สภาพอากาศของเดือนกันยายน ใน พรินซ์จอร์จ แคนาดา

อุณหภูมิสูงรายวัน ลดลง ไป 6°C จาก 20°C เป็น 14°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า 9°C หรือสูงกว่า 26°C

อุณหภูมิต่ำรายวัน ลดลง ไป 4°C จาก 7°C เป็น 3°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า -2°C หรือสูงกว่า 12°C

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 31 กรกฎาคม วันที่ร้อนที่สุด ของปี อุณหภูมิ ใน พรินซ์จอร์จ โดยทั่วไปอยู่ในช่วงตั้งแต่ 10°C ถึง 24°C ส่วน 1 มกราคม วันที่หนาวที่สุด ของปีนั้น อุณหภูมิอยู่ในช่วงตั้งแต่ -11°C ถึง -5°C

ตัวเลขข้างล่างแสดงให้คุณเห็นลักษณะโดยรวมของอุณหภูมิเฉลี่ยรายชั่วโมงในช่วงไตรมาสที่เริ่มจากเดือน กันยายน ของปี แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน โดยมีสีแสดงอุณหภูมิเฉลี่ยสำหรับชั่วโมงและวันดังกล่าว

Băile Tuşnad, โรมาเนีย (ห่างออกไป 8,509 กิโลเมตร)และAydarken, คีร์กีซสถาน (9,502 กิโลเมตร) เป็นสถานที่ที่อยู่ไกลในต่างประเทศ โดยมีอุณหภูมิที่คล้ายคลึงกับ พรินซ์จอร์จ มากที่สุด (ดูข้อมูลเปรียบเทียบ)

© OpenStreetMap contributors

เปรียบเทียบ พรินซ์จอร์จ กับอีกเมืองหนึ่ง :

เปรียบเทียบแผนที่

เดือน กันยายน ใน พรินซ์จอร์จ มีเมฆปกคลุม เพิ่มขึ้น โดยที่ร้อยละของเวลาที่ท้องฟ้า มืดครึ้ม หรือ มีเมฆเป็นส่วนมาก เพิ่มขึ้น จาก 49% เป็น 58%

วันที่ท้องฟ้าแจ่มใสมากที่สุดของเดือนคือ 1 กันยายน โดยที่ท้องฟ้า แจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือ มีเมฆบางส่วน ในอัตรา 51% ของเวลา

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันที่มีเมฆมากที่สุดของปี สภาพอากาศมีโอกาส 76% ที่จะมืดครึ้มหรือมีเมฆเป็นส่วนมาก ส่วนในวันที่ 31 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่แจ่มใสมากที่สุดของปี ท้องฟ้ามีโอกาส 60% ที่จะแจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือมีเมฆบางส่วน

วันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก หมายถึงวันที่มีหยาดน้ำฟ้าเป็นของเหลวหรือเทียบเท่าของเหลว ในปริมาณอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร ใน พรินซ์จอร์จ วันที่หยาดน้ำฟ้าจะตกมากในช่วงเดือน กันยายน มีโอกาส เพิ่มขึ้น โดยในช่วงต้นเดือนมีโอกาส 26% ส่วนช่วงปลายเดือนมีโอกาส 31%

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง โอกาสที่จะมีตกรายวันสูงสุดของปีคือ 40% ในวันที่ 2 พฤศจิกายน และโอกาสน้อยที่สุดคือ 18% ในวันที่ 30 กรกฎาคม

ปริมาณน้ำฝน

เพื่อแสดงให้เห็นความแตกต่างภายในเดือน ไม่ใช่แค่ปริมาณทั้งหมดในแต่ละเดือน เราแสดงปริมาณน้ำฝนที่สะสมภายในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลังแต่ละวัน

ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลัง ระหว่างเดือน กันยายน ใน พรินซ์จอร์จ เพิ่มขึ้นช้า ๆ โดยในช่วงต้นเดือนอยู่ที่ 44 มิลลิเมตร น้อยมากที่เกิน 79 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า 17 มิลลิเมตร ส่วนในช่วงปลายเดือนอยู่ที่ 53 มิลลิเมตร น้อยมากที่เกิน 88 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า 24 มิลลิเมตร

ตลอดระยะเวลาของวันที่ กันยายน ใน พรินซ์จอร์จ ความยาวของเวลากลางวัน ลดลงอย่างรวดเร็วมาก ตั้งแต่ต้นเดือนถึงสิ้นเดือน ความยาวของเวลากลางวัน ลดลง ไป 2 ชั่วโมง และ 3 นาที ซึ่งชี้ให้เห็นว่ามี การลดลง รายวันโดยเฉลี่ยเท่ากับ 4 นาที และ 15 วินาที และมี การลดลง รายสัปดาห์เท่ากับ 29 นาที และ 45 วินาที

วันที่สั้นที่สุดของเดือนคือวันที่ 30 กันยายน โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 11 ชั่วโมง และ 36 นาที ส่วนวันที่ยาวที่สุดคือวันที่ 1 กันยายน โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 13 ชั่วโมง และ 39 นาที

เวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นเร็วที่สุดของเดือน ใน พรินซ์จอร์จ คือ 06:20 เมื่อวันที่ 1 กันยายน และพระอาทิตย์ขึ้นช้าที่สุดคือ หลังจากนั้นอีก 52 นาที ในเวลา 07:12 เมื่อวันที่ 30 กันยายน

เวลาที่พระอาทิตย์ตกช้าที่สุดคือ 19:59 เมื่อวันที่ 1 กันยายน และเวลาที่พระอาทิตย์ตกเร็วที่สุดคือ หลังจากนั้นอีก 1 ชั่วโมง และ 12 นาที ในเวลา 18:48 เมื่อวันที่ 30 กันยายน

มีการใช้เวลาออมแสง ใน พรินซ์จอร์จ ระหว่างปี พ.ศ. 2567 แต่ไม่เริ่มต้นหรือสิ้นสุดลงในเดือน กันยายน ดังนั้นจึงมีการใช้เวลามาตรฐานตลอดทั้งเดือน

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 20 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันยาวนานที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 04:38 และตกในเวลาอีก 17 ชั่วโมง และ 8 นาที ต่อมาที่เวลา 21:46 ส่วนในวันที่ 21 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันสั้นที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 08:27 และตกในเวลาอีก 7 ชั่วโมง และ 23 นาที ต่อมาที่ 15:51

รูปด้านล่างแสดงภาพระดับความสูงของดวงอาทิตย์แบบย่อ (มุมของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า) และมุมทิศ (มุมที่ดวงอาทิตย์มุ่งหน้าไปบนเข็มทิศ) ในแต่ละชั่วโมงของแต่ละวันตลอดช่วงเวลาที่มีการรายงาน แกนนอนเป็นวันของปี ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ในวันใด ๆ และชั่วโมงของวันนั้น สีพื้นหลังแสดงถึงมุมทิศของดวงอาทิตย์ในขณะนั้น เส้นเท่าสีดำเป็นเส้นชั้นความสูงของระดับความสูงคงที่ของดวงอาทิตย์

ตัวเลขข้างล่างแสดงภาพรวมโดยย่อของข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับดวงจันทร์สำหรับเดือน กันยายน 2567 แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ส่วนพื้นที่สีระบุเวลาที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า แถบแนวตั้งสีเทา (จันทร์ดับ) และแถบสีน้ำเงิน (จันทร์เต็มดวง) ระบุดิถีสำคัญของดวงจันทร์ ข้อมูลที่สัมพันธ์กับแต่ละแถบแสดงให้เห็นวันที่และเวลาที่ได้รับข้อมูลข้างขึ้นข้างแรม ส่วนข้อมูลเวลาที่อยู่ด้วยกันระบุเวลาที่ดวงจันทร์ขึ้นและตกสำหรับช่วงเวลาที่ใกล้ที่สุดที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า

เราตั้งค่าระดับความสบายต่อความชื้นที่จุดน้ำค้างเนื่องจากเป็นตัวกำหนดว่า เหงื่อจะระเหยออกจากผิวหนังเพื่อให้ร่างกายเย็นลงหรือไม่ จุดน้ำค้างที่ต่ำทำให้รู้สึกว่าแห้งกว่า ส่วนจุดน้ำค้างที่สูงขึ้นจะทำให้รู้สึกว่าชื้นมากกว่า สิ่งที่แตกต่างจากอุณหภูมิคือ โดยทั่วไปอุณหภูมิในตอนกลางคืนและกลางวันจะมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ จุดน้ำค้างมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงได้ช้ากว่า ดังนั้นขณะที่อุณหภูมิอาจลดลงในตอนกลางคืน แต่โดยทั่วไปแล้ว ช่วงกลางวันที่อบอ้าวจะตามด้วยช่วงกลางคืนที่อบอ้าวเช่นกัน

โอกาสที่วันใดวันหนึ่งจะ ร้อนอบอ้าว ใน พรินซ์จอร์จ is อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ ระหว่างเดือน กันยายน โดยคงอยู่ที่ประมาณ 0% ตลอดเดือน

เนื้อหาในส่วนนี้จะกล่าวถึงเวกเตอร์ (ความเร็วและทิศทาง) ลมเฉลี่ยรายชั่วโมงในพื้นที่กว้าง ที่ระดับ 10 เมตรเหนือพื้นดิน ลมที่ประสบในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งจะขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศเฉพาะแห่งและปัจจัยอื่น ๆ เป็นสำคัญ โดยที่ความเร็วและทิศทางลมเฉพาะขณะจะแตกต่างกันมากมากกว่าค่าเฉลี่ยรายชั่วโมง

ความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมง ใน พรินซ์จอร์จ is อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ ระหว่างเดือน กันยายน โดยคงอยู่ภายในช่วง 0.2 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ของ 5.8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตลอดเดือน

สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 9 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่ลมแรงที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 7.2 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนในวันที่ 3 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่ลมสงบมากที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 5.4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ทิศทางลม ใน พรินซ์จอร์จ ระหว่างเดือน กันยายน ส่วนใหญ่มาจาก ทิศตะวันตก ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน ถึงวันที่ 24 กันยายนและทิศใต้ ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน ถึงวันที่ 30 กันยายน

คำจำกัดความของฤดูเพาะปลูกจะแตกต่างกันไปทั่วโลก แต่เพื่อวัตถุประสงค์ของรายงานนี้ เราให้นิยามไว้ว่า เป็นช่วงเวลาต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุดที่อุณหภูมิไม่ใช่จุดเยือกแข็ง (≥ 0°C) ในปีนั้น (ปีปฏิทินในซีกโลกเหนือ หรือตั้งแต่ 1 กรกฎาคม จนถึง 30 มิถุนายน ในซีกโลกใต้)

โดยทั่วไป ฤดูเพาะปลูก ใน พรินซ์จอร์จ จะมีเวลานาน 4.1 เดือน (128 วัน) โดยเริ่มตั้งแต่ประมาณวันที่ 13 พฤษภาคม ถึงประมาณวันที่ 18 กันยายน น้อยครั้งมากที่จะเริ่มต้นก่อนวันที่ 26 เมษายน หรือหลังวันที่ 30 พฤษภาคม และน้อยครั้งมากที่จะสิ้นสุดก่อนวันที่ 29 สิงหาคม หรือหลังวันที่ 5 ตุลาคม

ระหว่างเดือน กันยายน ใน พรินซ์จอร์จ โอกาสที่วันใดวันหนึ่งจะอยู่ภายในช่วงฤดูกาลเพาะปลูก ลดลงอย่างรวดเร็วมาก โดยลดลง จาก 86% เป็น 19% ตลอดช่วงเวลาทั้งเดือน

ค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกเป็นค่าการสะสมความร้อนรายปี ซึ่งใช้เพื่อทำนายพัฒนาการของพืชและสัตว์ และหมายถึงค่าอินทิกรัลความอุ่นเหนืออุณหภูมิพื้นฐาน โดยไม่คำนึงถึงส่วนเกินใด ๆ ที่สูงกว่าอุณหภูมิสูงสุด ในรายงานนี้ เราใช้ค่าพื้นฐานเท่ากับ 10°C และค่าสูงสุดเท่ากับ 30°C

จำนวนวันที่มีค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกโดยเฉลี่ย ใน พรินซ์จอร์จ เพิ่มขึ้นช้า ๆ ระหว่างเดือน กันยายน โดยเพิ่มขึ้น 72°C จาก 641°C เป็น 714°C ตลอดระยะเวลาทั้งเดือน

หัวข้อนี้จะอธิบายเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบรายวันทั้งหมดที่ตกกระทบพื้นผิวดินเป็นบริเวณกว้าง โดยพิจารณาถึงความผันแปรตามฤดูกาลในด้านช่วงแสงในแต่ละวัน ระดับความสูงของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า และการดูดกลืนแสงโดยเมฆและองค์ประกอบอื่นในชั้นบรรยากาศ รังสีคลื่นสั้นครอบคลุมถึงแสงที่มองเห็นได้และรังสีอัลตราไวโอเลต

พลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวัน ใน พรินซ์จอร์จ ลดลงอย่างรวดเร็ว ระหว่างเดือน กันยายน โดยลดลง 1.6 กว.-ชม. จาก 4.4 กว.-ชม. เป็น 2.8 กว.-ชม. ตลอดช่วงเวลาทั้งเดือน

เพื่อให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ของรายงานฉบับนี้ พิกัดภูมิศาสตร์ของ พรินซ์จอร์จ คือละติจูดที่ 53.917° ลองจิจูดที่ -122.753° และระดับความสูง 579 ม.

ภูมิประเทศภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ พรินซ์จอร์จ มีระดับความสูงที่แตกต่างกันเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น โดยที่ระดับความสูงมีการเปลี่ยนแปลงสูงสุด 143 เมตร และความสูงเหนือระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยเท่ากับ 600 เมตร ภายในรัศมี 16 กิโลเมตร มีระดับความสูงที่แตกต่างกันเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น (380 เมตร) ภายในรัศมี 80 กิโลเมตร มีระดับความสูงที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญมาก (1,454 เมตร)

พื้นที่ภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ พรินซ์จอร์จ ปกคลุมไปด้วย พื้นผิวเทียม (38%) ป่าเรือนยอดห่าง (24%) และต้นไม้ (21%) ส่วนภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย ต้นไม้ (63%)และทุ่งหญ้า (12%) และภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย ต้นไม้ (81%)