 นาที

เวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นช้าที่สุดของเดือน ที่ Joe Foss Field คือ 08:00 เมื่อวันที่ 3 มกราคม และพระอาทิตย์ขึ้นเร็วที่สุดคือ ก่อนหน้านั้น 16 นาที ในเวลา 07:44 เมื่อวันที่ 31 มกราคม

เวลาที่พระอาทิตย์ตกเร็วที่สุดคือ 17:01 เมื่อวันที่ 1 มกราคม และเวลาที่พระอาทิตย์ตกช้าที่สุดคือ หลังจากนั้นอีก 36 นาที ในเวลา 17:37 เมื่อวันที่ 31 มกราคม

มีการใช้เวลาออมแสง ที่ Joe Foss Field ระหว่างปี พ.ศ. 2565 แต่ไม่เริ่มต้นหรือสิ้นสุดลงในเดือน มกราคม ดังนั้นจึงมีการใช้เวลามาตรฐานตลอดทั้งเดือน

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 21 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันยาวนานที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 05:45 และตกในเวลาอีก 15 ชั่วโมง และ 26 นาที ต่อมาที่เวลา 21:11 ส่วนในวันที่ 21 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันสั้นที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 07:57 และตกในเวลาอีก 8 ชั่วโมง และ 56 นาที ต่อมาที่ 16:53

ตัวเลขข้างล่างแสดงภาพรวมโดยย่อของข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับดวงจันทร์สำหรับเดือน มกราคม 2565 แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ส่วนพื้นที่สีระบุเวลาที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า แถบแนวตั้งสีเทา (จันทร์ดับ) และแถบสีน้ำเงิน (จันทร์เต็มดวง) ระบุดิถีสำคัญของดวงจันทร์ ข้อมูลที่สัมพันธ์กับแต่ละแถบแสดงให้เห็นวันที่และเวลาที่ได้รับข้อมูลข้างขึ้นข้างแรม ส่วนข้อมูลเวลาที่อยู่ด้วยกันระบุเวลาที่ดวงจันทร์ขึ้นและตกสำหรับช่วงเวลาที่ใกล้ที่สุดที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า

เราตั้งค่าระดับความสบายต่อความชื้นที่จุดน้ำค้างเนื่องจากเป็นตัวกำหนดว่า เหงื่อจะระเหยออกจากผิวหนังเพื่อให้ร่างกายเย็นลงหรือไม่ จุดน้ำค้างที่ต่ำทำให้รู้สึกว่าแห้งกว่า ส่วนจุดน้ำค้างที่สูงขึ้นจะทำให้รู้สึกว่าชื้นมากกว่า สิ่งที่แตกต่างจากอุณหภูมิคือ โดยทั่วไปอุณหภูมิในตอนกลางคืนและกลางวันจะมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ จุดน้ำค้างมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงได้ช้ากว่า ดังนั้นขณะที่อุณหภูมิอาจลดลงในตอนกลางคืน แต่โดยทั่วไปแล้ว ช่วงกลางวันที่อบอ้าวจะตามด้วยช่วงกลางคืนที่อบอ้าวเช่นกัน

โอกาสที่วันใดวันหนึ่งจะ ร้อนอบอ้าว ที่ Joe Foss Field is อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ ระหว่างเดือน มกราคม โดยคงอยู่ที่ประมาณ 0% ตลอดเดือน

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 25 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวมากที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 38% ของเวลาทั้งหมด ส่วนในวันที่ 8 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวน้อยที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 0% ของเวลาทั้งหมด

เนื้อหาในส่วนนี้จะกล่าวถึงเวกเตอร์ (ความเร็วและทิศทาง) ลมเฉลี่ยรายชั่วโมงในพื้นที่กว้าง ที่ระดับ 10 เมตรเหนือพื้นดิน ลมที่ประสบในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งจะขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศเฉพาะแห่งและปัจจัยอื่น ๆ เป็นสำคัญ โดยที่ความเร็วและทิศทางลมเฉพาะขณะจะแตกต่างกันมากมากกว่าค่าเฉลี่ยรายชั่วโมง

ความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมง ที่ Joe Foss Field is อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ ระหว่างเดือน มกราคม โดยคงอยู่ภายในช่วง 0.2 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ของ 19.0 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตลอดเดือน

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 8 เมษายน ซึ่งเป็นวันที่ลมแรงที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 21.4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนในวันที่ 2 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่ลมสงบมากที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 14.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ทิศทางลมเฉลี่ยรายชั่วโมง ที่ Joe Foss Field ตลอดเดือน มกราคม ส่วนใหญ่คือจาก ทิศเหนือ โดยมีสัดส่วนสูงสุดเท่ากับ 35% ในวันที่ 27 มกราคม

คำจำกัดความของฤดูเพาะปลูกจะแตกต่างกันไปทั่วโลก แต่เพื่อวัตถุประสงค์ของรายงานนี้ เราให้นิยามไว้ว่า เป็นช่วงเวลาต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุดที่อุณหภูมิไม่ใช่จุดเยือกแข็ง (≥ 0°C) ในปีนั้น (ปีปฏิทินในซีกโลกเหนือ หรือตั้งแต่ 1 กรกฎาคม จนถึง 30 มิถุนายน ในซีกโลกใต้)

โดยทั่วไป ฤดูเพาะปลูก ที่ Joe Foss Field จะมีเวลานาน 5.2 เดือน (156 วัน) โดยเริ่มตั้งแต่ประมาณวันที่ 30 เมษายน ถึงประมาณวันที่ 3 ตุลาคม น้อยครั้งมากที่จะเริ่มต้นก่อนวันที่ 12 เมษายน หรือหลังวันที่ 18 พฤษภาคม และน้อยครั้งมากที่จะสิ้นสุดก่อนวันที่ 16 กันยายน หรือหลังวันที่ 21 ตุลาคม

เดือน มกราคม ที่ Joe Foss Field อยู่ภายนอกช่วงฤดูกาลเพาะปลูกมาโดยตลอด

ค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกเป็นค่าการสะสมความร้อนรายปี ซึ่งใช้เพื่อทำนายพัฒนาการของพืชและสัตว์ และหมายถึงค่าอินทิกรัลความอุ่นเหนืออุณหภูมิพื้นฐาน โดยไม่คำนึงถึงส่วนเกินใด ๆ ที่สูงกว่าอุณหภูมิสูงสุด ในรายงานนี้ เราใช้ค่าพื้นฐานเท่ากับ 10°C และค่าสูงสุดเท่ากับ 30°C

จำนวนวันที่มีค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกโดยเฉลี่ย ที่ Joe Foss Field อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ ระหว่างเดือน มกราคม โดยยังคงอยู่ที่ประมาณ 0°C ตลอดเดือน

หัวข้อนี้จะอธิบายเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบรายวันทั้งหมดที่ตกกระทบพื้นผิวดินเป็นบริเวณกว้าง โดยพิจารณาถึงความผันแปรตามฤดูกาลในด้านช่วงแสงในแต่ละวัน ระดับความสูงของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า และการดูดกลืนแสงโดยเมฆและองค์ประกอบอื่นในชั้นบรรยากาศ รังสีคลื่นสั้นครอบคลุมถึงแสงที่มองเห็นได้และรังสีอัลตราไวโอเลต

พลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวัน ที่ Joe Foss Field เพิ่มขึ้นช้า ๆ ระหว่างเดือน มกราคม โดยเพิ่มขึ้น 0.6 กว.-ชม. จาก 1.7 กว.-ชม. เป็น 2.4 กว.-ชม. ตลอดช่วงเวลาทั้งเดือน