สภาพอากาศของเดือนธันวาคม ใน พอร์ตซูดาน ซูดานอุณหภูมิสูงรายวัน ลดลง ไป 2°C จาก 29°C เป็น 27°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า 25°C หรือสูงกว่า 31°C อุณหภูมิต่ำรายวัน ลดลง ไป 2°C จาก 23°C เป็น 21°C น้อยมากที่จะลดลงต่ำกว่า 18°C หรือสูงกว่า 25°C สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 2 สิงหาคม วันที่ร้อนที่สุด ของปี อุณหภูมิ ใน พอร์ตซูดาน โดยทั่วไปอยู่ในช่วงตั้งแต่ 31°C ถึง 40°C ส่วน 16 กุมภาพันธ์ วันที่หนาวที่สุด ของปีนั้น อุณหภูมิอยู่ในช่วงตั้งแต่ 20°C ถึง 26°C ตัวเลขข้างล่างแสดงให้คุณเห็นลักษณะโดยรวมของอุณหภูมิเฉลี่ยรายชั่วโมงในช่วงไตรมาสที่เริ่มจากเดือน ธันวาคม ของปี แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน โดยมีสีแสดงอุณหภูมิเฉลี่ยสำหรับชั่วโมงและวันดังกล่าว Atar, มอริเตเนีย (ห่างออกไป 5,235 กิโลเมตร) เป็นสถานที่ที่อยู่ไกลในต่างประเทศ โดยมีอุณหภูมิที่คล้ายคลึงกับ พอร์ตซูดาน มากที่สุด (ดูข้อมูลเปรียบเทียบ) เมฆเดือน ธันวาคม ใน พอร์ตซูดาน มีเมฆปกคลุม อยู่ในระดับคงที่เป็นสำคัญ โดยที่ร้อยละของเวลาที่ท้องฟ้า มืดครึ้ม หรือ มีเมฆเป็นส่วนมาก ยังคงอยู่ที่ประมาณ 19% ตลอดทั้งเดือน โอกาสสูงสุดที่ท้องฟ้าจะ มืดครึ้ม หรือ มีเมฆเป็นส่วนมาก ในวันที่ 28 ธันวาคม คือ 21% วันที่ท้องฟ้าแจ่มใสมากที่สุดของเดือนคือ 1 ธันวาคม โดยที่ท้องฟ้า แจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือ มีเมฆบางส่วน ในอัตรา 83% ของเวลา สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 10 กันยายน ซึ่งเป็นวันที่มีเมฆมากที่สุดของปี สภาพอากาศมีโอกาส 66% ที่จะมืดครึ้มหรือมีเมฆเป็นส่วนมาก ส่วนในวันที่ 9 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันที่แจ่มใสมากที่สุดของปี ท้องฟ้ามีโอกาส 88% ที่จะแจ่มใส แจ่มใสเป็นส่วนมาก หรือมีเมฆบางส่วน หยาดน้ำฟ้าวันที่มีหยาดน้ำฟ้าตกมาก หมายถึงวันที่มีหยาดน้ำฟ้าเป็นของเหลวหรือเทียบเท่าของเหลว ในปริมาณอย่างน้อย 1 มิลลิเมตร ใน พอร์ตซูดาน วันที่หยาดน้ำฟ้าจะตกมากในช่วงเดือน ธันวาคม มีโอกาส อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ โดยยังคงอยู่ที่ 2% ตลอดเดือน สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง โอกาสที่จะมีตกรายวันสูงสุดของปีคือ 4% ในวันที่ 28 ตุลาคม และโอกาสน้อยที่สุดคือ 0% ในวันที่ 14 มิถุนายน ปริมาณน้ำฝนเพื่อแสดงให้เห็นความแตกต่างภายในเดือน ไม่ใช่แค่ปริมาณทั้งหมดในแต่ละเดือน เราแสดงปริมาณน้ำฝนที่สะสมภายในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลังแต่ละวัน ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในช่วงเวลา 31 วันก่อนและหลัง ระหว่างเดือน ธันวาคม ใน พอร์ตซูดาน อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ โดยคงอยู่ที่ประมาณ 6 มิลลิเมตร ตลอดเดือน น้อยมากที่เกิน 33 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า -0 มิลลิเมตร ปริมาณสะสมใน 31 วันโดยเฉลี่ยสูงสุด เท่ากับ 7 มิลลิเมตร ในวันที่ 21 ธันวาคม ดวงอาทิตย์ตลอดระยะเวลาของวันที่ ธันวาคม ใน พอร์ตซูดาน ความยาวของเวลากลางวัน อยู่ในระดับคงที่เป็นสำคัญ วันที่สั้นที่สุดของเดือนคือวันที่ 21 ธันวาคม โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 10 ชั่วโมง และ 57 นาที ส่วนวันที่ยาวที่สุดคือวันที่ 1 ธันวาคม โดยมีแสงสว่างกลางวันนาน 11 ชั่วโมง และ 2 นาที เวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นเร็วที่สุดของเดือน ใน พอร์ตซูดาน คือ 05:49 เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม และพระอาทิตย์ขึ้นช้าที่สุดคือ หลังจากนั้นอีก 16 นาที ในเวลา 06:05 เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม เวลาที่พระอาทิตย์ตกเร็วที่สุดคือ 16:51 เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม และเวลาที่พระอาทิตย์ตกช้าที่สุดคือ หลังจากนั้นอีก 12 นาที ในเวลา 17:03 เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ไม่มีการใช้เวลาออมแสง ใน พอร์ตซูดาน ระหว่างปี พ.ศ. 2568 สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 21 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันยาวนานที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 04:53 และตกในเวลาอีก 13 ชั่วโมง และ 19 นาที ต่อมาที่เวลา 18:12 ส่วนในวันที่ 21 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่มีช่วงกลางวันสั้นที่สุด ของปี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 06:00 และตกในเวลาอีก 10 ชั่วโมง และ 57 นาที ต่อมาที่ 16:57 รูปด้านล่างแสดงภาพระดับความสูงของดวงอาทิตย์แบบย่อ (มุมของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า) และมุมทิศ (มุมที่ดวงอาทิตย์มุ่งหน้าไปบนเข็มทิศ) ในแต่ละชั่วโมงของแต่ละวันตลอดช่วงเวลาที่มีการรายงาน แกนนอนเป็นวันของปี ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ในวันใด ๆ และชั่วโมงของวันนั้น สีพื้นหลังแสดงถึงมุมทิศของดวงอาทิตย์ในขณะนั้น เส้นเท่าสีดำเป็นเส้นชั้นความสูงของระดับความสูงคงที่ของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ตัวเลขข้างล่างแสดงภาพรวมโดยย่อของข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับดวงจันทร์สำหรับเดือน ธันวาคม 2568 แกนนอนเป็นวัน ส่วนแกนตั้งเป็นชั่วโมงของวัน ส่วนพื้นที่สีระบุเวลาที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า แถบแนวตั้งสีเทา (จันทร์ดับ) และแถบสีน้ำเงิน (จันทร์เต็มดวง) ระบุดิถีสำคัญของดวงจันทร์ ข้อมูลที่สัมพันธ์กับแต่ละแถบแสดงให้เห็นวันที่และเวลาที่ได้รับข้อมูลข้างขึ้นข้างแรม ส่วนข้อมูลเวลาที่อยู่ด้วยกันระบุเวลาที่ดวงจันทร์ขึ้นและตกสำหรับช่วงเวลาที่ใกล้ที่สุดที่ดวงจันทร์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า
ความชื้นเราตั้งค่าระดับความสบายต่อความชื้นที่จุดน้ำค้างเนื่องจากเป็นตัวกำหนดว่า เหงื่อจะระเหยออกจากผิวหนังเพื่อให้ร่างกายเย็นลงหรือไม่ จุดน้ำค้างที่ต่ำทำให้รู้สึกว่าแห้งกว่า ส่วนจุดน้ำค้างที่สูงขึ้นจะทำให้รู้สึกว่าชื้นมากกว่า สิ่งที่แตกต่างจากอุณหภูมิคือ โดยทั่วไปอุณหภูมิในตอนกลางคืนและกลางวันจะมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ จุดน้ำค้างมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงได้ช้ากว่า ดังนั้นขณะที่อุณหภูมิอาจลดลงในตอนกลางคืน แต่โดยทั่วไปแล้ว ช่วงกลางวันที่อบอ้าวจะตามด้วยช่วงกลางคืนที่อบอ้าวเช่นกัน โอกาสที่วันใดวันหนึ่งจะ ร้อนอบอ้าว ใน พอร์ตซูดาน ลดลงอย่างรวดเร็วมาก ระหว่างเดือน ธันวาคม ลดลง จาก 73% เป็น 44% ตลอดช่วงเวลาของเดือนนั้น สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 28 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวมากที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 93% ของเวลาทั้งหมด ส่วนในวันที่ 17 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวน้อยที่สุดของปี มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว 14% ของเวลาทั้งหมด ลมเนื้อหาในส่วนนี้จะกล่าวถึงเวกเตอร์ (ความเร็วและทิศทาง) ลมเฉลี่ยรายชั่วโมงในพื้นที่กว้าง ที่ระดับ 10 เมตรเหนือพื้นดิน ลมที่ประสบในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งจะขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศเฉพาะแห่งและปัจจัยอื่น ๆ เป็นสำคัญ โดยที่ความเร็วและทิศทางลมเฉพาะขณะจะแตกต่างกันมากมากกว่าค่าเฉลี่ยรายชั่วโมง ความเร็วลมเฉลี่ยรายชั่วโมง ใน พอร์ตซูดาน เพิ่มขึ้นช้า ๆ ระหว่างเดือน ธันวาคม โดยเพิ่มขึ้นจาก 16.8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 17.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตลอดช่วงเวลาทั้งเดือน สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิง ในวันที่ 9 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่ลมแรงที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 17.9 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนในวันที่ 4 กันยายน ซึ่งเป็นวันที่ลมสงบมากที่สุดของปี ความเร็วลมเฉลี่ยรายวันเท่ากับ 10.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทิศทางลมเฉลี่ยรายชั่วโมง ใน พอร์ตซูดาน ตลอดเดือน ธันวาคม ส่วนใหญ่คือจาก ทิศเหนือ โดยมีสัดส่วนสูงสุดเท่ากับ 61% ในวันที่ 30 ธันวาคม อุณหภูมิน้ำพอร์ตซูดาน ตั้งอยู่ใกล้แหล่งน้ำขนาดใหญ่ (เช่น มหาสมุทร ทะเล หรือทะเลสาบขนาดใหญ่) เนื้อหาในส่วนนี้จะรายงานเกี่ยวกับอุณหภูมิน้ำผิวดินในพื้นที่กว้างโดยเฉลี่ยของแหล่งน้ำนั้น อุณหภูมิน้ำผิวดินเฉลี่ย ใน พอร์ตซูดาน ลดลงช้า ๆ ระหว่างเดือน ธันวาคม, ลดลง 2°C จาก 28°C เป็น 26°C ตลอดช่วงเวลาทั้งเดือน ฤดูกาลเพาะปลูกคำจำกัดความของฤดูเพาะปลูกจะแตกต่างกันไปทั่วโลก แต่เพื่อวัตถุประสงค์ของรายงานนี้ เราให้นิยามไว้ว่า เป็นช่วงเวลาต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุดที่อุณหภูมิไม่ใช่จุดเยือกแข็ง (≥ 0°C) ในปีนั้น (ปีปฏิทินในซีกโลกเหนือ หรือตั้งแต่ 1 กรกฎาคม จนถึง 30 มิถุนายน ในซีกโลกใต้) อุณหภูมิ ใน พอร์ตซูดาน มีอากาศอบอุ่นเพียงพอตลอดทั้งปี จึงไม่มีความหมายแต่ประการใดที่จะกล่าวถึงฤดูเพาะปลูกด้วยเงื่อนไขเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม เราได้แสดงแผนภูมิไว้ด้านล่างเพื่อให้เห็นการกระจายของอุณหภูมิที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปี ค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกเป็นค่าการสะสมความร้อนรายปี ซึ่งใช้เพื่อทำนายพัฒนาการของพืชและสัตว์ และหมายถึงค่าอินทิกรัลความอุ่นเหนืออุณหภูมิพื้นฐาน โดยไม่คำนึงถึงส่วนเกินใด ๆ ที่สูงกว่าอุณหภูมิสูงสุด ในรายงานนี้ เราใช้ค่าพื้นฐานเท่ากับ 10°C และค่าสูงสุดเท่ากับ 30°C จำนวนวันที่มีค่าความร้อนสะสมตลอดฤดูปลูกโดยเฉลี่ย ใน พอร์ตซูดาน เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ระหว่างเดือน ธันวาคม โดยเพิ่มขึ้น 452°C จาก 5,840°C เป็น 6,292°C ตลอดระยะเวลาทั้งเดือน พลังงานแสงอาทิตย์หัวข้อนี้จะอธิบายเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบรายวันทั้งหมดที่ตกกระทบพื้นผิวดินเป็นบริเวณกว้าง โดยพิจารณาถึงความผันแปรตามฤดูกาลในด้านช่วงแสงในแต่ละวัน ระดับความสูงของดวงอาทิตย์เหนือเส้นขอบฟ้า และการดูดกลืนแสงโดยเมฆและองค์ประกอบอื่นในชั้นบรรยากาศ รังสีคลื่นสั้นครอบคลุมถึงแสงที่มองเห็นได้และรังสีอัลตราไวโอเลต พลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยรายวัน ใน พอร์ตซูดาน is อยู่ที่ระดับคงที่เป็นสำคัญ ระหว่างเดือน ธันวาคม โดยคงอยู่ภายในช่วง 0.1 กว.-ชม. ของ 4.8 กว.-ชม. ตลอดเดือน พลังงานแสงอาทิตย์คลื่นสั้นตกกระทบเฉลี่ยต่ำสุดรายวันระหว่างเดือน ธันวาคม คือ 4.7 กว.-ชม. ในวันที่ 18 ธันวาคม ภูมิประเทศเพื่อให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ของรายงานฉบับนี้ พิกัดภูมิศาสตร์ของ พอร์ตซูดาน คือละติจูดที่ 19.617° ลองจิจูดที่ 37.216° และระดับความสูง 10 ม. ภูมิประเทศภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ พอร์ตซูดาน มีระดับความสูงที่แตกต่างกันเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น โดยที่ระดับความสูงมีการเปลี่ยนแปลงสูงสุด 43 เมตร และความสูงเหนือระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยเท่ากับ 6 เมตร ภายในรัศมี 16 กิโลเมตร มีระดับความสูงที่แตกต่างกันเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น (273 เมตร) ภายในรัศมี 80 กิโลเมตร มีระดับความสูงที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญมาก (1,816 เมตร) พื้นที่ภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ของ พอร์ตซูดาน ปกคลุมไปด้วย พื้นผิวเทียม (79%)และน้ำ (13%) ส่วนภายในรัศมี 16 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย น้ำ (35%)และผืนดินว่างเปล่า (25%) และภายในรัศมี 80 กิโลเมตร ปกคลุมไปด้วย น้ำ (45%)และผืนดินว่างเปล่า (44%) แหล่งข้อมูล |